ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 561 ต้นไม้คู่แห่งความตายในตำนาน?
บทที่ 561 ต้นไม้คู่แห่งความตายในตำนาน?
ผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญต่างกินดื่มกันอย่างเอิกเกริกในช่วงเวลาที่รอคอยความตาย หากไม่มีเสียงร้องโหยหวนที่ดังมาไม่ขาดสาย พวกเขาคงจะกินดื่มอย่างสนุกสนานมากกว่านี้
ต้นไม้สีเขียวที่ห่อหุ้มโลกไว้เริ่มเหี่ยวเฉาลงเรื่อย ๆ มองจากภายนอก ลูกกลมสีเขียวขจีที่เคยมีอยู่บัดนี้กลวงโบ๋ไปเกือบครึ่ง ส่วนที่ว่างเปล่านั้นถูกแทนที่ด้วยหมอกสีสวยงาม
วิญญาณร้ายทะลุผ่านหมอกเข้ามาในโลกผู้บำเพ็ญทีละตัว ๆ พื้นที่ที่ผู้คนภายในสามารถเคลื่อนไหวได้ก็น้อยลงเรื่อย ๆ โล่ป้องกันนับพันชั้นค่อย ๆ แตกสลายภายใต้การทำลายล้างของทั้งหมอกสีสวยและวิญญาณร้าย วาระสุดท้ายของผู้ที่อยู่ภายในกำลังจะมาถึง…
ความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดจากอาหารเลิศรสหายไปสิ้น เพราะความตายที่กำลังจะมาเยือน เพราะไม่มีผู้ใดไม่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่
“อาจารย์ ขอบคุณท่านที่ดูแลศิษย์มาตลอดหลายปีนี้” อวี้เจินคุกเข่าลงตรงหน้าสยงฉีเลวี่ย แล้วก้มศีรษะคำนับอย่างจริงใจ
ดวงตาของสยงฉีเลวี่ยร้อนผ่าว คำพูดนับพันนับหมื่นรวมกันเป็นเพียงการกระทำเดียว นั่นคือการลูบศีรษะของอวี้เจินเบา ๆ
เขาช่างไร้ประโยชน์ ได้แต่พาบรรดาศิษย์มารอความตาย…
การกระทำของอวี้เจินราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการอำลา ทุกคนต่างเริ่มลงมือตามทันที
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมจากไป?”
เล่อเหอยังไม่ยอมละทิ้งความคิดที่จะให้หลิงเยว่น้อยและต้นไม้สีเขียวจากไป
หรือนี่เป็นเพราะความรับผิดชอบกันแน่?
หรือตอนนี้ไม่มีทางออกแล้ว?
ใช่แล้ว ร่างกายถูกกัดกร่อนไปแล้วสองในสาม แล้วจะออกไปได้อย่างไร?
เล่อเหอกำหมัดแน่น เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ เกลียดตัวเองที่เป็นผู้อาวุโสของดินแดนหนึ่ง แต่เมื่อภัยอันตรายมาถึง กลับไม่สามารถปกป้องสำนักและศิษย์ของตนได้!
หมอกสีสันแผ่ขยายเร็วขึ้น พร้อมวิญญาณร้ายที่ทำลายโล่ป้องกันได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่ครึ่งชั่วยามที่ผู้อาวุโสมู่คาดการณ์ไว้ก็คงไม่ถึง
โล่ป้องกันแตกสลายทั้งหมดแล้ว!
วิญญาณที่หิวโหยพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในทันที!
ผู้คนที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวและโกลาหลไม่ได้สังเกตเห็นว่า มีลำแสงสีทองสายหนึ่งทะลุผ่านม่านหมอกสีรุ้งหลายชั้นเข้าไปในพื้นที่ที่ยังไม่ถูกกัดกร่อนของต้นไม้สีเขียว
หลิงเยว่และอีกสามคนมาถึงขอบเขตทะเลม่วงอย่างหวุดหวิดในช่วงเวลาที่แท่นส่งตัวแตกสลาย
ขณะที่พวกเขาลงสู่พื้น วิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของหลิงเยว่ก็พุ่งเข้าสู่ทะเลม่วงด้วยความเร็วสูงสุด แล้วกลับเข้าสู่ร่างเดิมของตนในชั่วพริบตา
มุมหนึ่งของทะเลม่วงซึ่งถูกหมอกสีสันปกคลุมจนไม่เห็นดอกไม้สีม่วงแม้แต่ดอกเดียว จู่ ๆ ก็ปะทุแสงสีเขียวทองขึ้นมา เมื่อหมอกสีสันที่สัมผัสกับแสงนี้ มันก็สลายหายไป!
