ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 599 คลอดแล้ว
บทที่ 599 คลอดแล้ว
“ไปเยี่ยมลุงของอวี้เจินก่อนดีกว่า ข้าไม่รีบร้อน…”
ผู่ตานยังไม่ทันได้ตั้งตัวจากคำพูดของหลิงเยว่ที่บอกว่า “ไปหาท่านแม่ของเจ้า” ความจริงแล้วจะไปดูหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะการได้เกิดใหม่อีกครั้งควรจะตัดขาดจากอดีตให้สิ้นเชิง
อีกอย่าง ชื่อเสียงในอดีตของสนมปีศาจที่หกก็ไม่ดีนัก มีทั้งเรื่องที่นางทรยศ เจ้าชู้ โหดร้ายและอื่น ๆ อีกมากมาย
“ศิษย์พี่สี่ ท่านไม่อยากรบกวนนางหรือ?”
ผู่ตานลังเลก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“ถ้าเช่นนั้น… นี่คือที่อยู่ของนาง” หลิงเยว่ยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของผู่ตาน “หากท่านเปลี่ยนใจก็สามารถไปดูด้วยตัวเองได้”
ผู่ตานอยากจะฉีกกระดาษทิ้งเหลือเกิน แต่สุดท้ายเขาก็ยังเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง
เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจ และไม่มีวันเสียใจด้วย!
ดังนั้นทั้งสี่คนจึงแอบมายังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งราวกับกลุ่มขโมย พวกเขาย่อตัวอยู่หลังพุ่มหญ้า แอบมองผ่านช่องว่างเห็นเด็ก ๆ กำลังเล่นซุกซนกัน
“ใครบอกว่าเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ แล้วจะลำบาก?” หลิงเยว่ปลายตามองอวี้เจิน “หมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในละแวกนี้ พวกเขามีทรัพย์สินมากมายถึงขนาดเหนือกว่าตระกูลอวี้เสียอีก เพียงแต่พวกเขาไม่ชอบอวดโอ้เท่านั้นเอง”
“จริงหรือ?” ผู่ตานและอวี้เจินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความตกใจ “เด็ก ๆ ที่แต่งตัวขาดรุ่งริ่งพวกนี้ล้วนเป็นลูกคนมีเงินงั้นหรือ?”
“แล้วคนไหนเป็นท่านลุงของข้าล่ะ?” หลังจากหายตกใจ อวี้เจินก็เริ่มมองหาเงาของท่านลุงในกลุ่มเด็ก ๆ
“ตรงนั้น คนที่อุ้มเด็กอยู่” หลิงเยว่เชิดคางขึ้น ทั้งสามคนมองตามทิศทางที่นางชี้ไป และเห็นทารกน้อยที่กำลังถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวคนหนึ่ง
ทารกน้อยผิวขาวนุ่มนิ่ม หลับสนิทอย่างว่าง่าย สายตาของหญิงสาวที่มองทารกเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ข้าอยากไปอุ้มเขาเหลือเกิน” อวี้เจินยิ่งมองทารกน้อยก็ยิ่งถูกใจ แทบอยากจะวิ่งไปขโมยตัวมาเสียเลย แต่สุดท้ายนางก็กดความคิดอันตรายนั้นเอาไว้
“เจ้ายังกลัวว่าจะไม่มีทารกให้อุ้มอีกหรือ? เมื่อถึงเวลาที่ศิษย์พี่สามคลอด เจ้าจะอุ้มอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”
“……” อวี้เจินเหลือบมองไปที่หลิงเยว่ มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?
“ไปกันเถอะ เมื่อรู้ตำแหน่งแล้ว ต่อไปเจ้าอยากมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“ใช่ พวกเราออกมาเกือบแปดเดือนแล้ว”
แต่เดิมหลิงเยว่ยังอยากไปหาไข่ของสนมปีศาจที่หกและพี่ใหญ่ จึงตัดใจไม่ไปชั่วคราว ยังไงก็กลับไปดูทารกน้อยน่ารัก ๆ ดีกว่า!
“ใกล้จะคลอดแล้วหรือไม่?”
“คงอีกไม่นานแล้ว!”
“ตอนนั้นใครจะมาทำคลอดให้? พวกเราที่ยอดเขาโอสถดูเหมือนไม่เคยทำคลอดให้ใครมาก่อน…”
“หมอน่าจะทำคลอดได้กระมัง?”
“ไปสิ ไปพาพวกหมอทั้งหมดมาที่นี่” ผู้อาวุโสออกคำสั่งเพียงครั้งเดียว บรรดาหมอที่กำลังออกไปข้างนอกหรืออยู่ในสถานที่ลับของสำนักล้วนถูกนำตัวกลับมายังยอดเขาโอสถทั้งหมด
พวกเขามองหน้ากันไปมาด้วยความงุนงง
แค่คลอดลูกเท่านั้น มีหมอแค่หนึ่งหรือสองคนก็เพียงพอแล้ว จำเป็นต้องใช้หมอหลายร้อยหลายพันคนเลยหรือ?
ติงซินอวี่มองออกไปนอกห้องกลั่นโอสถที่ถูกล้อมด้วยหมอนับร้อยคน นางลูบท้องที่นูนสูงขึ้นอย่างจนปัญญา “ลิ่วเอ๋อร์ เจ้ากำลังจะออกมาแล้ว รู้สึกตื่นเต้นมากใช่หรือไม่?”
“ทุกคนต่างรอคอยเจ้าอยู่นะ” ราวกับจะตอบสนองต่อติงซินอวี่ ฝ่ามือน้อย ๆ แนบลงบนหน้าท้อง ติงซินอวี่รู้สึกได้ว่ามือของนางกำลังแนบชิดกับลูกสาวของตน ช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์เหลือเกิน!
