ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 605 สมกับเป็นอาจารย์และศิษย์
บทที่ 605 สมกับเป็นอาจารย์และศิษย์
หลิงเยว่วางติงหลิวหลิ่วตัวน้อยลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังบ่อปลา นางต้องไปทำงานใหญ่แล้ว!
ผู่ตาน อวี้เจิน ลู่เป่ยเหยียนและคนอื่น ๆ ก็รีบตามไปติด ๆ
เมื่อพวกเขามาถึง โม่จวินเจ๋อก็ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงเยว่แล้ว
“ไม่สู้เร่งให้หนามงอกก่อนดีหรือไม่?” คนแรกเสนอ
แต่ถึงอย่างไรหลิงเยว่ก็มีวิธีการเร่งการเจริญเติบโตของพืชที่ชำนาญกว่า…
“ไม่ได้ ท่านอาจารย์มีเพียงคนเดียว แต่พี่รองมีไข่นับร้อยฟอง หากล้มเหลวก็ยังแก้ไขได้”
“น่าสงสารเฟิงเฟิงเหลือเกิน ได้ยินสิ่งที่ศิษย์น้องร่วมสำนักของเจ้าพูดหรือไม่?” ลู่เป่ยเหยียนถอนหายใจกับบ่อปลาเล็ก ๆ ด้วยดวงตาเห็นอกเห็นใจ
“แต่ที่พูดก็ถูก ถ้าล้มเหลว ไข่ปลาก็ยังมีอีกมากมายนี่!” อวี้เจินเห็นด้วยที่จะใช้ว่านอวี้เฟิงเป็นการทดลอง
“เจ้าเห็นทิวทัศน์งดงามรอบ ๆ หรือไม่?” ผู้คนที่อยู่ในที่นั้นพยักหน้าอย่างงุนงง
“ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นฝีมือของข้าผู้เป็นต้นไม้เทพ ข้าจะล้มเหลวได้อย่างไร?!”
แม้ปากจะพูดว่าไม่กลัวความล้มเหลว แต่หลิงเยว่ก็ยังคงระมัดระวังในการหยิบไข่ปลาสีทองออกมาหนึ่งฟอง การทำทีละอันน่าจะปลอดภัยกว่า ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นศิษย์พี่รองเชียวนะ!
โม่จวินเจ๋อและคนอื่น ๆ “…”
ถ้าไม่กลัวจริง ทำไมไม่เร่งให้ไข่ปลาทั้งร้อยฟองฟักออกมาพร้อมกันเลยล่ะ?
“ข้าจะเริ่มแล้ว พวกเจ้าอย่าได้รบกวนล่ะ”
“……” พวกเขายังไม่ได้พูดอะไรเลย…
หลิงเยว่รู้สึกตื่นเต้น แต่ถึงจะตื่นเต้นก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้วิชาเร่งการเจริญเติบโตกับไข่ปลาสีทอง
ไข่ปลาสีทองส่งเสียงแผ่วเบา โม่จวินเจ๋อจ้องมองอย่างตั้งใจ เป็นปลาคาร์ปสีทองตัวน้อยหรือ?
“ช่างโง่เขลาเสียจริง เหมือนกับว่านอวี้เฟิงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด” ทันทีที่ลู่เป่ยเหยียนเอ่ยจบ ปลาคาร์ปสีทองที่ดูเหมือนจะโง่งมนั้นก็กลอกตาใส่
หลังจากกลอกตาเสร็จ ปลาคาร์ปสีทองก็อ้าปากหมายจะกินไข่ปลาทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ทำเอาหลิงเยว่ตกใจรีบคว้าตัวมันขึ้นมาทันที
กินพวกเดียวกันได้หรือ?
ไม่สิ หรือบางทีอาจจะต้องกินไข่ปลาที่มีกลิ่นอายของตัวเองทั้งหมด ถึงจะรวมเป็นว่านอวี้เฟิงที่สมบูรณ์ได้?
“แล้วถ้าเดาผิดล่ะ?”