หลิงเยว่กล่าวขอโทษกับหลิงเยว่น้อยที่พลังถดถอยเป็นทารก ขดตัวจมอยู่ในห้วงนิทรา “ขอโทษที่… ข้ามาช้าเกินไป”
ร่างเล็ก ๆ ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองแห่งการปกป้อง คิ้วที่ขมวดแน่นค่อย ๆ คลายลง
ต้นไม้สีเขียวครึ่งต้นที่ถูกกัดกร่อนและเหี่ยวแห้งเกือบจะฟื้นคืนชีพในทันที มันแผ่ขยายไปทั่วดินแดน รากที่งอกขึ้นใหม่แทงทะลุพื้นดินรัดวิญญาณร้ายจนสิ้น
หมอกสีรุ้งเกือบจะเกาะติดกับรากสีเขียวมรกต แต่ในชั่วขณะถัดมาก็ถูกดูดซับไปโดยรากสีน้ำตาลที่โผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้
ตรงกลางทะเลม่วง ต้นไม้สีเทาเข้มที่ดูเหมือนถูกผ่าครึ่งจากตรงกลางผุดขึ้นจากพื้นดิน รากของมันแผ่ขยายดูดซับหมอกสีรุ้งตลอดเส้นทาง โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะรับไหวหรือไม่
“กรร!”
สัตว์อสูรหมอกว่างเปล่าปรากฏตัวขึ้น เสียงคำรามด้วยความโกรธของพวกมันดังก้องไปทั่วทะเลสีม่วง
พร้อมกับเงาดำสี่สายพุ่งทะยานผ่านหมอกสีรุ้ง ไล่ตามขบวนของโม่จวินเจ๋อ
หมอกสีรุ้งเริ่มจางลง ในความพร่ามัวยังสามารถมองเห็นต้นไม้สีเทาเข้มที่ซ่อนอยู่ในนั้นกำลังเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และต้นไม้ที่เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าราวกับเทพจุติลงมา
“นั่นคือ… ต้นไม้อะไร?”
“ต้นไม้คู่แห่งความตาย!”
“ฮ่า ๆ ๆ ราชินีภูตม่วงซ่อนมันไว้ได้ดีจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจที่แม้บ้านของนางจะถูกขโมย นางก็ยังตัดสินใจมุ่งหน้าสู่โลกแห่งความตาย!”
“สวรรค์! ต้นไม้คู่แห่งความตาย? ที่แท้ต้นไม้นี้ไม่ได้มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น”
“พวกเรารอดแล้ว!”
จอมวิญญาณร้ายที่สี่ก็ตกใจกับต้นไม้คู่แห่งความตายที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ร่างสิบกว่าร่างที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
พวกมันสังเกตเห็นที่ซ่อนตัวของข้าได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงปัญหานี้ จอมวิญญาณร้ายหันหลังหนีโดยไม่ลังเล
ถึงเขาจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับคนสิบกว่าคนที่มีระดับการบำเพ็ญเท่ากับเขาได้!
“อยู่ตรงนั้น!”
“ช่างหลบเก่งจริง ๆ!”
“น้องชาย เจ้าไม่เลวเลยนะ!”
