ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 570 จบแล้ว จบแล้ว!
บทที่ 570 จบแล้ว จบแล้ว!
คนป่วยแทบไม่ต้องคิด เขาใช้ทักษะการเคลื่อนย้ายของวิหารต้อนรับเทพทันที
ชั่วพริบตาก็มาถึงด้านนอกของดินแดนเงาทมิฬแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ดินแดนเงาทมิฬ พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง!
ทั้งดินแดนว่างเปล่าสั่นสะเทือน ท้องฟ้า… แตกร้าว
ภายในรอยแยกมีหมอกลอยอยู่ หมอกกลายเป็นเกล็ดหิมะสีเทา ค่อย ๆ โปรยปรายลงมา เนื่องจากการมาถึงของเกล็ดหิมะสีเทา อุณหภูมิของดินแดนว่างเปล่าลดลงถึงจุดเยือกแข็งฉับพลัน
เกล็ดหิมะสีเทา?
คนป่วยมองดูสมบัติล้ำค่าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาอยากจะกัดฟันพุ่งเข้าไปคว้าพวกมันและพาหนีไป แต่มันสายเกินไปแล้ว!
เมื่อเทียบกับสมบัติเหล่านั้น ชีวิตของเขาสำคัญกว่า
คนป่วยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เข้าไปซ่อนตัวในวิหารเทพก่อน เมื่อถึงเวลาที่สมบัติเหล่านั้นเผลอ เขาจะรีบออกมาแล้วพาพวกมันหนีไปทันที!
ขณะที่คนป่วยก้าวเข้าสู่วิหารเทพ เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจนทำให้วิญญาณของผู้คนชาวาบไปหมด เป็นเสียงที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าเสียงร้องจากการถูกหมอกสีรุ้งกัดกร่อนเสียอีก
ราชินีภูตสีม่วงได้แต่จ้องมองชายผู้เป็นเจ้าเขตแดนเช่นเดียวกับนาง ถูกเกล็ดหิมะสีเทาละลายกลายเป็นน้ำศพ แม้ร่างกลายเป็นน้ำแล้ว เกล็ดหิมะสีเทาก็ยังไม่ปล่อย พอมันดูดซับทุกอย่างจนหมด เกล็ดหิมะที่แบนราบก็พองขึ้นราวกับคนที่เพิ่งอิ่มหนำสำราญ
ภาพต่อมายิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง เห็นเพียงเกล็ดหิมะที่อิ่มหนำค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น มัน ‘ยืน’ เอียง ๆ ราวกับกำลังพินิจพิเคราะห์คนตรงหน้า
แม้ราชินีภูตสีม่วงจะรู้สึกหวาดกลัว แต่นางยังใช้ท่าไม้ตายโจมตีใส่เกล็ดหิมะสีเทาอ้วนนั้นอย่างไม่ลังเล
ปรากฏหลุมขนาดมหึมา กลืนกินเกล็ดหิมะสีเทาไม่หยุด
“ก็… ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เมื่อครู่เจ้าเขตแดนคงไม่ได้ระวังตัว จึงถูกของพวกนี้เล่นงานเข้า”
เกล็ดหิมะสีเทาโปรยปรายลงมาเร็วขึ้น จำนวนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รอยแยกบนท้องฟ้าค่อย ๆ ขยายออก ทำให้ราชินีภูตขนลุกซู่
เกล็ดหิมะพวกนี้คืออะไรกันแน่!
เหมือนกับหมอกสีรุ้งหรือไม่?
“พวกเราควรจะหยุดรอยแยกไม่ให้ขยายตัวใช่หรือไม่?” ผู้บำเพ็ญบางคนสังเกตเห็นความผิดปกติของรอยแยกบนท้องฟ้า รู้สึกว่าถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ จะเกิดผลร้ายแรงอย่างยิ่ง!
แต่น่าเสียดาย… คงสายเกินไปเสียแล้ว
หิมะสีเทาที่ถูกฝังอยู่ได้ลอยออกมาจากหลุมยักษ์ ขณะที่พวกมันล่องลอยไป ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์ สัตว์หรือแม้กระทั่งพืช!
