ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 60 ผู้หญิงที่ทำให้ร่างกายของนางปวดเมื่อยเมื่อคิดถึง
บทที่ 60 ผู้หญิงที่ทำให้ร่างกายของนางปวดเมื่อยเมื่อคิดถึง
บทที่ 60 ผู้หญิงที่ทำให้ร่างกายของนางปวดเมื่อยเมื่อคิดถึง
แทนที่จะนั่งโคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูร่างกายของตัวเอง หลิงเยว่กลับกำลังกิน!
กลิ่นหอมฟุ้งออกมาจากสนามประลองทำให้ผู้บำเพ็ญในกลุ่มผู้ชมกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ดู… น่าอร่อยทีเดียว
นางอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ยังจะมีอารมณ์อยากกินอีกหรือ?!
ผู้อาวุโสซึ่งเป็นกรรมการประจำสนามประลองหมายเลขเก้าสิบเก้าทนไม่ไหว กระแอมออกมาเพื่อเป็นการเตือน ทว่าผลลัพธ์ก็คือหลิงเยว่ดูเหมือนจะเข้าใจผิด จึงแบ่งอาหารวิญญาณส่วนหนึ่งยื่นให้เขา
ผู้อาวุโส “…”
“คู่ต่อสู้คนต่อไปของเจ้าคือผู้บำเพ็ญขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้าจากยอดเขาบ่มเพาะกายา”
ผู้อาวุโสพูดประโยคนี้ออกไป แน่นอนว่าเขาปฏิเสธที่จะรับอาหารวิญญาณที่หลิงเยว่มอบให้ ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกกล่าวหาว่ารับสินบนเป็นแน่
ขั้นเก้า!
นางเกือบจะตายอยู่รอมร่อเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญขั้นแปดเมื่อครู่ และตอนนี้นางกำลังจะได้เจอกับผู้บำเพ็ญขั้นเก้าจากยอดเขาบ่มเพาะกายา!
หลิงเยว่ยัดปีกไก่ย่างเคลือบน้ำผึ้งเข้าปากทั้งชิ้น ปีกไก่หนังกรอบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำไม่สามารถลดทอนความกลัวของนางได้เลย โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงการฝึกร่างกายที่ผ่านมา ทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
ข้าควรทำอย่างไรดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกกายาในสภาพปัจจุบันของข้า…
“ถึงเวลาเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ท้าชิงคนที่สองสือเชี่ยนจากยอดเขาบ่มเพาะกายาขึ้นมาได้!”
หลิงเยว่ที่ยังคิดวิธีรับมือไม่ออกตัวแข็งค้างเมื่อได้ยินชื่อนี้ และเมื่อยิ่งได้เห็นฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงใบหน้าซีดเซียวราวกับคนอ่อนแอเดินขึ้นมาบนสนามประลอง หลิงเยว่ก็เหมือนเป็นหนูเห็นแมว นางตกใจมากเสียจนถอยหลังไปเกือบสุดขอบสนามประลอง โดยเหลือเพียงก้าวเดียวก็สามารถหล่นออกไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้คือฝันร้ายของนาง!
ทุกครั้งที่คิดถึงผู้หญิงคนนี้ ร่างกายรวมทั้งกระดูกของนางจะรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด!
“ศิษย์น้องหลิงไม่เจอกันนานเลยนะ”
ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาด้วยลมหายใจที่ติดขัดราวกับว่านางจะตายเมื่อใดก็ได้ แต่หลิงเยว่รู้ว่าภาพตรงหน้าเป็นเรื่องโกหก เมื่อใดที่ผู้หญิงคนนี้ขยับ นั่นหมายความว่านางต้องการจะใช้กำลัง!
