ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 591นางเป็นลูกของใครกัน?
บทที่ 591นางเป็นลูกของใครกัน?
ทั้งสองจ้องมองกันอยู่นานจนกระทั่งผู้คนทั้งหมดฟื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“สวรรค์! วรยุทธ์ของข้า วรยุทธ์ของข้า…”
“สวรรค์! รากวิญญาณอันน่าสยดสยองของข้าดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นแล้ว แถมพลังยังก้าวกระโดดจากขอบเขตสร้างรากฐานไปเป็นขอบเขตปฐมวิญญาณอีกด้วย ฮ่า ๆ ๆ ขอบเขตปฐมวิญญาณเชียวนะ!”
“โอ้! พลังของข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน!”
“อืม… ทำไมข้ารู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ ราวกับว่าทั่วร่างเต็มไปด้วยพลัง จู่ ๆ ก็อยากไปตัดฟืนเสียแล้ว!”
“โลกของพวกเราพัฒนาสำเร็จแล้วใช่หรือไม่ พวกเราถึงได้รับผลประโยชน์ไปด้วย!”
เสียงแห่งความสงสัยดังขึ้นทั่วทุกมุมของอาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์ ความสงสัยที่แฝงไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น แม้แต่คนธรรมดาก็จมดิ่งอยู่ในพลังที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ผู้บำเพ็ญทั้งหมดรวมถึงคนธรรมดาต่างตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงของตนเอง สัตว์และพืชบางส่วนถึงกับสามารถแปลงร่างได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบ
พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ทุ่มเทสนับสนุนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเทพสวรรค์เท่านั้น แต่กลับได้รับของขวัญยิ่งใหญ่เช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกตื้นตันเสียจริง!
การได้เกิดมาในโลกนี้ช่างดีเหลือเกิน!
นี่เป็นเสียงจากใจของผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญ พวกเขามองหน้ากันไปมา แล้วโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
ผู้คน ปีศาจและสัตว์ต่าง ๆ จากโลกเล็ก ๆ ที่ถูกเทพสวรรค์รวมเข้ามาในอาณาเขตของตนยังคงอยู่ในสภาวะงุนงง ทำไม… ท้องฟ้าถึงเปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้?
เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับการเลื่อนขั้นพลัง จากเจ้าลูกกลมสีดำขนาดเล็กกลายเป็นลูกกลมสีดำขนาดใหญ่ก็งงงวยไม่แพ้กัน รวมถึงวิญญาณผีทั้งสี่จากดินแดนเงาทมิฬที่ถูกโลกใหม่ยอมรับอย่างสมบูรณ์ก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ เช่นกัน
พวกเขาที่อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าอยู่แล้ว ยังรู้สึกว่าการบำเพ็ญเพียรกำลังจะทะลุผ่านไปอีกขั้น หากปล่อยให้พวกเขาบำเพ็ญเพียรด้วยตัวเองคงต้องใช้เวลาประมาณห้าหมื่นปี แต่ตอนนี้เพียงแค่ได้รับพลังศรัทธาเล็กน้อยก็ประหยัดเวลาไปได้ถึงห้าหมื่นปีแล้ว
ทั้งสี่ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสาม สี่ ห้า และหกของอาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์ต่อจากหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ
ใช่แล้ว การดูดซับพลังบุญกุศลจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ทำให้หลิงเยว่ผู้มีคุณูปการสูงสุดต่อโลกใหม่ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอย่างสมเหตุสมผล ส่วนโม่จวินเจ๋อ เนื่องจากร่างกายยังเชื่อมโยงกับนาง และด้วยเหตุผลที่เป็นร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ การบำเพ็ญเพียรของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบเท่าเทียมกับนาง
แต่หากจะนับว่าใครเป็นผู้ชนะในชีวิต คงต้องยกให้ต้นไม้ปีศาจที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของโม่จวินเจ๋อ เพราะนางมีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนของโลกนี่นา!
