ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 553 เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?
บทที่ 553 เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?
เจ้าแห่งความตายนั่งอยู่บนบัลลังก์กะโหลกของตน ขณะนี้กำลังครุ่นคิดถึงชายหญิงคู่หนึ่งที่ชายอ่อนแอคนนั้นได้กล่าวถึง ชายคนนั้น… คงเป็นวิญญาณกึ่งเทพ เขาเคยได้ยินเรื่องนี้จากเจ้าแห่งความตายที่สี่ แต่หญิงคนนั้น…
เจ้าแห่งความตายชำเลืองมองไปยังเจ้าแห่งความตายที่สี่ซึ่งนอนแผ่อยู่บนพื้นจนแทบไม่เห็นรูปร่างมนุษย์ การลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หญิงผู้นี้คงทนได้อีกไม่นาน
ช่างเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ แม้แต่มนุษย์คนเดียวยังจับตัวกลับมาไม่ได้!
แต่เมื่อเจ้าแห่งความตายนึกถึงว่า อีกไม่นานดินแดนว่างเปล่าจะกลายเป็นโลกแห่งความตายของเขา ถึงรู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง หากมีคนนอกอยู่ในตอนนี้พวกเขาคงตกตะลึงกับจำนวนกองทัพวิญญาณของโลกแห่งความตายอย่างแน่นอน ทั้งอาณาจักรเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายแน่นขนัด แทบจะไม่มีที่ว่างเหลืออยู่เลย แม้แต่เจ้าแห่งความตายก็ต้องวางบัลลังก์ไว้บนหัวของพวกมัน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าแห่งความตายได้สร้างกองทัพวิญญาณมากมายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการอย่างลับ ๆ เพื่อบุกโจมตีดินแดนว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา
แต่นั่นยังไม่พอ เจ้าแห่งความตายยกไม้เท้าในมือที่เปล่งประกายจ้าสุดขีด ไม้เท้านั้นประกอบด้วยอัญมณีหลากสีสัน แสงสีรุ้งส่องลงมายังกองทัพวิญญาณร้ายเบื้องล่าง โครงกระดูกที่เพิ่งกลายเป็นวิญญาณ มีเบ้าตาว่างเปล่า ได้รับพระราชทานดวงตาและพลังอำนาจ!
กองทัพโครงกระดูกอาบแสงสีรุ้ง ดูดซับพลังที่เจ้าแห่งความตายมอบให้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง เพิ่มโอกาสรอดชีวิตในสงครามที่กำลังจะมาถึง!
โลกแห่งความตายกำลังประกอบพิธีมอบพลัง ในขณะที่กองทัพดินแดนว่างเปล่าส่วนใหญ่กำลังเดินทางมา อีกส่วนหนึ่งกำลังไล่ล่าเจ้าวิญญาณที่ปรากฏตัว ส่วนในหลุมใหญ่ของป่าเขาทิงหลินนั้นเงียบสงบราวกับกาลเวลาหยุดนิ่ง
แน่นอนว่าหากละเลยคนตัวใหญ่และตัวเล็กที่ยังคงถูกยกค้างอยู่เหนือหลุมได้ จะยิ่งดูสงบเงียบราวกับกาลเวลาหยุดนิ่งอย่างแท้จริง
กระบวนการแยกวิญญาณของหลิงเยว่เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ขั้นตอนการดูดซับพลังเจือปนและเถ้าถ่านสีเทาดำนั้นไม่ราบรื่นเท่าขั้นตอนแรก ร่างกายรวมถึงวิญญาณของนางกำลังปฏิเสธการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรก ถึงขนาดพลังที่ดูดซับเข้าไปกลับถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์
หลิงเยว่ที่ไม่สามารถควบคุมแม้แต่ร่างกายของตัวเองได้ “…”
[เป็นตัวเจ้าเองที่ปฏิเสธการกลายเป็นต้นไม้ปีศาจ ยังมีหน้ามาโทษร่างกายและวิญญาณของตัวเองอีก]
ระบบย่อยทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยปากเตือนหลิงเยว่ที่ยังคงดูดซับและชำระล้างอย่างโง่เขลา หากปล่อยให้ล่าช้าต่อไป ชีวิตของเขาจะถูกทำลายจนหมดสิ้น!