ใช่แล้ว ถ้าเดาผิด ว่านอวี้เฟิงที่เพิ่งจะกลับชาติมาเกิดยังไม่ทันได้ออกมาก็จะเข้าไปอยู่ในท้องคนอื่นเลย
หลิงเยว่ทำเสียงจิ๊จ๊ะเบา ๆ “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี?”
ทั้งสี่ที่ถูกถามก็ส่ายหัวไปมา
“ถ้าเช่นนั้นก็เร่งการเจริญเติบโตจนถึงขั้นแปลงกายก่อนแล้วกัน!” ผู่ตานแทบจะปรบมือให้กับความฉลาดของตัวเองแล้ว
“ใช่ ๆ อีกอย่าง ศิษย์น้องหลิง เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเมื่อโตขึ้นระดับหนึ่ง ความทรงจำของพวกเขาจะกลับคืนมา?”
“ใช่ เป็นเช่นนั้น”
หลิงเยว่มองปลาคาร์ปสีทองในฝ่ามือเงียบ ๆ แล้วลองเรียกว่า “ศิษย์พี่รอง?”
ปลาคาร์ปสีทองตัวน้อยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
“ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่มีสติปัญญาเลย” ทันทีที่ลู่เป่ยเหยียนพูดจบ ปลาตัวน้อยก็พ่นน้ำลายใส่เขาทันที
เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจและใช้น้ำลายเพื่อโต้แย้ง
“ฟังเข้าใจอย่างนั้นรึ!?” หลิงเยว่มองดูเจ้าปลาตัวน้อยด้วยความตื่นเต้นยินดี “ในเมื่อเข้าใจแล้ว ทำไมเมื่อครู่ถึงไม่ตอบข้า?”
ปลาคาร์ปหันหน้าหนีไปอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองไข่ปลาหลากสีในบ่อเล็ก ๆ อย่างเหม่อลอย สายตาของมันดูเหมือนอยากกินมาก
แน่นอนว่าหลิงเยว่จะไม่ยอมให้มันกิน แต่ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของผู่ตาน โดยเร่งพัฒนาเจ้าปลาคาร์ปจนถึงขั้นแปลงกายได้
เพื่อป้องกันไม่ให้มันฉวยโอกาสตอนนางไม่ทันระวังกินไข่ปลาในบ่อ หลิงเยว่จึงขุดบ่ออีกบ่อหนึ่งให้ด้วยตัวเอง
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน” ตุ๊กตาไม้อ้วนที่ถูกสั่งให้ดูแลเด็กเดินมาหา ดูเหมือนมันจะเสียขวัญ ท่าทางคงถูกหลิงโม่รังแกมาไม่เบา
โม่จวินเจ๋อชูนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก
ในบ่ออีกบ่อหนึ่งปลาคาร์ปกำลังวิวัฒนาการเป็นปลาคาร์ปทองตัวอ้วน เมื่อกุ่ยซื่อเห็นภาพนี้ก็ทำตาโต ปลาอ้วนขนาดนี้น่าจะอร่อยมากสินะ?
“ทำไมมันถึงออกข้างแบบนี้เล่า?”
ปลาคาร์ปตัวอ้วนยังคงอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กำลังจะทำให้บ่อแตก มันก็ระเบิดตัวเองเสียก่อน!
หลิงเยว่ที่ถูกน้ำกระเด็นใส่หน้า “???”
นางล้มเหลวแล้วหรือ?
เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่ไม่มีอุปสรรคใด ๆ เลย แถมราบรื่นจนไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ จะล้มเหลวได้อย่างไร?!
“วิชาเร่งการเจริญเติบโตของเจ้าดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับมันนะ?” โม่จวินเจ๋อตักปลาคาร์ปขึ้นมาจากสระน้ำ ใช่แล้ว มันกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
เรื่องนี้… เป็นไปไม่ได้กระมัง?
แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า หลิงเยว่จำต้องยอมรับเสียแล้ว
แต่ทำไมวิชาเร่งการเจริญเติบโตถึงไม่ได้ผลกับปลาคาร์ปล่ะ?
หลิงเยว่จมอยู่ในภวังค์ความคิด สุดท้ายประกายความคิดก็วาบขึ้นมา หรือเป็นเพราะในร่างของปลาคาร์ปมีวิญญาณของมนุษย์อาศัยอยู่?