“ศิษย์… ศิษย์น้อง เด็กคนนี้มาจากไหน?” ผู่ตานกำลังวิ่งมาเพื่อรายงานข่าวดีให้หลิงเยว่ทราบ แต่กลับเห็นภาพครอบครัวแสนสุขเสียก่อน พวกเขาหมดสติไปนานแค่ไหนกัน ถึงขนาดที่ลูกของศิษย์น้องโตขนาดนี้แล้ว!?
“นี่ข้าคลอดเองเชียวนะ!”
คำพูดนี้ทำให้ผู่ตานตกตะลึงจนตัวชา ศิษย์น้องของเขาใช้โอกาสที่เขาหมดสติเพื่อพัฒนาพลังและคลอดลูก?
ดูสิ ดวงตาและคิ้วนั่นเหมือนศิษย์น้องมากจริง ๆ
อืม… และดูเหมือนจะคล้ายโม่จวินเจ๋ออยู่บ้าง
“กับ… ใคร?” อวี้เจินที่มาทีหลังมองดูหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อที่หัวเราะเหมือนคนโง่ คำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว แต่นางก็อดถามไม่ได้
“จะถามอะไรอีก แน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์เอกคนเดียวของข้าน่ะสิ!” เล่อเหอยิ่งมองต้นไม้ปีศาจน้อยก็ยิ่งพอใจ มองไปมองมาก็อดใจไม่ไหวคว้าเด็กน้อยมาอุ้มไว้ในอ้อมอก เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กเล็กแบบนี้ ช่างน่ารักจริง ๆ
“ท่านอาจารย์หลิง นางชื่อว่าอะไรหรือ?” เซี่ยซิ่นรุ่ยไม่สงสัยในคำพูดของหลิงเยว่แม้แต่น้อย เขามองต้นไม้ปีศาจน้อยด้วยสายตาเอ็นดู น่ารักเหมือนฮวนฮวนตอนเด็กเลย!
“อ๋อ ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย พวกเจ้าช่วยคิดหน่อยสิ”
“ถือโอกาสช่วยข้าคิดชื่อลูกสาวคนโตด้วย”
“ลู ลู ลูกสาวคนโต!?” ลูกตาของลู่เป่ยเหยียนแทบจะถลนออกมาด้วยความตกใจ การปรากฏตัวของเด็กน้อยคนนี้ก็น่าตกใจมากพออยู่แล้ว
ยังมีลูกสาวคนโตอีกหรือ?!
“ใครเป็นลูกสาวคนโตของเจ้ากัน!” เสียงสตรีที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้นอย่างกะทันหันจากด้านหลังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นพวกเขาก็เห็นร่างหัวโล้นที่คุ้นเคย
“เจ้าหัวโล้นน้อย!?”ฮวนฮวนแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นหญิงงามหัวโล้นรูปร่างอ้อนแอ้นตรงหน้า
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงทอง เดินยิ้มเข้ามาหากลุ่มคน “ข้าเอง”
เจ้าหัวโล้นน้อยที่ความปรารถนาเป็นจริงยิ้มจนตาหยี รอยยิ้มนี้ซ้อนทับกับหลิงเยว่ที่กำลังยิ้มเช่นกัน แต่ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองไม่ค่อยเหมือนกันมากนัก
“หลิงเยว่พูดถูก พวกเจ้าช่วยข้าคิดชื่อสักชื่อเถอะ”
ชื่อหรือ…
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง จนผู้บำเพ็ญจากพุทธวิหารเอ่ยขึ้น “ชื่อฮ่วนเมิ่งดีหรือไม่?”
“ราวกับความฝัน เหมือนดังตอนที่เจ้าปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนถึงตอนนี้ ข้ายังรู้สึกเหมือนฝันอยู่เลย”
“พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร?” หัวล้านน้อยดูเหมือนจะคิดว่าชื่อนี้ไม่เลวเลย แต่ยังถามความเห็นจากคนอื่น ๆ ที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็คิดชื่อไม่ออกสักที
“พวกข้าคิดว่าดีมากแล้ว!”
