ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 608 เขาฟังผิดไปหรือเปล่า?
บทที่ 608 เขาฟังผิดไปหรือเปล่า?
………………..
บทที่ 608 เขาฟังผิดไปหรือเปล่า?
“ข้าก็ไม่มีเหมือนกัน…”
หลิงเยว่เปิดแหวนมิติของตนให้อาจารย์ใหญ่ดู นอกจากวัตถุดิบอาหารที่หามาจากทะเล ก็มีเครื่องปรุงรส หม้อ ชาม ทัพพี กระบวยและ… สิ่งมีค่า!
“พวกนี้ไม่ใช่หรือ?” อาจารย์ใหญ่ตาไว เขามองเห็นไข่มุกจากน้ำตานางเงือก และอื่น ๆ ที่ถูกฝังอยู่ใต้วัตถุดิบอาหาร หากนำไปขายคงได้เงินไม่น้อย
“…”
“ยังมีถุงหินวิญญาณนี้อีก มันก็มีเยอะอยู่เหมือนกัน”
หลิงเยว่ถึงกับพูดไม่ออก ถ้ารู้แต่แรกนางคงไม่เปิดแหวนเก็บของแล้ว!
พอเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ผู่ตาน อวี้เจิน ลู่เป่ยเหยียนและโม่จวินเจ๋อก็รีบหลบหนีอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจเร็วกว่ากิ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้
ทั้งสี่คนถูกม้วนกลับมาอย่างเป็นระเบียบและถูกส่งไปอยู่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่
“การขายร่างแท้ของเจ้าคงไม่ค่อยดีนัก…” อาจารย์ใหญ่ไม่ค่อยเห็นด้วย
“งั้นข้าจะไปขอยืมจากราชินีภูตม่วง และขอยืมจากเผ่าสัตว์อสูรของดินแดนว่างเปล่าด้วยเลย”
ทั้งสองเผ่าล้วนเป็นเผ่าใหญ่ โดยเฉพาะเผ่าภูตม่วง พวกเขาต้องรวยมากแน่ ๆ!
“ความคิดนี้ดี!”
อาจารย์ใหญ่ตอบรับอย่างร่าเริง พอค้นตัวคนที่เหลือแล้วถึงได้รู้ว่าช่างน่าตกใจเสียจริง ทำไมทุกคนถึงเป็นคนจนไม่มีอะไรติดตัวเลย!
“ที่พวกเจ้าทั้งสี่คนหนีไป คงเป็นเพราะกลัวทุกคนรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนจน ไม่มีอะไรติดตัวใช่หรือไม่?”
ทั้งสี่คน “……”
หลิงเยว่และอาจารย์ใหญ่จากไปด้วยความผิดหวัง คนแรกไปหาภูตม่วง ส่วนคนหลังก็ยังพยายามหาเงินต่อไป จับใครได้ก็เอาคนนั้น!
“องค์ชายเย่าตื่นเถิด!”
หลิงเยว่พบองค์ชายเย่าและนักรบภูตม่วงที่กำลังฝึกฝนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง “มีเรื่องอะไรหรือ?”
องค์ชายเย่า “???” เขาได้ยินผิดหรือไม่?
“เจ้าไม่ได้ยินผิดหรอก ข้าจะสร้างสำนักอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารในอาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์…”
พอถึงคราวของหลิงเยว่ที่พูดพล่ามไม่หยุด องค์ชายเย่าและนักรบภูตม่วงฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย สำนักนี้ช่างดีจริง ๆ…
“เมื่อถึงเวลาที่สร้างเสร็จ พวกข้าภูตม่วงก็สามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารเทพได้ใช่หรือไม่?” องค์ชายเย่ายังมีสูตรอาหารอีกมากมายที่ยังไม่ได้เรียนรู้ หากเป็นไปได้เขาก็อยากเข้าสำนักนี้ด้วย
“ได้สิ แน่นอนว่าได้!”