และทั้งหมดปรากฏในรูปแบบของโครงกระดูก!
เผ่าพันธุ์… วิญญาณร้าย?
ดูเหมือนว่ากองทัพวิญญาณร้ายที่ถูกสังเวยเหล่านั้นได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในบรรดาเกล็ดหิมะสีเทาอ้วน มีเกล็ดหนึ่งแปรสภาพเป็นโครงกระดูกนกขนาดมหึมา มันกระพือปีกจนเกิดพายุพัดพาเกล็ดหิมะสีเทาไปยังมุมอื่น ๆ ของพื้นที่ว่างเปล่า
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมภาพที่ทำให้ขนลุกซู่อีกฉาก ทุกคนต่างสิ้นหวัง ด้านหน้ามีหมอกสีรุ้ง ด้านหลังมีเกล็ดหิมะสีเทา…
แถมเกล็ดหิมะสีเทายังสามารถแปรสภาพเป็นวิญญาณร้ายได้ เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้ผู้คนสูญเสียความคิดต่อต้านไปแล้ว
แต่นั่นไม่รวมถึงราชินีภูต เพราะนางเริ่มโจมตีแล้ว!
วิญญาณนกและรอยแยกระเบิดพร้อมกัน!
เกล็ดหิมะสีเทาที่ถูกพลังชีวิตระเบิดใส่เหี่ยวเฉาลง แต่ก็แค่เหี่ยวเฉาเท่านั้น!
ส่วนนกวิญญาณตัวนั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าวิญญาณนกเสียอีก เพียงแค่ปีกข้างหนึ่งพังเท่านั้น…
“ทำไมแม้แต่พลังชีวิตก็ยัง…?” ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ความหวังที่เพิ่งจุดขึ้นของผู้บำเพ็ญพังทลายลงในชั่วพริบตา
แม้พลังชีวิตอันบริสุทธิ์เช่นนี้ทำให้นกวิญญาณได้รับบาดเจ็บ และทำให้หิมะบางส่วนเหี่ยวเฉาเท่านั้น แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ดอกหิมะสีเทาที่ร่วงหล่นลงพื้นต่างแปรสภาพเป็นวิญญาณ ต่างจากเจ้าแห่งความตายในโลกความตาย พวกมันไม่มีดวงตาอัญมณี เสื้อคลุมหรือไม้เท้าวิเศษ แต่พลังของพวกมันนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
นกวิญญาณเพียงแค่กระพือปีกข้างที่ไม่บาดเจ็บเบา ๆ ราชินีภูตถูกพัดกระเด็นออกไปไกล นางล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา
“ฮึ! ครั้งแรกข้าไม่คิดบัญชีกับเจ้า แต่เจ้ากลับมาเป็นครั้งที่สอง!” ในขณะที่นกวิญญาณกำลังจะกระพือปีกเป็นครั้งที่สอง เงาร่างหนึ่งก็พุ่งผ่านสายตาของมัน พาราชินีภูตหายไปเสียก่อน บริเวณที่นางเคยยืนอยู่เมื่อครู่นี้ปรากฏหลุมลึกขนาดมหึมา มีไอแค้นเข้มข้นลอยขึ้นมาจากหลุม
ไอแค้นนั้นกลายร่างเป็นวิญญาณ พุ่งเข้าใส่ฝูงชน
“ดินแดนว่างเปล่าจะพินาศแล้ว!”
ไม่จำเป็นต้องเตือนด้วยซ้ำ ตั้งแต่ท้องฟ้าแยกออกเป็นช่อง ผู้คนบางส่วนก็หนีไปแล้วผู้คนในดินแดนว่างเปล่าที่เคยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน บัดนี้ต่างแตกฉานซ่านเซ็นราวกับนกและสัตว์ป่า พวกเขาเกรงว่าจะหนีไม่ทันจึงใช้ยันต์เคลื่อนย้าย
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่รู้ว่า ดอกหิมะสีเทาที่ถูกนกวิญญาณพัดกระจายไปทั่วทุกมุมของดินแดนว่างเปล่านั้น บัดนี้ได้กลายเป็นวิญญาณอันทรงพลัง รอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อรับสิ่งมีชีวิตที่มาเยือน
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทุกหนแห่ง
วิญญาณก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ดินแดนว่างเปล่าจมดิ่งสู่นรกอเวจี! นี่คือสิ่งที่เจ้าแห่งความตายต้องการ
นี่คือผลลัพธ์ของการต่อต้านเขา!