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พวกมันต้องค่อย ๆ โตขึ้นมาเองใช่หรือไม่?” ผู่ตานรู้สึกผิดหวัง เขายังคิดว่าถ้าศิษย์น้องประสบความสำเร็จ ก็จะใช้วิชาเร่งการเจริญเติบโต กับลูกนกอินทรีสองตัวบนหัวด้วย…
“อืม คงต้องเป็นอย่างนั้น… สินะ?” หลิงเยว่ก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้ว่าวิชาเร่งการเจริญเติบโตไม่สามารถเร่งการเติบโตของสัตว์และพืชที่มีวิญญาณมนุษย์ได้…
อ้อ ใช่แล้ว! นางยังไม่ได้ลองเร่งการเจริญเติบโตให้อาจารย์ของนางเลย หากมันสำเร็จล่ะ!?
หลิงเยว่คิดขึ้นมาได้ กิ่งไม้ของร่างแท้ก็ส่งหนามมาตรงหน้านางในทันที
“จะลองทดสอบอาจารย์หรือ?” สายตาอันหม่นหมองของผู่ตานสว่างขึ้นอีกครั้ง
“อืม ลองดู”
สำหรับหลิงเยว่นั้นการเร่งการเติบโตของพืชง่ายยิ่งกว่าการกินข้าวดื่มน้ำเสียอีก พุ่มหนามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมดอกตูมสีชมพูเข้ม!
ต้นหนามใหญ่ขนาดนี้ สุดท้ายกลับมีเพียงดอกตูมสีชมพูเข้มเพียงดอกเดียว ดอกตูมยังไม่ทันบาน แต่ต้นหนามยังคงเติบโตต่อไป…
สยงฉีเลวี่ย เล่อเหอและคนอื่น ๆ ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหลิงเยว่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ดอกไม้บนต้นหนามที่ค่อย ๆ บานอย่างไม่วางตา
นี่คือชิงยวนหรือ?
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกหนามหนึ่งดอกสามารถผลิตเมล็ดได้กี่เมล็ด?”
คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่แห่งยอดเขาโอสถทำให้ผู่ตานและคนอื่น ๆ รู้สึกใจหายวาบ พวกเขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนจริง ๆ
“หลายหมื่นหรือหลายแสนเมล็ดกระมัง?” อวี้เจินและทั้งสี่คนมองไปที่บ่อปลาโดยไม่รู้ตัว สมกับเป็นอาจารย์และศิษย์จริง ๆ…
คนหนึ่งกลับชาติมาเกิดเป็นไข่ปลานับร้อย อีกคนกลับชาติมาเกิดเป็นเมล็ดพันธุ์นับหมื่น และอีกคนกลายเป็นลูกสัตว์สองตัว คิดดูแล้วมีเพียงติงหลิวหลิ่วเท่านั้นที่ทำให้ผู้อื่นสบายใจที่สุด
“ต้นหนามใหญ่ขนาดนี้มีดอกเพียงดอกเดียว บางทีเมล็ดที่เกิดขึ้นอาจมีเพียงเมล็ดเดียวก็ได้นะ?”
“ก็เป็นไปได้” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งยอดเขาโอสถเห็นด้วย แต่ว่า…
ช่างเถอะ รอดูกันต่อไป…
ดอกหนามสีชมพูสดใสบานสะพรั่งอย่างรวดเร็วแล้วก็ร่วงโรยไป ฉากที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นและประหม่าพลันปรากฏ มันจะเป็นเมล็ดหนามเพียงหนึ่งเมล็ดหรือหมื่นเมล็ด?
หากเป็นกรณีหลัง ผู่ตานอาจจะเสียสติได้!
การเลี้ยงดูอาจารย์สองร้อยคน ยังยากลำบาก แต่ถ้าต้องเพิ่มอาจารย์อีกหลายหมื่นคน เกรงว่าทุกคนในสำนักหลานเทียนคงจะเสียสติกันหมด!
ผู่ตานได้แต่สวดภาวนาอย่างเงียบ ๆ
………………..