ร่างกายของหลิงเยว่ตอบสนองเร็วกว่าสมอง ก่อนจะบิดเอว เพื่อหลบหลีกหมัดที่หุ้มด้วยปราณสีทอง อย่างไรก็ตาม แม้นางจะหลบหมัดได้แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกการเตะของอีกฝ่ายที่ตามติดมาได้
“เจ้านี่ยังหัวช้าเหมือนเคยเลยนะ”
สือเชี่ยนเก็บเท้าข้างที่เพิ่งเตะกลับมาแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าอีกข้าง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ และกำลังเตรียมเตะหลิงเยว่อีกครั้ง
ในขณะเด็กสาวทนต่อความเจ็บปวด หลิงเยว่ฟาดแส้ไฟออกไปพันไว้รอบข้อเท้าของฝ่ายตรงข้ามแล้วเหวี่ยงตัวเองกลับเข้าไปในสนามประลอง
สู้ไม่ได้เลย! สู้ไม่ได้จริง ๆ!
ต่อให้นางจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดนางก็ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงโหดร้ายที่ไม่เคารพคนแก่หรือเด็กคนนี้ได้!
“กลัวหรือ? งั้นเจ้าก็ลงจากสนามประลองไปเองเสียจะได้ไม่ต้องทรมานต่อไป”
สือเชี่ยนค่อย ๆ เดินเข้าหาหลิงเยว่พลางเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดูอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์
ทว่าหลิงเยว่กลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกบนสนามประลอง ให้นางลงไปหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
หลิงเยว่ถอยกลับอย่างรวดเร็วโดยขยายระยะห่างระหว่างทั้งสองให้กว้างขึ้น เมื่อสือเชี่ยนและผู้ชมคิดว่าหลิงเยว่กำลังจะโจมตี เด็กสาวก็กางแผ่นค่ายกลป้องกันออกมา
หลังจากยืนยันว่าปลอดภัยแล้วหลิงเยว่ก็นอนลงบนพื้น แล้วหยิบโอสถรักษาออกมาและเริ่มกินมันพร้อมกับชานมวิญญาณ
ผู้รับชมทั้งหมด “…”
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
หมัดที่ส่องแสงสีทองพุ่งเข้าใส่แผ่นค่ายกลป้องกัน
แผ่นค่ายกลป้องกันสั่นอย่างรุนแรงชั่วขณะหนึ่งแล้วสงบลง ก่อนที่หลิงเยว่จะมีเวลาหัวเราะ หญิงสาวที่ดุร้ายด้านนอกก็ออกหมัดใส่ม่านพลังของแผ่นค่ายกลป้องกันทีละหมัดอย่างตั้งใจ
ภาพตรงหน้านี้ทำให้หลิงเยว่ตื่นตระหนก นางรู้สึกได้ว่าแผ่นค่ายกลอาจต้านได้ไม่นานนัก โอสถทั้งหลายถูกยัดเข้าปากโดยไม่เสียดาย ทั้งซาลาเปาย่างก้าววายุ น่องไก่ทอด ขนมดอกบัวฟื้นปราณ… หลิงเยว่กินอย่างรวดเร็วและเร่งด่วน ราวกับว่าหากไม่กินตอนนี้นางจะไม่มีโอกาสกินอีกแล้ว…
ท้ายที่สุดหลังจากดื่มชานม หลิงเยว่ก็ยัดอมยิ้มวิญญาณสามอันไว้ในปากของนาง
“แกร๊ก!”
ภายใต้การจับจ้องของหลิงเยว่ แผ่นค่ายกลป้องกันอันทรงพลังได้พังทลายลง!
