ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 607 ทำไมจู่ ๆ ถึงตัวแฟบลงเล่า?
บทที่ 607 ทำไมจู่ ๆ ถึงตัวแฟบลงเล่า?
หลิงเยว่จ้องมองลูกนกอินทรีสองตัวที่แข็งทื่ออยู่ในมือด้วยความงุนงง นางจำไม่ได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะมีนิสัยชอบแสดงละครเช่นนี้ หรือว่านางเข้าใจผิดไปเอง?
สองลูกนกอินทรีในมือนางอาจจะเป็นศิษย์พี่สามที่ชอบแสดงละคร ส่วนทารกน้อยน่ารักที่นอนอยู่บนเตียงนั้นจริง ๆ แล้วคือหลงหว่านโหรว?
หลิงเยว่ตกใจกับจินตนาการของตัวเอง นางคงไม่ทำผิดพลาดเช่นนั้นกระมัง?
แต่ตอนนั้นที่ใช้วิชาฟื้นคืนชีพชุบชีวิตผู้คนมากมาย โอกาสที่จะจำผิดก็มีอยู่เหมือนกัน… จู่ ๆ หลิงเยว่ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
“จำผิดก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็เป็นศิษย์พี่ของเจ้าอยู่ดี”
หลิงเยว่ชำเลืองมองโม่จวินเจ๋อที่พูดอย่างสบายใจ แต่ตอนนี้ทารกน้อยรู้แล้วว่าตัวเองคือติงหลิวหลิ่ว จะให้ไปบอกนางว่าพวกเขาจำผิดหรือ?
“ข้าไม่ได้จำผิดหรอก ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีความทรงจำ การที่นางร่าเริงกว่าปกติถือเป็นเรื่องธรรมดา”
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างมองหลิงเยว่ด้วยความสงสัย แต่เหมือนกับที่โม่จวินเจ๋อพูดจริง ๆ ถึงแม้จะจำผิดก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังไงก็เป็นศิษย์พี่ของนางอยู่ดี
ผู่ตานยื่นนิ้วออกไปแหย่ลูกนกอินทรีที่นอนตายตาไม่หลับก็พบว่าทั้งสองตัวหยุดหายใจแล้ว ตัวแข็งเย็นเฉียบ แม้แต่ดวงตาที่เบิกกว้างก็ค่อย ๆ หม่นลง
“ศิษย์น้อง พวกมันดูเหมือนจะตายจริง ๆ นะ!”
“ไม่ตายหรอก นี่เป็นความสามารถพิเศษอีกอย่างของเผ่าอินทรียักษ์ พวกมันแกล้งตายน่ะ”
โม่จวินเจ๋ออดชื่นชมสายตาอันแหลมคมของหลงหว่านโหรวไม่ได้ นอกจากไม่ใช่มนุษย์แล้ว ทุกอย่างล้วนยอดเยี่ยมทั้งสิ้น
หลิงเยว่วางลูกนกอินทรีที่แข็งทื่อทั้งสองตัวลงบนพื้น แล้วเริ่มใช้วิชาเร่งการเจริญเติบโต เมื่อวิชาเร่งการเจริญเติบโตถูกใส่เข้าไปในร่างของลูกนกอินทรีทั้งสองตัว พวกมันก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ร่างกายที่แข็งทื่อกลับอ่อนนุ่มลง ดวงตาที่หม่นหมองเปล่งประกายและร่างกายก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น…
ลูกนกอินทรีทั้งสองตัวกระพือปีกพยายามจะหนี แต่กลุ่มพลังชีวิตสองกลุ่มเล็ก ๆ ก็ขวางทางพวกมันไว้ได้ทันเวลา
ลูกนกอินทรีที่ได้กินพลังชีวิตเข้าไปเริ่มสงบลง หนึ่งในนั้นถึงกับนอนลง แล้วใช้ปีกข้างหนึ่งตบท้องกลม ๆ ของตัวเอง ดวงตาใหญ่หรี่ลง ดูเหมือนคนมากเป็นพิเศษ
ครั้งนี้อวี้เจินและลู่เป่ยเหยียนเชื่อเรื่องที่หลิงเยว่จำผิดแล้ว นี่ไม่มีทางเป็นหลงหว่านโหรวได้เลย แต่กลับเหมือนติงหลิวหลิ่วหรือว่า… ว่านอวี้เฟิง!