“เช่นนั้นเจ้ารอก่อน ข้าจะกลับไปเอามาให้ แล้วจะขอท่านแม่เพิ่มอีกหน่อย” องค์ชายเย่าพูดจบก็แปลงกายเป็นลำแสงสีม่วงหายวับไปบนท้องฟ้า
“พวกข้าก็จะไปถามครอบครัวดู…” เหล่านักรบพูดพลางจากไปเช่นกัน
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเยว่ยิ่งสดใสขึ้น จากนั้นนางก็มองไปที่ลูกกลมสีดำเล็ก ๆ ทรัพย์สมบัติของมันอยู่กับสามผี ตอนนี้ปลุกมันขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปหาพวกผีดีกว่า
สามผีต่างหากที่เป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกผู้บำเพ็ญ ไม่สิ ในอาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว!
ยิ่งไปกว่านั้น โลกใบเล็กนี้แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย ทั้งยังเย็นยะเยือก แม้แต่ลมที่พัดมายังหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน พวกเขาหาที่นี่เจอได้อย่างไรกัน?
“แล้วเจ้าหาพวกข้าเจอได้อย่างไร?”
กุ่ยซานใช้ดวงตาที่ไม่มีอยู่จริง ‘มอง’ หลิงเยว่ ผู้หญิงคนนี้มาหาพวกเขาคงไม่มีเรื่องดีแน่!
“การที่ร่างแท้ของข้าหาพวกเจ้าเจอ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
กุ่ยอีและกุ่ยเอ้อร์พยักหน้า
“พวกเจ้าหิวหรือไม่ กินอะไรหน่อยไหม?”
รอยยิ้มของหลิงเยว่ดูประจบเล็กน้อย นางหยิบวัตถุดิบอาหารทะเลออกมาจากพื้นที่เก็บของอย่างกระตือรือร้น วัตถุดิบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ผีทั้งสามไม่เคยกินมาก่อน
“วัตถุดิบระดับต่ำรสชาติไม่อร่อย” กุ่ยซานพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
“งั้นข้าจะทำอะไรพิเศษให้พวกเจ้าดีหรือไม่?” หลิงเยว่กลอกตาไปมา สายตาจับจ้องไปยังปลาที่ถูกผีสามตนตกขึ้นมา มันก็เป็นวิญญาณเช่นกัน แต่ไม่ใช่วิญญาณมนุษย์ หากแต่เป็นวิญญาณของปลาตายที่เหลืออยู่
ผีทั้งสามแสดงออกว่าไม่เชื่อ
แม้หลิงเยว่ไม่แน่ใจว่าตนจะทำได้หรือไม่ แต่นางก็อยากลองดู
นางหยิบพืชแก่นปราณรัตติกาลออกมา ตัดสินใจที่จะทำเครื่องปรุงที่เหมาะสำหรับวิญญาณปลาขึ้นมา
ณ ที่นั้นเองสามปีศาจมองดูหลิงเยว่ที่กำลังยุ่งวุ่นวาย พวกมันก็เกิดความคาดหวังขึ้นมาเล็กน้อย บางทีหญิงผู้นี้อาจจะทำสำเร็จจริง ๆ
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
ตุ๊กตาไม้อ้วนที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ถูกหลิงเยว่ตบกระเด็นไปด้วยฝ่ามือเดียว
เดิมทีกุ่ยซื่อมีแค่มือเดียว แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว มันแสดงท่าทางน้อยใจมาก
“โอ้ ใครใช้ให้เจ้าทำข้าตกใจเล่า?” หลิงเยว่เก็บมือที่หักขึ้นมาและกำลังจะติดมันกลับเข้าที่ แต่จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว
“ร่างกายพัง ๆ ของเจ้านี่ควรจะเปลี่ยนได้แล้วใช่ไหม? ข้าจะใช้กิ่งจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทำร่างใหม่ให้เจ้าดีหรือไม่?”