อย่าปล่อยให้ผู้ฝึกกายาเข้าใกล้เจ้า ไม่เช่นนั้นจุดจบของเจ้าจะน่าอนาถมาก นี่คือความรู้ที่นางเองแลกมาด้วยเลือดและน้ำตาก่อนหน้านี้
ความเร็วของหลิงเยว่เพิ่มขึ้นหลังจากกินซาลาเปา สือเชี่ยนที่กำลังไล่ตามขมวดคิ้วแน่น ความเร็วของหลิงเยว่…
จากนั้นทั้งสองคนบนสนามประลองก็เล่นวิ่งไล่จับกัน ถ้าเจ้าเข้าใกล้ข้าอีกก้าว ข้าจะกินซาลาเปาแล้ววิ่งห่างเจ้าไปอีกสามสิบก้าว
ฉากไล่จับกันนี้ทำให้เหล่าผู้ชมหาวอย่างเบื่อหน่าย
“สือเชี่ยนเจ้าสามารถเอาชนะได้หรือไม่ ถ้าไม่ เช่นนั้นก็ลงมาให้ข้าขึ้นไปแทนเถิด!”
มีผู้บำเพ็ญตะโกนมาจากด้านล่าง ทว่าเสียงไปไม่ถึงบนสนามประลอง เพราะรอบสนามประลองมีแผ่นค่ายกลปิดกั้นเสียงไว้ เพื่อป้องกันเสียงจากรอบ ๆ จะกระทบต่อการต่อสู้ของศิษย์บนสนามประลอง
“อีกนานหรือไม่กว่าจะตามทัน?”
“ศิษย์น้องหลิงวิ่งได้เร็วจริง ทั้ง ๆ ที่ขาของนางสั้นกว่าของสือเชี่ยนอย่างเห็นได้ชัด”
“ช่วยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ฝึกกายานั้นแข็งแกร่งก็จริง ทว่าความเร็วเป็นจุดอ่อนของพวกเขามาเสมอ แต่ด้วยความแตกต่างถึงสามขั้นของทั้งสอง ท้ายที่สุดหลิงเยว่จะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
ไม่ต้องสงสัยเรื่องผลลัพธ์สุดท้าย หลงหว่านโหรวพลันถอนหายใจเมื่อเห็นฉากที่ดำเนินไปบนสนามประลอง
สยงฉีเลวี่ยที่ให้ความสนใจกับหลิงเยว่ส่ายหน้า ผู้นำยอดเขาและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เองก็ถอนความสนใจและมองไปที่สนามประลองอื่น ๆ เช่นกัน
ชนะหรือแพ้เห็นชัดแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้น
กายาต้านหายนะนั้นแข็งแกร่งก็จริง ทว่าตอนนี้นางยังแข็งแกร่งไม่พอใช่หรือไม่?
ทันทีที่ฉากไล่ล่าเกิดขึ้นมันก็กินเวลาตลอดทั้งวัน สือเชี่ยนหัวเราะด้วยความโกรธ เด็กสาวคนนี้วิ่งหนีได้เก่งนัก ทุกครั้งที่สือเชี่ยนวิ่งไล่จนเกือบทัน หลิงเยว่ก็จะเร่งความเร็วทิ้งระยะออกไปอีกครั้ง
หลิงเยว่ไม่มีเวลาที่จะหัวเราะ ร่างกายชาไปทั้งตัวโดยเฉพาะขาของนาง
“ศิษย์พี่หญิงเชี่ยน ท่านช่วยข้าไปท้าทายคนอื่นได้หรือไม่เจ้าคะ! เช่นศิษย์พี่ผู่ตานที่อยู่สนามประลองข้าง ๆ ข้าก็ได้ เขาก็อ่อนแอมากเช่นกัน!”
หลิงเยว่พยายามเปลี่ยนเส้นทางไฟ
หลิงเยว่ที่ขายศิษย์พี่ของนางอย่างสมบูรณ์ทำให้ชิงยวนที่กำลังดูการต่อสู้หัวเราะ
“เจ้านี่กล้าพูดจริง ๆ นะ!”
สือเชี่ยนซึ่งเดิมวางแผนที่จะปล่อยหลิงเยว่ไป มาตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว นางจะต้องจับเด็กคนนี้มาทุบตีสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว!