วิญญาณของเจ้าแห่งความตายค่อย ๆ จางหายไป นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเรียกโลกแห่งความแค้น แต่ก่อนตายได้ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนว่างเปล่าตายตามไปด้วย
ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวว่า เจ้าแห่งความตรายที่สี่โง่เขลา แล้วตัวเขาไม่ได้โง่เขลาเช่นกันหรือ?
ไม่ เขาไม่ได้โง่เขลาแน่นอน แม้จะสละทุกสิ่ง แต่เขายังมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งความแค้น และมีชีวิตอยู่ต่อไป!
เขาไม่อยากตาย เขาต้องการฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนว่างเปล่าด้วยตัวเอง และยังต้องการลอกหนังมนุษย์คนนั้นที่เคยบุกรุกเข้ามาในโลกแห่งความตายและท้าทายเขาด้วย!
เทพสวรรค์ของดินแดนว่างเปล่าก็ไม่อาจปล่อยไปได้ หากไม่ใช่เพราะมันส่งทัณฑ์สวรรค์ลงมา เขาคงไม่ถูกบีบให้สังเวยตนและเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเพื่อเรียกโลกแห่งความแค้น!
ความเคียดแค้นทำให้วิญญาณที่จางหายไปของเจ้าแห่งความตายเข้มข้นขึ้น
เทพสวรรค์ที่ถูกเกลียดชังไม่ได้เลือกที่จะละทิ้งโลกของตนเองเหมือนกับประชาชนของมัน แต่กลับระดมพลังทั้งหมดเพื่อโจมตีโลกแห่งความแค้นที่บุกรุกดินแดนอย่างสุดกำลัง
ในชั่วพริบตา แสงสีทองแผ่กระจายไปทั่ว ภายในความเจิดจ้าของสีทองนั้นมีสายฟ้าสีทองกำลังเคลื่อนไหวอยู่
ผู้บุกรุกคนหนึ่งกล้าหาญเช่นนี้!
คิดว่าเทพสวรรค์กินเจหรือ?
ฝนสีทองตกลงมาจากฟากฟ้า บนพื้นดินที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งสีเทาก็มีของเหลวสีทองไหลเวียนอยู่ พื้นน้ำแข็งแตกออก รอยแยกบนพื้นดินกำลังปิดตัวลง
“เทพสวรรค์…”
บางคนอุ้มของเหลวสีทองไว้พลางร้องไห้เหมือนคนโง่ พลังบุญกุศลมากมายเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตไม่ผิดแน่นอน หยาดฝนสีทองที่ตกลงมาจากสวรรค์นั้นคือพลังแห่งบุญกุศล ทั่วทั้งดินแดนว่างเปล่าถูกห้อมล้อมด้วยสีทอง ต้นไม้ที่มีลำต้นสีเขียวมรกตแต่เปล่งประกายสีทองผุดขึ้นมาจากพื้นดิน
ต้นไม้แห่งชีวิตที่อาบไล้ด้วยพลังแห่งบุญกุศลแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างรวดเร็ว ลำต้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเทียบเท่าฟ้า กิ่งก้านแผ่ปกคลุมทั่วทั้งโลกจึงหยุดลง
กิ่งไม้สีเขียวมรกตไม่เกรงกลัวใด ๆ ยื่นกิ่งก้านของตนเข้าไปในช่องทางเข้าสู่โลกแห่งความแค้น แล้วใช้ลำต้นของตนสอดแทรกสองข้างเพื่อเย็บปะช่องโหว่
การเคลื่อนไหวนั้นดูคล้ายกับมนุษย์กำลังซ่อมแซมเสื้อผ้าอย่างยิ่ง
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
………………..