ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 567 เหมือนจะไม่ได้ยินทั้งหมด
บทที่ 567 เหมือนจะไม่ได้ยินทั้งหมด
“อืม? เหตุใดพวกนางจึงไม่เปล่งแสงแล้วเล่า?”
สามสิ่งมีชีวิตตัวน้อยพบว่าแสงทั้งสองสีหายไปในชั่วพริบตา ต้นไม้สีเขียวมรกตผสมสีเทาเข้มปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ดูแปลกประหลาดแต่ก็กลมกลืนกันดี ราวกับว่าพวกนางควรจะเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น
โม่จวินเจ๋อก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน แต่นี่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ต้นไม้ปีศาจที่กำลังกลืนกินต้นไม้มรกตเมื่อครู่ได้หยุดลงแล้ว
บางทีพวกนางอาจเลือกที่จะหลอมรวมวิญญาณก่อน
หลังจากที่แสงสองสายหายไปชั่วครู่ ทว่าในที่ไกล ๆ กลับปรากฏแสงสีรุ้งขึ้นมา
สามสหายและโม่จวินเจ๋อมองไปทางโลกแห่งความตายพร้อมกัน ที่นั่นเมฆดำถูกย้อมเป็นเมฆสีรุ้ง เมื่อเห็นภาพนั้นหัวใจของพวกเขาพลันเต้นรัวขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เพิ่งได้เห็นหมอกสีรุ้งที่ทะเลม่วงมาหมาด ๆ
ไม่ สองอย่างนี้มีความแตกต่างกันอยู่ เมฆสีรุ้งบนท้องฟ้าของโลกแห่งความตายมีสีที่เข้มและสดใสกว่า ตัดกับความมืดครึ้มของดินแดนเงาทมิฬอย่างชัดเจน ตอนนั้นแม้ทะเลสีม่วงจะดูสดใส แต่สีสันไม่ได้เข้มถึงเพียงนั้น
เสียงกรีดร้องดังก้องสนามรบ บางคนยังไม่ทันร้องออกมาก็ถูกหมอกสีรุ้งกัดกร่อนจนเหลือเพียงกองกระดูก
เจ้าแห่งความตายที่ดูดซับพลังชีวิตมีภูมิต้านทานต่อหมอกสีรุ้ง แต่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาไม่โชคดีเช่นนั้น สัมผัสเพียงครั้งเดียวก็ตายแล้ว จึงจำใจต้องให้พวกเขาถอนกำลัง
“ถอย ถอยออกไปทั้งหมด!”
ราชินีภูตสีม่วงถึงกับเสกเผ่าพันธุ์ของนางให้กลายเป็นดอกไม้ แล้วรวมตัวกันเป็นชุดกระโปรงดอกไม้สีม่วง สวมไว้บนร่างของนาง พลังชีวิตในร่างของนางจะปกป้องพวกเขา และพวกเขาก็จะกลายเป็นพลังของนาง!
ดวงดาวสีม่วงเล็ก ๆ รวมตัวกันเป็นแม่น้ำสายยาว แม่น้ำสายนั้นขวางกั้นเมฆและหมอกสีรุ้งที่กำลังแผ่ขยายออกไป
“ให้พวกเขาเร่งความเร็วในการถอนกำลัง ข้าทนได้อีกไม่นานแล้ว!”
“ขวางพวกเขาไว้!”
เจ้าแห่งความตายก้าวออกมาจากด้านหลังของจอมวิญญาณ แม้ว่าใบหน้าโครงกระดูกของเขาจะถูกปิดบังไว้ทั้งหมด แต่ก็ยังได้ยินความพึงพอใจในน้ำเสียงของเขา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อย่าคิดว่าจะหนีไปได้แม้แต่คนเดียว ทั้งหมดจงกลายเป็นหุ่นเชิดของข้าเสีย…”
ทัณฑ์สวรรค์ที่ตกลงมาบนร่างของเจ้าแห่งความตาย แสดงให้เห็นว่าเจ้าแห่งความตายที่สี่ซึ่งรับเคราะห์แทนเขาได้ตายไปแล้ว!