เด็กสาวมองไปยังสือเชี่ยนที่จู่ ๆ ก็เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หลิงเยว่ก็เร่งความเร็วขึ้นตามเช่นกัน แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าพละกำลังทางกายและปราณของนางจะถูกเติมเต็มแล้ว แต่พวกมันก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นี่นางจะต้องจบเห่ตรงนี้จริงหรือ?
“ระเบิด!”
ยันต์ระเบิดน้ำแข็งสองใบถูกโยนไปข้างหลังนาง
หญิงสาวผู้มีแสงสีทองหุ้มทั่วร่างกายเมินเฉยต่อระเบิดดอกไม้น้ำแข็ง และแทนที่จะถอย กลับรีบวิ่งเข้าหาระเบิดเสียด้วยซ้ำ
เมื่อหลิงเยว่เห็นสิ่งนี้นางก็สาปแช่งในใจ ด้วยคิดว่าการขว้างยันต์สองใบจะทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองกว้างขึ้น
“ศิษย์พี่หญิงเชี่ยน ท่านจะต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ!”
เสียใจหรือ?
สือเชี่ยนหัวเราะเบา ๆ สิ่งเดียวที่เสียใจคือนางปล่อยให้หลิงเยว่เล่นตลกกับนางมาได้จนถึงตอนนี้ต่างหาก!
แสงสีทองรูปกำปั้นพุ่งเข้าใส่ตรงหน้าหลิงเยว่อย่างแรง!
หลิงเยว่ที่กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายถูกกระแทกลงกับพื้น จนเกิดเป็นหลุมลึกที่มีรูปร่างเหมือนคนปรากฏขึ้น ฉากนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญที่รับชมอยู่รู้สึกสดชื่นมาสักหน่อย จากตอนแรกที่พวกเขากำลังจะหลับไปเสียแล้ว นี่มันสองวันผ่านไปแล้ว… ในที่สุดก็ถึงเวลาเสียที!
“เร็วเข้า! เตะนางออกจากสนามประลองเสีย!”
“หลิงเยว่ลุกขึ้นมาเร็ว หากเจ้าไม่ลุกขึ้นตอนนี้เจ้าจะถูกยำจนเละแน่!”
“เฮ้อ… มันจบแล้ว ผู้ครองสนามประลองเปลี่ยนคนเสียแล้ว ข้าขอถอนการลงทะเบียนท้าสนามประลองนี้ได้หรือไม่?”
…
ผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องดังลั่น และคนที่ถูกฝังอยู่ในหลุมบนสนามประลองก็กลิ้งไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีอีกครั้ง
“เติบโต!”
ทันใดนั้น บนสนามประลองที่ว่างเปล่าก็เต็มไปด้วยเปลวไฟ และเถาวัลย์ก็เติบโตอย่างดุเดือดในเปลวไฟ
พริบตาต่อมาพื้นใต้เท้าของสือเชี่ยนก็ว่างเปล่า เกิดเป็นหนามไฟอยู่ด้านล่างพลันขึ้นแทงนางด้วยปลายที่แหลมคมของมัน
“ฮึ่ม!”
สือเชี่ยนที่รู้ว่าหลิงเยว่มีเคล็ดวิชาเช่นนี้จะไม่เตรียมตัวได้อย่างไร?
แสงสีทองบนร่างกายของนางส่องประกายราวกับว่ากำลังสวมชุดเกราะสีทองอร่าม เกราะสีทองนั้นทำลายเถาวัลย์และหนามที่พยายามจะพันธนาการนางออกทันที!
“ศิษย์น้องหลิงหยุดต่อต้านได้แล้ว!”
ไม่ นางต้องต่อต้าน!
หากหนามไฟยังไม่สามารถจัดการกับผู้หญิงที่ดุร้ายคนนี้ได้ อย่างนั้นก็ใช้อย่างอื่นกันเถิด!
“ไปเลย! เจ้าดอกไม้น้อย!”
หลิงเยว่โยนดอกไม้สีดำไปทางสือเชี่ยนร่างทองที่ตอนนี้อยู่ในเปลวไฟ