ผู้บำเพ็ญสิบกว่าคนทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วกระจายตัวเป็นรูปพัดล้อมรอบจอมวิญญาณไว้ โม่จวินเจ๋อไม่ได้ตามไป แต่กลับหันหลังมุ่งหน้าไปทางทิศของโลกผู้บำเพ็ญ
ผู่ตานที่ยืนอยู่บนบ่าของโม่จวินเจ๋อ ขยายร่างให้ใหญ่ขึ้น ร่างกายลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีทอง ในเปลวไฟยังมีสีเขียวอ่อนแทรกอยู่เล็กน้อย ที่ใดที่เขาบินผ่าน หมอกสีรุ้งก็หายไปจนหมดสิ้น
พวกสัตว์อสูรหมอกว่างเปล่าที่สามารถอยู่ในหมอกสีรุ้งได้อย่างปลอดภัยนั้น ได้รับการสนับสนุนจากพลังปีศาจบริสุทธิ์ของต้นไม้ครึ่งปีศาจ หมอกสีรุ้งไม่สามารถเข้าสู่ร่างของพวกมันได้เลย แต่พวกมันกลับสามารถตบหมอกสีรุ้งให้กระจายและฉีกวิญญาณได้
เหล่าภูตน้อยและผู้เช่าที่ถูกหมอกสีรุ้งกัดกร่อนไปครึ่งหนึ่งถูกโยนไปทางต้นไม้สีเขียวมรกต โดยรากสีเทาเข้มที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
เสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมานในโลกผู้บำเพ็ญกลายเป็นเสียงร่ำไห้โฮ หลิงเยว่เทพผู้พิทักษ์ของพวกเขากลับมาแล้ว!
หมอกสีรุ้งอันน่าสะพรึงกลัวถูกทำลายเป็นชั้น ๆ ภายใต้แสงสีทองแห่งการปกป้องของต้นไม้มรกต
หมอกสีรุ้งเหนือทะเลสีม่วงค่อย ๆ จางลงอย่างต่อเนื่อง
“ราชินี บ้านของพวกข้า…” เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าภูตสีม่วงต่างร่ำไห้ด้วยความปีติ
“ข้าเห็นแล้ว”
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของราชินีภูตสีม่วงผ่อนคลายลงบ้าง แม้นางจะไม่รู้ว่าใครปรากฏตัวขึ้นที่ทะเลม่วง เพื่อช่วยเหลือบ้านเกิดของพวกนางในยามวิกฤตเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด นางจะเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าภูตสีม่วงตลอดไป!
เมื่อวิกฤตบ้านเกิดกำลังได้รับการแก้ไข พวกเขาไม่อาจทำให้สิ่งมีชีวิตในดินแดนว่างเปล่าผิดหวังได้ “ถล่มโลกแห่งความตายให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
“สังหารวิญญาณทั้งหมดให้สิ้นซาก!”
เจ้าเขตแดนและเจ้าเมืองทั้งหลายจากทุกสารทิศล้อมโลกแห่งความตายไว้รอบด้าน ราชินีแห่งเผ่าภูตนำหน้าทัพ แปลงร่างเป็นลำแสงสีม่วงบุกเข้าสู่โลกแห่งความตายอย่างรวดเร็ว
ประตูใหญ่แห่งโลกดินแดนความตายค่อย ๆ เปิดออก โครงกระดูกนับไม่ถ้วนพุ่งทะลักออกมามากมาย พวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่ากองทัพจากดินแดนว่างเปล่าเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ราชินีภูตสีม่วงได้พบกับเจ้าแห่งความตายแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง พอใจกับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ข้าส่งให้หรือไม่?” เจ้าแห่งความตายไม่ได้สนใจความรู้สึกของราชินีภูตสีม่วงเลยแม้แต่น้อย
“พอใจมาก” หากเป็นก่อนหน้านี้ราชินีภูตคงไม่ตอบ แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว!
“อ้อ จริงหรือ?”
“ใช่” ราชินีแห่งภูตค่อย ๆ เปลี่ยนกลับเป็นรูปลักษณ์ปกติของผู้บำเพ็ญ นางพลิกฝ่ามือทั้งสองไปมา ปลายนิ้วของนางปล่อยแสงสีม่วงออกมาอย่างต่อเนื่อง หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าในแสงสีม่วงนั้นยังมีเส้นสีเขียวมรกตแทรกอยู่ด้วย
การรับมือกับวิญญาณร้าย พลังแห่งชีวิตนั้นได้ผลดีที่สุด!
………………..