ดังที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ไม่ผิด เจ้าแห่งความตายที่สี่ตายแล้วจริง ๆ และไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน
ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆหมอกสีรุ้ง ดูคล้ายกับว่ามีคนกำลังฝ่าทัณฑ์สวรรค์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ สายฟ้าแลบแปลบปลาบล้วนตกลงมาบนร่างของเจ้าแห่งความตาย ก่อนที่เจ้าแห่งความตายจะตอบสนอง สีสันอันงดงามของเมฆสีรุ้งกลับมืดลงไปเล็กน้อย พร้อมกับหมอกสีรุ้งที่แผ่ซ่านออกมาอย่างไม่มั่นคง
ภาพนี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง วิถีสวรรค์แห่งดินแดนว่างเปล่ายังคงอยู่ฝ่ายพวกเขา!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าหัวเราะสิ ทำไมไม่หัวเราะต่อละ!” มีคนหัวเราะออกมาอย่างสบายอารมณ์
เจ้าแห่งความตายโกรธเจ้าแห่งความตายที่สี่ยิ่งนัก ทำไมถึงตายเร็วเช่นนี้ ทั้งที่เขาได้ใช้วิชาลับเพื่อให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักระยะ อย่างน้อยควรจะทนการลงโทษได้อีกสามถึงห้าเดือนสิ!
เจ้าแห่งความตายหลบหลีกการลงโทษครั้งที่สามของสวรรค์ได้ นั่นเป็นเพราะเป็นเพราะจอมวิญญาณรับเคราะห์แทนเขา
และนั่นถือเป็นการบังคับด้วย
“สมแล้วที่เป็นสิ่งไร้ชีวิต” ราชินีภูตม่วงดูถูกการกระทำของเจ้าแห่งความตายนัก แต่นางก็ยินดีที่ได้เห็นภาพนี้ เมื่อไร้การปกป้องจากจอมวิญญาณ พวกเขาก็จะสบายขึ้น
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ผู้คนจากดินแดนว่างเปล่าไม่สามารถยิ้มออกมาได้อีกต่อไป พวกเขาสีหน้าบึ้งตึงขณะสู้กับกองทัพวิญญาณที่ไม่หยุดหลั่งไหลเข้ามา พร้อมกับคุ้มกันผู้อื่นให้ถอยร่นไป
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางสู้กับเจ้าแห่งความตายได้โดยตรง พวกเขาทำได้เพียงปกป้องคนส่วนหนึ่งไว้ก่อน แล้วค่อยพยายามเข้าใกล้ตัวเขา!
โอ้! วิถีสวรรค์อย่าลงทัณฑ์ทีละครั้งเลย รีบส่งการลงทัณฑ์ทั้งหมดลงมาเถิด ฟาดฟันพวกผู้รุกรานเหล่านี้ให้ตายไปเสียที!
ดูเหมือนวิถีสวรรค์จะได้ยินเสียงร้องของลูกหลานตน แต่ราวกับว่าไม่ได้ยินทั้งหมด สายฟ้าสามสายพุ่งลงมาที่ศีรษะจอมวิญญาณสิบเอ็ดตน
ดวงตาอัญมณีอันงดงามของเขาแตกร้าว เจ้าแห่งความตายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทำไมทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ถึงได้ลงมาถึงสามสายพร้อมกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันลงมาทีละสายเพื่อทรมาน
ตอนนี้เตรียมจะจัดการวิญญาณร้ายให้ตายเร็วขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ฮึ ฝันไปเถอะ!
เผ่าวิญญาณร้ายของพวกเขาเคยทำลายเทพสวรรค์มาหลายองค์แล้ว จะกลัวอะไรเล่า?
เจ้าแห่งความตายฉวยโอกาสขณะที่จอมวิญญาณทั้งสิบเอ็ดยังทนได้ เริ่มใช้หมอกแห่งความตายครั้งที่สอง หมอกแห่งความตายสามารถซ้อนทับกันได้เรื่อย ๆ ปัจจุบันเขาซ้อนได้สูงสุดเพียงหกชั้น แต่หกชั้นก็เพียงพอที่จะทำลายดินแดนว่างเปล่าแล้ว!