แม้ว่าระหว่างพวกนางจะมีผิวหนังกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าทำไมมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้กันหมด?” หลิงเยว่ คิดว่าตนพลาดการคลอดของศิษย์พี่สาม จึงรีบเบียดเข้าไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว
“เจ้าไปถามผู้อาวุโสใหญ่เอาเองสิ” เหล่าหมอทั้งหมดทำสายตาน้อยใจไปยังผู้อาวุโสใหญ่แห่งยอดเขาโอสถผู้มีผมขาวโพลนแต่ใบหน้ากลับไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย
“เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน…”
หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากท่านผู้อาวุโสหลิงเยว่ และผู่ตานต่างก็เริ่มประจบประแจงอย่างออกนอกหน้า
“ท่านผู้อาวุโส ท่านทำได้ดีมาก!”
“ใช่ ๆ ๆ แค่หลายร้อยคนอาจจะไม่พอกระมัง? หากไม่พอ ไปหามาเพิ่มอีกสักหลายคนดีหรือไม่?”
“จะไปหาที่ไหน เดี๋ยวข้าไปเอง”
ผู้อาวุโสใหญ่กลัวว่าทั้งสองคนจะไปจริง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “คงจะเป็นในช่วงสองวันนี้แหละ”
หลิงเยว่กำลังจะเข้าไปในห้องกลั่นโอสถ แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงตื่นตระหนกของติงซินอวี่
“เสี่ยวจื่อ ข้าคงจะคลอดแล้ว”
พอจื่อเฉาอวี่ได้ยินก็รีบอุ้มนางขึ้นเตียงทันที นางกำลังจะออกไปตามคน แต่หลิงเยว่ก็พาหมอหญิงผดุงครรภ์ระดับสูงเข้ามาสองคนพอดี
“อาจารย์หลิง ท่านกลับมาแล้ว!” พอเห็นหลิงเยว่ จื่อเฉาอวี่ที่กำลังสับสนก็รู้สึกเหมือนได้ที่พึ่งทันที
“อืม”
ความจริงแล้วหลิงเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นติงซินอวี่กำผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนเขียวคล้ำ…
ถูกต้องแล้ว นางก็สามารถช่วยได้เช่นกัน!
สองหมอหญิงวุ่นวายไปมา ส่วนหลิงเยว่ยืนอยู่ด้านข้าง คอยหล่อเลี้ยงติงซินอวี่ด้วยลมหายใจแห่งชีวิตอย่างต่อเนื่อง จนสีหน้าของนางดูไม่ทรมานเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
มันได้ผล!
“ทำไมข้างในถึงไม่มีเสียงอะไรเลย?” กลุ่มผู้บำเพ็ญจำนวนมากเอาหูแนบกับประตู พยายามฟังเสียงจากข้างใน แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะมีการวางกำแพงกั้นเสียงไว้ แม้แต่เสียงหายใจพวกเขาก็ยังไม่ได้ยิน
ผู่ตานที่ยืนอยู่นอกประตูเดินไปมาด้วยความกระวนกระวาย ใช่แล้ว ทำไมถึงไม่มีเสียงอะไรเลย?
อีกอย่างการคลอดบุตรก็ไม่ควรใช้เวลานานขนาดนี้สิ?
ผ่านไปทั้งคืนก็ควรจะออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ!? ในขณะนี้ยอดเขาโอสถแออัดไปด้วยผู้คน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ประตูใหญ่ของห้องกลั่นโอสถที่ปิดสนิท และรอคอยการมาถึงของทารกแรกเกิด
“แน่ใจจริง ๆ หรือว่าเป็นติงหลิวหลิ่ว”
“เจ้ากำลังสงสัยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราหรือ?”
“ใช่แล้ว หลิงเยว่ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”
“ถ้าเช่นนั้น หากพบติงหลิวหลิ่วแล้ว นั่นหมายความว่าต้องพบอีกสามคนด้วยใช่หรือไม่?” ผู้คนที่รออยู่ด้านนอกต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะที่คนด้านในกลับมีความสุขสนุกสนานกันอย่างเต็มที่
ใช่แล้ว ด้วยการหล่อเลี้ยงของลมหายใจแห่งชีวิต กระบวนการคลอดบุตรของติงซินอวี้แทบจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานใด ๆ เลย นางรู้สึกราวกับว่าเพียงแค่หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทารกน้อยก็ออกมาแล้ว
นางลองก้าวลงจากเตียง…
แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย หรือจะพูดว่ายังรู้สึกอยู่บ้างก็ได้ เพราะร่างกายรู้สึกเบาสบายและเต็มไปด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด
ปกติแล้วหลังคลอดบุตรไม่ใช่ว่าต้องนอนพักบนเตียงสักระยะหนึ่งหรอกหรือ?ทำไมร่างกายของนางตอนนี้ถึงดีกว่าก่อนคลอดเสียอีก?
อืม คงเป็นเพราะศิษย์น้องของบุตรสาวป้อนยาวิเศษอะไรสักอย่างให้นาง นางถึงได้ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้
“มาดูเร็ว ตอนเด็ก ๆ ศิษย์พี่สามช่างน่ารักจริง ๆ!”
หลิงเยว่อุ้มทารกน้อยด้วยความรักใคร่ไม่ยอมปล่อย ไม่ใช่ว่าทารกแรกเกิดมักจะตัวย่น ๆ หรอกหรือ? ทำไมเนื้อตัวของศิษย์พี่สามถึงไม่ย่นเลยสักนิด แต่กลับมีผิวขาวนุ่มน่าสัมผัสเสียอีก
อืม ต้องเป็นเพราะลมหายใจแห่งชีวิตของนางแน่ ๆ!