ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 568 มนุษย์ช่างเลวร้าย!
บทที่ 568 มนุษย์ช่างเลวร้าย!
สีหน้าซีดเผือดของราชินีภูตกำลังฟื้นคืนความสดใสอย่างรวดเร็ว
พลังชีวิตบนร่างของบุตรชายมาจากที่ใดกัน?
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของนาง นางนึกถึงต้นไม้คู่แห่งความตายที่ปรากฏในทะเลม่วง รวมถึงหญิงผู้นั้นที่จู่ ๆ ก็พาทั้งโลกมาที่ทะเลสีม่วง นางคงเป็นต้นไม้แห่งชีวิตใช่หรือไม่?
ไม่แปลกเลยที่สามารถนำพลังชีวิตมากมายเช่นนี้มาแลกเปลี่ยน ไม่แปลกเลยที่สามารถดูดซับหมอกสีรุ้งในทะเลม่วงได้ทั้งหมด…
แต่เหตุใดนางจึงไม่มาช่วยเหลือที่โลกแห่งความตายอีกครั้งเล่า?
หรือบางทีอาจถูกมนุษย์จอมโลภขวางเอาไว้!
ราชินีภูตอัดอั้นตันใจ เกลียดชังมนุษย์พวกนั้นที่ไม่สนใจภัยอันตรายของดินแดนว่างเปล่า คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว
“เจ้าจงนำพาเผ่าพันธุ์เดียวกันออกจากสนามรบไปปกป้อง… สหายมนุษย์ของเจ้าเสีย”
องค์ชายเย่าสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักได้ว่าท่านแม่ของเขากำลังพูดถึงหลิงเยว่
ราชินีภูตไม่ได้ให้โอกาสองค์ชายเย่าปฏิเสธเลย กระโปรงสีม่วงของนางพลิ้วไหว กองทหารภูตที่เก่งกาจพร้อมกับบุตรชายของนางถูกส่งออกจากสนามรบทั้งหมด
เหล่าทหารภูตม่วงที่ถูกส่งออกมางุนงง
องค์ชายเย่าฟื้นสติได้ทันท่วงที นำพวกเขามุ่งหน้าไปยังเทือกเขาทิงหลินอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขาได้แยกจากผู่ตานและคนอื่น ๆ ที่นั่น
ตอนนี้…
ไม่สิ ตอนนี้หลิงเยว่คงไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
“องค์ชาย เหตุใดจึงหยุดเดินเล่า?”
“กลับไปยังทะเลม่วงก่อน” องค์ชายเย่าเปลี่ยนทิศทางทันที หลิงเยว่ต้องอยู่ที่ทะเลม่วงแน่นอน หากนางไม่อยู่ที่นั่น ผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญก็ต้องรู้จุดหมายปลายทางของนางอย่างแน่นอน
ท่านแม่บอกให้เขาไปคุ้มครองหลิงเยว่อย่างกะทันหัน องค์ชายเย่าก็ไม่ใช่คนโง่ เขาพอจะเดาสาเหตุได้อย่างคลุมเครือ แต่ยังไม่กล้าฟันธง
ท่านแม่ต้องรับรู้ถึงสถานการณ์อันตรายที่หลิงเยว่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน…
องค์ชายเย่าหยิบยันต์เคลื่อนย้ายออกมาแล้วพาทหารภูติหนึ่งกองหายตัวไปทันที แม้สถานการณ์ของหลิงเยว่จะไม่อันตรายอย่างที่ราชินีภูตคาดเดา แต่ไม่อาจเรียกได้ว่าปลอดภัย
เพียงชั่วครู่เดียวก็มีผู้บำเพ็ญสามกลุ่มเดินผ่านดินแดนเงาทมิฬไป แม้แต่ตุ๊กตาไม้อ้วนอย่างกุ่ยซื่อก็เดาได้ว่าพวกผู้บำเพ็ญเหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไร
ทั้งหมดมาเพื่อหาต้นไม้คู่แห่งความตายแน่นอน!
กุ่ยซื่อเกิดความคิดอยากฆ่า
“ไม่สู้ออกไปนอกดินแดนเงาทมิฬแล้วฆ่าพวกที่เดินผ่านให้หมดเสียเลย!”