“พวกเจ้าอย่าได้เหม่อลอยอยู่เลย จงโจมตีเดี๋ยวนี้!” ราชินีภูตม่วงใบหน้าซีดขาว ตะโกนเสียงเย็นใส่เจ้าเขตแดนอื่น ๆ ที่กำลังอึ้งอยู่
ยังมีเวลามาสนใจมองท้องฟ้าอีกหรือ? พวกเขาไม่รู้หรือว่านี่คือโอกาสดีในการโจมตี เจ้าแห่งความตายและเหล่าวิญญาณร้าย?
“แต่ว่าทัณฑ์สวรรค์…”
ทันทีที่เจ้าเขตแดนคนหนึ่งเอ่ยจบ สายฟ้าทั้งสี่สายก็พุ่งลงมาพร้อมกัน เกือบจะกลืนกินเจ้าแห่งความตายและเหล่าวิญญาณที่อยู่ตรงกลางให้จมหายไป หากเข้าไปตอนนี้ พวกเขาก็จะถูกลงทัณฑ์ไปด้วย
“กลัวไปทำไม นี่คือวิถีสวรรค์ของพวกเรา!”
ทำไมพวกเจ้าถึงได้โตแต่ตัวเล่า! ราชินีภูตม่วงแทบคลั่ง หากไม่ใช่เพราะนางต้องหยุดหมอกสีรุ้งไม่ให้แผ่ขยายออกไปนอกสนามรบจนไม่มีเวลาว่าง นางคงเข้าไปเองแล้ว จำเป็นต้องเรียกพวกเขาด้วยหรือ?
บรรดาเจ้าเขตแดนอยากจะบอกว่า ไม่งั้นลองเข้าไปก่อนสิ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา หนึ่งในนั้นสูดหายใจลึก แล้วพุ่งตัวเข้าไปในทัณฑ์สวรรค์ทันที
จากนั้นผู้คนที่ยืนดูอยู่ก็เห็นร่างของผู้นี้กลายเป็นโครงกระดูก
เพียงแค่มองก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
ใจกลางของทัณฑ์สวรรค์ระเบิดขึ้นอีกครั้ง
น่าเสียดายที่การโจมตีครั้งนี้ไม่สามารถทำร้ายเจ้าแห่งความตายได้ เพราะหมอกสีรุ้งยังคงงดงามเช่นเดิม
เจ้าเขตแดนคนอื่น ๆ เห็นว่าสหายที่บุกเข้าไปในทัณฑ์สวรรค์เพียงแค่บาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต จึงไม่ยืนดูอีกต่อไป พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มเข้าโจมตีเจ้าแห่งความตายและจอมวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดต้องมีการโจมตีสักครั้งที่เข้าเป้าสินะ?
แน่นอนว่าเมื่อถูกการโจมตีมากมายถาโถม เจ้าเขตแดนผู้เป็นหลักในการรับทัณฑ์จากสวรรค์ก็ล้มลง ในขณะเดียวกับที่เขาล้มลงนั้น เจ้าแห่งความตายก็ใช้หมอกแห่งความตายชั้นที่สามสำเร็จ แม่น้ำแห่งดวงดาวสีม่วงของราชินีภูตสีม่วงแตกสลายทันที!
หมอกสีรุ้งที่ไม่มีใครขัดขวางกำลังแผ่ขยายออกไปนอกสนามรบด้วยความเร็วสูง เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง
ราชินีภูตพ่นเลือดสีม่วงออกมาทันที ดวงตาคู่งามของนางที่เหมือนกับอัญมณีสีม่วงก็กลายเป็นสีหม่นไร้ประกาย
พลังชีวิตของนางถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว…
ในขณะที่ราชินีภูตกำลังถอนหายใจอย่างหดหู่ พลังงานที่คุ้นเคยก็ถูกส่งเข้าไปในตันเถียนของนาง “ท่านแม่ ในตัวข้ายังพอมีอยู่บ้าง”
เสียงขององค์ชายดังก้องอยู่ข้างหูราชินีภูต
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของที่หลิงเยว่มอบให้เขา
………………..