“ได้หรือ?!” กุ่ยซื่อหายเศร้าทันที
หากสามผีมีหู ตอนนี้พวกมันคงแนบหูติดกับหลิงเยว่และกุ่ยซื่อไปแล้ว
“พี่ใหญ่ เจ้าได้ยินชัดไหม?” กุ่ยอีส่ายหน้า เขาฟังไม่ชัด
“ที่แท้เจ้าก็มีแผนการเช่นนี้!” กุ่ยซื่อเหลือบตามองหลิงเยว่ ไม่น่าแปลกใจที่ยินดีใช้กิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างร่างกายใหม่ให้เขา เพื่อร่างกายใหม่ เขาจำต้องปล้นทรัพย์สมบัติของพี่ชายทั้งสาม!
ในที่สุดมนุษย์และหุ่นไม้ก็ตกลงกันได้
เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มที่สดใสของหลิงเยว่ที่กำลังจับมีดหั่นปลาผี สามผีก็แสดงท่าทีว่าไม่อยากกินเสียแล้ว
หลิงเยว่จะยอมให้พวกเขาถอยหนีได้อย่างไร กุ่ยซื่อจับเหล่าพี่ชายของตนไว้แน่น “พวกเจ้าจะทำอะไร นี่เป็นอาหารที่หลิงเยว่ค้นคว้าออกมาเพื่อพวกเราโดยเฉพาะเชียวนะ มีแค่พวกเราเท่านั้นที่กินได้!”
หลิงเยว่ตั้งหม้อ จุดไฟ!
จานแรกเป็นปลาตุ๋นซีอิ๊ว จานที่สองเป็นต้มหัวปลา ทำเสร็จตามมาติด ๆ จานที่สามชิ้นปลาทอด จานที่สี่ต้มเนื้อปลา…
จานที่ห้า จานที่หก จานที่เจ็ด… จนกระทั่งโต๊ะไม้วางไม่พอแล้ว หลิงเยว่จึงหยุดมือ
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจากวิญญาณปลาสีดำ ดูแล้วไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ แต่กลิ่นนั้น… ดึงดูดผีทั้งสี่เป็นพิเศษ
“เก่งจริง ๆ”
“อย่าชมเลย รีบลองชิมดูเร็วว่าอร่อยหรือไม่?” สี่ผีขยับตัวพร้อมกัน
จากนั้นพวกมันก็พยายามยัดเยียดเข้าไป พวกมันไม่เคยคิดมาก่อนว่าวิญญาณปลาจะกินได้แบบนี้ ปกติแล้วพวกมันจะยัดเข้าไปในร่างกายโดยตรง ส่วนรสชาติเป็นอย่างไรนั้น สี่ผีบอกว่าไม่รู้
แต่ตอนนี้พวกมันรู้แล้ว หอม หวาน เค็ม เผ็ด เปรี้ยว กรอบ… พลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีรสชาติหลากหลาย ช่างวิเศษจริง ๆ!
หลิงเยว่เห็นพวกมันยัดอาหารเข้าไปอย่างมีความสุข ก็อดไม่ได้ที่จะคีบปลาชิ้นหนึ่งเข้าปาก ความจริงแล้วมันเป็นเพียงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน กินเสร็จแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
“เจ้าเป็นมนุษย์ ไม่สิ เจ้าเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง จะกินพลังวิญญาณทำไม? เสียของเปล่า ๆ” ขณะที่หลิงเยว่กำลังจะลองอย่างอื่น สี่ผีก็รีบออกมาปกป้องอาหารทันที ไม่ให้นางมีโอกาสแตะต้องอาหารจานอื่นอีกเลย
นี่เป็นฝีมือของนางแท้ ๆ ตอนนี้แม้แต่คุณสมบัติในการลองชิมก็ไม่มีแล้วหรือ!?
“พวกข้าเป็นคนตกปลามานะ!”
คำพูดของกุ่ยซานทำให้หลิงเยว่ถึงกับอึ้งไป
ก็ได้ ขอเพียงแค่พวกท่านผู้อุปถัมภ์กินอย่างมีความสุข ยิ่งกินอย่างมีความสุขมากเท่าไหร่ยิ่งดี อีกสักครู่ก็อย่าได้ร้องไห้คร่ำครวญเชียว!