ว่านอวี้เฟิงนั้นชอบใช้พัดมาโอ้อวดมาก ตอนนี้ปีกกับพัดนั้นดูเหมือนกันจริง ๆ
“ติงหลิวหลิ่ว หลงหว่านโหรว หรือว่าชิงยวนกันแน่?” เล่อเหอคาดเดา
ผู้ที่อยู่ในที่นั้น “……”
รู้สึกว่าจิตใจเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที
ผู่ตานนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่กลับชาติมาเกิดอย่างสนมปีศาจที่หก แต่บางทีนางอาจไม่ใช่สนมปีศาจที่หกก็ได้…
ความจริงเหล่านี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ลูกนกอินทรีทั้งสองตัวมีร่างกายที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หลิงเยว่ภาวนาอยู่ในใจ ขอให้ทั้งสองตัวนี้อย่าได้เป็นเหมือนกับปลาคาร์ปตัวนั้นที่เมื่อโตถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะกลับคืนสู่สภาพ…
ยังไม่ทันพูดคำว่า ‘เดิม’ ออกมา ลูกนกอินทรีทั้งสองตัวก็ระเบิดร่างให้หลิงเยว่เห็นต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว
หลิงเยว่ “……”
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!
ลูกนกอินทรีที่เมื่อครู่เกือบจะเติบโตเป็นภูเขาสองลูกกลับกลายเป็นลูกนกอีกครั้ง วิชาเร่งการเจริญเติบโตของหลิงเยว่ไม่ส่งผลใดต่อพวกมันเลย!
“สวรรค์ สวรรค์!” หลิงเยว่ร้องเรียกอยู่นานกว่าระบบเทพสวรรค์จะตอบสนองอย่างเชื่องช้า
[ใช้สมองของเจ้าคิดให้ดี ๆ สิ หากสามารถเร่งการเติบโตมนุษย์ได้ มันจะไม่วุ่นวายไปหมดหรือ?]
“แล้วทำไมพืชและสัตว์ถึงเร่งได้ แต่มนุษย์ทำไม่ได้เล่า?”
“อีกอย่าง ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ใช่มนุษย์แล้วนี่!”
[จิตวิญญาณยังเป็นอยู่]
“เหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบคำถามก่อนหน้าของข้า?”
[เหตุใดมนุษย์จึงทำไม่ได้น่ะหรือ? ใช้สมองหน่อยเถอะ สมองที่ไม่ได้ใช้จะขึ้นสนิมเอานะ!]
หลิงเยว่ “……”
[ก็ได้]
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าสิว่าไข่ปลามากมายกับเจ้าสองตัวนี้ ตัวไหนคือศิษย์พี่รองและศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”
“อะไรนะ!”
“เจ้าพูดว่าอะไร?”
[ข้าบอกว่าทั้งหมดนั่นแหละ!]
[ปลาแฝดต่างไข่หลายตัวและนกอินทรีแฝด เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ?]
หลิงเยว่รู้สึกว่าโลกทัศน์ของนางแตกกระจายไปทั่วพื้น นางกำลังจะมีศิษย์พี่ใหญ่สองคน และศิษย์พี่รองอีกกว่าร้อยคน โชคดีที่อาจารย์มีเพียงคนเดียว ไม่ใช่ 499 คน ไม่เช่นนั้นนางคงจะเสียสติไปจริง ๆ
“เดี๋ยวก่อน ปลาแฝดต่างไข่หมายความว่าอย่างไร?” หลิงเยว่รู้สึกว่าสมองของตนเองมึนงง หรือว่าว่านอวี้เฟิงจะบ้าคลั่งถึงขนาดแบ่งวิญญาณของตัวเองออกเป็นหลายร้อยส่วน แล้วแต่ละส่วนเป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์กัน?
[เป็นอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ ศิษย์พี่รองของเจ้าคนนี้มีความคิดดีทีเดียว แล้วยังแปลกประหลาดด้วย]
เสียงของสวรรค์ดูเหมือนจะสนุกสนานและแฝงไปด้วยความสะใจ
“ดอกไม้หนามนั่นคืออาจารย์ของข้าใช่หรือไม่?”