“แล้วข้าควรทำเช่นไร”
หลิงเยว่ไม่คิดว่าสาเหตุจะเป็นเพราะสภาพจิตใจของตัวเอง
[แน่นอนว่าต้องเปิดใจยอมรับมัน]
“…”
โม่จวินเจ๋อผู้ที่เฝ้าดูกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของหลิงเยว่ จากสีหน้าที่เปล่งปลั่งกลายเป็นซีดขาว แม้แต่บุคลิกที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว กลายเป็น…
เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร แต่ถ้าต้นไม้กึ่งปีศาจสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ ตอนนี้มันควรจะให้ความรู้สึกเหมือนกับหลิงเยว่ แม้แต่ตาที่ปิดอยู่ก็ยังมีร่องรอยของความบ้าคลั่ง
หลิงเยว่ลืมตาขึ้นและสบเข้ากับสายตาของโม่จวินเจ๋อทันที จากนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เกิดอะไรขึ้น…?” โม่จวินเจ๋อถามอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าหลิงเยว่จะจำเขาไม่ได้
“เสียงมากมายปรากฏขึ้นในหัวของข้า พวกมันช่างน่ารำคาญเหลือเกิน…” หลิงเยว่กุมศีรษะของตัวเอง ทุบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามทำให้เสียงเหล่านั้นหายไป แต่น่าเสียดายที่เสียงเหล่านั้นไม่เพียงแต่ไม่หายไป กลับดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงเหล่านั้นไม่ได้มีแค่เสียงของมนุษย์เท่านั้น ยังรวมถึงเสียงของสัตว์และพืชด้วย พวกมันส่งเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ในหัวของหลิงเยว่ พูดสิ่งที่นางไม่เข้าใจ
แต่สิ่งที่แน่นอนคือพวกมันกำลังพูดกับนางแน่นอน
โม่จวินเจ๋อคว้ามือทั้งสองข้างของหลิงเยว่เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นางทำร้ายตัวเอง
หลิงเยว่พยายามสุดกำลังที่จะดึงมือทั้งสองข้างออกจากพันธนาการของโม่จวินเจ๋อ นางมองเขาด้วยสายตาที่ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคยในเวลาเดียวกัน
โม่จวินเจ๋อแน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยมือของหลิงเยว่ แต่กลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม “เจ้าถูกควบคุมแล้ว”
ในตอนนี้หลิงเยว่ไม่ได้ยินสิ่งที่โม่จวินเจ๋อพูดเลย นางมีเพียงความคิดเดียวที่จะทำลายพวกสิ่งมีชีวิตที่ส่งเสียงดังอยู่ในหัวของนาง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวและดุร้าย
“หลิงเยว่!” เสียงที่คุ้นเคยพร้อมด้วยพลังดังก้องในหูของหลิงเยว่พร้อมกับเสียงอึกทึกที่สงบลงในชั่วขณะนั้น
หลิงเยว่มองชายตรงหน้าอย่างงุนงง
“เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?”
“โม่จวินเจ๋อ ข้าจะลืมท่านได้อย่างไร?”
หลิงเยว่มองมือทั้งสองของตนที่ถูกจับไว้ “ข้าเพิ่งทำอะไรลงไป? หรือว่าข้าจะฆ่าท่าน?!”