ดังนั้นเจ้าหัวโล้นน้อยจึงได้ชื่อว่า ฮ่วนเมิ่ง
“แล้วชื่อของข้าล่ะ?!” ต้นไม้ปีศาจน้อยไม่พอใจ คนที่ออกมาทีหลังนางมีชื่อแล้ว ทำไมนางถึงยังไม่มีเล่า!?
“เรียกเจ้าว่าหลิงเข่ออ้ายดีไหม ดูสิ ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้…” คำพูดของอวี้เจินยังไม่ทันจบก็ถูกทุกคนมองด้วยสายตาดูแคลนทันที ช่างกล้าพูดออกมาจริง ๆ
“ถ้าเช่นนั้นเรียกว่าหลิงซินดีไหม?”
แม้ผู่ตานจะเกลียดโม่จวินเจ๋อ ชายผู้เงียบขรึมที่แย่งชิงศิษย์น้องไป แต่เขาก็ยังชอบเด็กเล็ก ๆ อยู่ดี จึงช่วยตั้งชื่อให้ด้วย
“หลิงอ้าย?”
“หลิงหลิง?”
ทุกคนเพิกเฉยต่อโม่จวินเจ๋อ แน่นอนว่าต้องใช้แซ่ของหลิงเยว่สิ!
โม่จวินเจ๋อก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะแซ่หลิงฟังดูไพเราะกว่า
“ชื่อหลิงโม่เป็นอย่างไรบ้าง?” ตุ๊กตาไม้อ้วนที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ เกาะอยู่บนไหล่ของเล่อเหอ ใช้ดวงตาขนาดใหญ่น่าขนลุกจ้องมองเด็กน้อย
“โม่กับโม่เป็นเสียงเดียวกัน นางเป็นลูกของพวกเจ้าสองคนนี่นา เหมาะสมยิ่งนัก!” กุ่ยซื่อพึงพอใจกับชื่อที่ตนเองตั้งขึ้นเป็นอย่างมาก คนทั้งกลุ่มนี้ยังไม่ฉลาดเท่าเขาหรอก!
โม่จวินเจ๋อก็รู้สึกชอบชื่อนี้เช่นกัน
หลิงเยว่บังเอิญเหลือบไปเห็นโม่จวินเจ๋อที่ดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อนี้ จึงตัดสินใจตั้งชื่อต้นไม้ปีศาจน้อยทันที
“ได้ งั้นเรียกนางว่าหลิงโม่เถอะ”
“ไม่พิจารณาอีกหน่อยหรือ?” โม่จวินเจ๋อแสร้งถาม แต่ความจริงแล้วมุมปากของเขายกขึ้นจนจะถึงหูอยู่แล้ว!
“ทั้งที่พอใจมากแท้ ๆ ยังจะมาทำท่าแบบนี้ให้ใครดูกัน!” ตอนนี้โม่จวินเจ๋อทำอะไรก็ไม่ถูกใจผู่ตานไปหมด โดยเฉพาะตอนที่เขายิ้มเหมือนคนโง่!
“ข้าจะให้เจ้าดู”
โม่จวินเจ๋อที่ถูกต่อว่ายังคงยิ้มไม่เปลี่ยน คำตอบของเขายิ่งทำให้ผู่ตานอึ้งไปชั่วขณะ
“ศิษย์น้อง ตอนนี้โลกของพวกเรามีดินแดนย่อย ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย เหตุใดเจ้าไม่ลองเปลี่ยน…”
“เจ้าอยากโดนตีหรือไม่?” รอยยิ้มของโม่จวินเจ๋อในที่สุดก็หายไป
“ตีก็ตีสิ ใครกลัวล่ะ!” ผู่ตานพับแขนเสื้อขึ้น พร้อมสู้กับโม่จวินเจ๋ออย่างลูกผู้ชาย
“พอเถอะ พวกเจ้าทั้งสองช่วยหยุดเสียที พวกเรายังมีธุระต้องทำอีก” หลิงเยว่นึกถึงอาจารย์และศิษย์พี่ร่วมสำนักของตนที่ไปเกิดใหม่
………………..