[ใช่ เจ้าจำไม่ผิด]
“ดังนั้นพวกเราก็ได้แต่รอให้พวกเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้นใช่หรือไม่?”
[อืม]
หลิงเยว่ถอนหายใจ แม้ว่านางจะมีชีวิตที่ยืนยาวไม่สิ้นสุด แต่นางไม่ชอบการรอคอยเสียเลย
โม่จวินเจ๋อปลอบใจว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ค่อย ๆ เลี้ยงดูพวกเขาให้เติบโตขึ้นเถิด นี่ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลย”
“อืม”
จริง ๆ แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลว ไม่ใช่แค่ต้องเลี้ยงดูศิษย์พี่กว่าร้อยคนเสียหน่อย ก็แค่ศิษย์พี่สามคนและอาจารย์หนึ่งคนเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ขนาดเด็กหนามทั้ง 499 ตัวนางยังเลี้ยงไหวเลย!
ลูกนกอินทรีทั้งสองตัวได้ลิ้มรสความสุขของการเติบโต แล้วกลับสู่สภาพลูกนกอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ในสภาวะงุนงงและสับสน
ทำไมจู่ ๆ ก็แฟบลงเสียอย่างนั้น?
ลูกนกอินทรีก้มลงมองร่างกลมป้อมของตัวเองพร้อมกัน
หลิงเยว่คว้าลูกสัตว์ทั้งสองตัวมาที่หน้าสระน้ำสองสระ เนื่องจากทั้งคู่เป็นศิษย์พี่รอง นางจึงตัดสินใจสร้างทะเลให้เสียเลย
หลิงเยว่มีแผนในหัวและรู้สึกพอใจกับแผนของตัวเองมาก นางรับรองว่าจะทำให้อาจารย์และคนอื่น ๆ มีวัยเด็กที่สมบูรณ์แบบและน่าจดจำ!
“ศิษย์น้อง เจ้าบอกมาสิว่าพวกเราควรทำอย่างไร?”
เมื่อได้ยินแผนของหลิงเยว่ ผู่ตานก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเช่นกัน
ใช่แล้ว การได้เติบโตไปพร้อมกับอาจารย์และคนอื่น ๆ ก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง ทำไมต้องรีบให้พวกท่านโตเร็ว ๆ ด้วยเล่า?
“ทำอย่างนี้ก่อน แล้วค่อยทำอย่างนั้น…”
เล่อเหอและคนอื่น ๆ แอบเงี่ยหูฟัง พอฟังไปฟังมาก็เริ่มรู้สึกอิจฉา ตอนเด็ก ๆ พวกเขาไม่เคยได้เล่นแบบนี้มาก่อน จึงอยากลองสัมผัสดูบ้าง…
“แล้วสำนักอาหารศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?” อาจารย์ใหญ่ที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ถามขึ้น
ตอนนี้ไม่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของสำนักหรอกหรือ?
หลิงเยว่ทำหน้าประหลาดใจ “ส่วนที่ข้ารับผิดชอบไม่ใช่แค่แจกจดหมายเชิญเท่านั้นหรอกหรือ?”
“เป็นเช่นนั้นไม่ผิด เพียงแต่ตอนนี้มีปัญหาเล็กน้อย…”
“ปัญหาอะไรหรือ?” หลิงเยว่รู้สึกไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าสิ่งที่อาจารย์ใหญ่กำลังจะพูดนั้น นางไม่อยากฟังเลย
“เงินทุนไม่พอแล้ว”
เป็นไปตามที่หลิงเยว่คาดไว้ นี่คือสิ่งที่นางไม่อยากได้ยิน เงินทุนจะไม่พอได้อย่างไร!?
“เจ้าก็รู้ เพียงแค่ถนนอาหารสายนั้น พวกเราทุกคนก็ลงทุนไปไม่น้อยแล้ว อีกทั้งยังมี…” พวกบรรพจารย์เล่อเหอเมื่อได้ยินว่าเงินทุนไม่พอก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว
หากไม่รีบหนี แม้แต่เมล็ดชาขม ๆ ก็จะถูกอาจารย์ใหญ่หลอกเอาไปหมด
………………..