พูดจบนางก็เบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “ไม่ใช่ เจ้าไม่ได้ต้องการฆ่าข้า แต่เป็นวิญญาณที่กลายเป็นเถ้าถ่านต่างหาก”
โม่จวินเจ๋อผ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยหลิงเยว่ เขากลัวว่านางจะทำร้ายตัวเองอีก
นางคงจะเสียสติไปแล้ว
ก็ดี ถ้าไม่เสียสติคงไม่สามารถรวมร่างกับต้นไม้ปีศาจได้
“หรือว่าเจ้าจะมัดข้าไว้?”
โม่จวินเจ๋อปฏิเสธข้อเสนอของหลิงเยว่ สายตาของเขาหันไปมองต้นไม้ปีศาจที่หดตัวลง “ไม่สู้ลองหลอมรวมกันตอนนี้เลยดีกว่า?”
ตอนนี้หลิงเยว่น่าจะสกปรกพอสมควรแล้วกระมัง…
หลิงเยว่พยักหน้าเห็นด้วย การนับถอยหลังสู่ความตายได้เข้าสู่ปีที่ 7 อย่างเป็นทางการแล้ว นั่นหมายความว่านางใช้เวลาเกือบสองปีไปกับการแยกวิญญาณและทำให้ตัวเองสกปรก
โม่จวินเจ๋อปล่อยมือจากหลิงเยว่ มองส่งนางเข้าไปในร่างแท้จริงของต้นไม้กึ่งปีศาจ
ทุกอย่างที่ควรทำก็ทำแล้ว หากร่างแท้จริงของต้นไม้กึ่งปีศาจยังคงไม่รู้จักดีชั่ว คงต้องใช้วิธีรุนแรงเสียแล้ว!
ผู่ตานและอีกาสุริยันที่ลอยอยู่เหนือหลุมมาเกือบสองปี “…”
มีใครสักคนมาช่วยพูดแทนพวกเขาหน่อยได้ไหม!
โม่จวินเจ๋อ เจ้าบ้านี่! รอให้ศิษย์น้องออกจากการปิดด่านเมื่อไหร่ เขาจะต้องฟ้องเรื่องนี้แน่ เพิ่มน้ำมันเติมน้ำส้มให้เผ็ดร้อนยิ่งขึ้น ให้นางได้เห็นหน้าตาที่น่าเกลียดน่าชังของเจ้าหมอนั่นเสียที!
อีกาสุริยันไม่มีแรงจะด่าอีกแล้ว นางจ้องมองไปยังที่ไกล ๆ ด้วยดวงตาที่ไร้ประกาย นึกถึงตัวเองในอดีตที่เคยทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อ
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งพุ่งผ่านมาอย่างรวดเร็วจากที่ไกล ตามมาด้วยเงาดำอีกเงาหนึ่ง แล้วก็มีเงาดำอีกเงาตามมา… “พวกเจ้าช่างไม่ยอมแพ้จริง ๆ หากไม่กลับไปยังโลกแห่งความตายในตอนนี้ พวกเจ้าจะต้องเสียใจแน่!”
“กองทัพจากดินแดนว่างเปล่ากำลังจะมาถึงโลกแห่งความตายแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้า…”
คำพูดที่เหลือผู่ตานและอีกาสุริยันไม่ได้ยินแล้ว
เสียงของผู้พูดดูคุ้นหูอยู่บ้าง คล้ายกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ผู่ตานลูบคางพลางนึกทบทวนอย่างละเอียด จากนั้นมองไปยังหลุมใหญ่ด้านล่างโดยไม่ตั้งใจ แล้วก็ชะงักงัน… นั่นคือเสียงของคนป่วยที่เดินทางมาพร้อมกับเขา โดยใช้แท่นมิติ ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก
ไม่คิดเลยว่าเขาร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีความเร็วมากขนาดนี้
“เงาดำสี่สายที่ไล่ตามเขาเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าวิญญาณ”
“!!!”
ผู่ตานตกใจและมองไปที่อีกาสุริยันอย่างเลื่อนลอย กองทัพวิญญาณร้ายบุกมาถึงที่นี่แล้วหรือ?
………………..