โม่จวินเจ๋อส่ายหัวเบา ๆ “การทำเช่นนั้นกลับจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา”
“ทำไมคนพวกนั้นถึงได้เลวร้ายนัก เจ้าเขตแดนอื่น ๆ กำลังยุ่งอยู่กับการรับมือเจ้าแห่งความตายที่บุกรุกเข้ามา แต่พวกเขากลับคิดจะทำร้ายหลิงเยว่เสียนี่!” ลูกกลมดำน้อยโวยวายอย่างไม่พอใจ ช่างไม่รู้จักสามัคคีเอาเสียเลย
“ใช่แล้ว ๆ มนุษย์นี่แย่ที่สุดเลย!” ลูกกลมดำจิ๋วรีบพยักหน้าเห็นด้วย
โม่จวินเจ๋อ “……”
มีเผ่าพันธุ์ไหนบ้างที่ไม่มีคนเลวร้าย?
“โอ้ หลิงเยว่จะออกมาอีกนานแค่ไหน ที่โลกแห่งความตายดูไม่ค่อยดีเลย!”
หากมันแผ่ขยายถึงดินแดนเงาทมิฬ…
ดูเหมือนจะไม่เป็นไร หลิงเยว่สามารถดูดซับหมอกสายรุ้งได้ เมื่อคิดได้ดังนี้สามสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็วางใจ
แต่ไม่ถูกนะ ถ้าตอนนั้นหมอกแห่งความตายแผ่ขยายไปถึงดินแดนเงาทมิฬ นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนอกดินแดนเงาทมิฬจะตายหมดหรอกหรือ?
ถ้าเช่นนั้นเผ่าพันธุ์ของพวกเขาคงไม่เหลือแล้วสิ!
เจ้าสามตัวเล็ก ๆ รู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้มีเพียงหลิงเยว่เท่านั้นที่สามารถรับมือกับหมอกแห่งความตายของเผ่าวิญญาณร้ายได้ แต่ตอนนี้นางกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย พวกเขากลัวว่าเมื่อนางหลอมรวมเป็นต้นไม้อย่างสมบูรณ์ ในดินแดนว่างเปล่าอาจจะไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว
“พวกเขายังไม่มีวิธีหยุดอีกหรือ?” โม่จวินเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล หากหยุดไม่ได้ เขาจำเป็นต้องย้ายผู้คนจากโลกผู้บำเพ็ญไปยังดินแดนเงาทมิฬก่อนที่หมอกแห่งความตายจะแผ่ขยายไปถึงทะเลม่วง
ที่นี่มีหลิงเยว่อยู่ หมอกสีรุ้งไม่สามารถบุกรุกเข้าดินแดนเงาทมิฬได้
“จะหยุดได้อย่างไร เผ่าวิญญาณร้ายก็เหมือนเนื้อร้าย เมื่อถูกสัมผัสแล้วไม่มีทางที่จะรอด”
กุ่ยซื่อพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เจ้าแห่งความตายได้ทำลายโลกเล็ก ๆ ไปหลายโลก และดูเหมือนว่าการกระทำนั้นได้ให้ความมั่นใจและความกล้าแก่เขา จนคิดลงมือกับโลกใบใหญ่อย่างดินแดนว่างเปล่า
ดูเหมือนว่าโอกาสที่จะสำเร็จนั้นค่อนข้างสูงเสียด้วย
“เผ่าวิญญาณร้ายไม่มีจุดอ่อนอื่นนอกจากลมหายใจแห่งชีวิตเลยหรือ?” ลูกกลมสีดำตัวน้อยกะพริบตาอย่างงุนงง
“แน่นอนว่ายังมีพลังบุญกุศลและอาวุธที่ทำจากกระดูกของผู้บรรลุธรรมและก้าวเข้าสู่การเป็นเซียน รวมถึงกระดูกของพระพุทธเจ้าด้วย” ของพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งหายากและมีจำนวนน้อยมาก
กุ่ยซื่อถอนหายใจยาว
รับมือยากก็แล้วไป แต่จำนวนยังมากขนาดนี้อีก!
ถ้าเผ่าวิญญาณผีมีจำนวนมากเหมือนกัน คงไม่ต้องให้คนอื่นลงมือเลย แค่พวกเขาก็สามารถทำลายล้างเผ่าวิญญาณร้ายได้แล้ว!
สวรรค์ช่างไร้ดวงตาเสียจริง!
เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองมีดวงตาปกติดี ครั้งนี้เทพสวรรค์จึงได้ส่งทัณฑ์สวรรค์ลงมาถึงแปดสาย แถมหลบเลี่ยงผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนว่างเปล่าและเจ้าแห่งเขตแดน แล้วพุ่งเป้าไปยังร่างของเจ้าแห่งความตายอย่างแม่นยำ
ผู้บำเพ็ญที่เฉียดผ่านการลงทัณฑ์จากสวรรค์ตกใจจนเหงื่อเย็นผุดทั่วร่าง
หมอกสีสันสดใสที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วกลายเป็นชั้นบาง ๆ และยังหยุดนิ่งอีกด้วย
ผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนว่างเปล่ายังไม่เคยเห็นเทพสวรรค์ส่งทัณฑ์สวรรค์ถึงแปดสายในคราวเดียว คราวนี้ถ้าเจ้าแห่งความตายไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่!
ราชินีภูตม่วงหัวเราะเสียงดัง คนอื่น ๆ ที่กำลังเหงื่อตกก็ถอยหลังพลางหัวเราะเยาะตามไปด้วย
ช่างสะใจจริง ๆ!
วิญญาณของเจ้าแห่งความตายที่ถูกโจมตีทัณฑ์สวรรค์แปดสายพร้อมกัน แม้ร่างโครงกระดูกของเขาจะไม่ถึงกับแตกละเอียด แต่ก็มีผุพังไปบ้าง
สี่จอมวิญญาณที่ได้รับผลกระทบจากการลงโทษของสวรรค์ก็ประสบชะตากรรมอันน่าเวทนาเช่นเดียวกับเจ้าแห่งความตาย พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ มองดูร่างกายของตนที่แตกกระจายอย่างเงียบ ๆ อาภรณ์ระดับสูงที่สวมใส่ก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น การวิ่งเปลือยกายท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายช่างรู้สึกซับซ้อนยิ่งนัก!
คราวนี้เจ้าแห่งความตายโกรธจริง ๆ แล้ว!
เขาพยายามซ่อมแซมร่างกายของตน แต่กลับพบว่าเพียงแค่สัมผัสก็ถูกสายฟ้าที่ปกคลุมอยู่ฟาดใส่ทันที วิญญาณของเขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก พลังของเขาลดลงอย่างมาก รวมถึงกองทัพวิญญาณร้ายที่เกี่ยวข้องด้วย!
“จงฆ่าพวกมันเถิดพี่น้องทั้งหลาย อย่าพลาดโอกาสที่สวรรค์มอบให้พวกเราเลย!”
ด้วยการลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่ช่วยเหลือ อีกทั้งหมอกแห่งความตายที่จางลงอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนว่างเปล่าต่างฮึกเหิม พวกเขาฉวยโอกาสนี้โจมตีเผ่าวิญญาณร้ายอย่างไม่ลังเล!
“แปลกจริง วิญญาณร้ายกลับจัดการได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!”
“จริงหรือ… เป็นเพราะเจ้านายของพวกมันถูกสับเป็นกองกระดูกกระมัง?”
“แทนที่จะเสียเวลาพูดคุย ไปฆ่าวิญญาณร้ายให้มากขึ้นดีกว่า!”
ผู้พูดเพียงแค่โบกมือก็ทำลายวิญญาณร้ายได้เป็นจำนวนมากในทันที ง่ายยิ่งกว่าการหั่นแตงโมเสียอีก!
พื้นดินถูกปกคลุมด้วยกระดูกแห้งอย่างรวดเร็ว เผ่าวิญญาณร้ายที่เมื่อครู่ยังดูน่าเกรงขามกลับไร้ซึ่งพลังต่อกร เหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาทั้งสองของเจ้าแห่งความตายเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เขาจ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เทพสวรรค์คงไม่คิดว่าเพียงแค่เสียร่างโครงกระดูกไป เขาจะไม่มีวิธีอื่นอีกกระมัง?
ฮึ!
ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้โทษเขาว่าลงมือโหดเหี้ยมเกินไปเลย!