ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 610 ในที่สุดนางก็ลงมือกับตัวเอง
บทที่ 610 ในที่สุดนางก็ลงมือกับตัวเอง
หลิงเยว่เลือกที่จะเก็บตัวบำเพ็ญในช่วงที่สำนักอาหารศักดิ์สิทธิ์กำลังก่อสร้างอย่างคึกคัก
“ระบบ เจ้าควรจะพัฒนาร้านค้าได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
[มันออกจะยุ่งยากไปหน่อย หากต้องการวัสดุอะไรก็ไปหามาเองเถิด]
“นอกจากต้นไม้เทพของข้าแล้ว ก็ไม่มีวัตถุดิบอาหารระดับเทพอื่น ๆ อีกแล้วหรือ?” หลิงเยว่มองดูร่างแท้ของตัวเอง แล้วเปิดดูระบบแลกเปลี่ยนไม่หยุด แต่ก็ไม่เห็นเมล็ดพันธุ์เทพอื่นใดนอกจากร่างของนางเอง นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้… แน่นอนว่าจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงเมล็ดพันธุ์เทพเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น
[แน่นอนว่ามี]
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เอาออกมาสิ!”
ระบบเทพสวรรค์หายตัวไปทันที มันไม่สนใจที่จะตอบสนองหลิงเยว่เลย ราวกับว่าคำพูดก่อนหน้านี้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปแล้ว
เมื่อพึ่งพาระบบไม่ได้ หลิงเยว่จึงต้องหันไปพึ่งร่างแท้ของตัวเองแทน ในที่สุดก็มาถึงตาของนางแล้ว
หลิงเยว่เดินออกมาจากสถานที่บำเพ็ย แล้วตัดกิ่งไม้ของตัวเองออกไปหนึ่งกิ่งทันที ท่าทางที่เด็ดขาดและรวดเร็วนั้นดูเหมือนพวกเผ่าปลาหมัวอินทีเดียว
“เจ้าเอาร่างแท้ของตัวเองไปทำอะไร?” ฮ่วนเมิ่งที่กำลังนั่งฝึกฝนอยู่หน้าลำต้นถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คงไม่ใช่ว่าเตรียมเอาตัวเองไปทำเป็นอาหารหรอกนะ?”
“เดาถูกแล้ว แต่ข้าไม่มีรางวัลให้หรอก!”
ฮ่วนเมิ่งงุนงงกับคำตอบของหลิงเยว่ นางจะใช้ร่างแท้มาทำอาหารศักดิ์สิทธิ์เองเชียวหรือ คงบ้าไปแล้วกระมัง!
ฮ่วนเมิ่งคิดว่าหลิงเยว่บ้าไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง อาหารศักดิ์สิทธิ์ที่ทำจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ผลลัพธ์และรสชาติต้องเหนือชั้นแน่ ๆ อยากลองชิมยิ่งนัก…
ฮ่วนเมิ่งกลืนน้ำลาย ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปที่ปากถ้ำที่หลิงเยว่ขุดไว้
“พี่สาวเมิ่ง ท่านมายืนขวางอยู่ตรงนี้ทำไม?” หลิงโม่มองฮ่วนเมิ่งอย่างสงสัย แล้วเดินเข้าไป โดยไม่สนใจว่าหลิงเยว่กำลังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่หรือไม่
ฮ่วนเมิ่งกำลังคิดจะเดินตามเข้าไป แต่น่าเสียดายที่นางถูกพลังบางอย่างผลักออกมาทันที
ทำไมหลิงโม่ถึงสามารถเข้าไปได้ แต่นางกลับเข้าไปไม่ได้!
“เจ้ามาได้เหมาะเจาะพอดี ให้ใบอ่อนข้าสักหน่อยเถิด” แม้หลิงเยว่จะเอ่ยถาม แต่ตัวนางเองกลับเปลี่ยนหลิงโม่ให้กลายเป็นร่างแท้ แล้วรีบฉวยเอาใบอ่อนไปหลายใบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยน ‘ลูกสาว’ ของตนกลับเป็นร่างมนุษย์ทันที
หลิงโม่ “???”
“ทำไมเจ้าไม่ใช้ของตัวเองเล่า!”
“ข้าใช้แล้วนี่” หลิงเยว่ชูร่างแท้ของตนขึ้น ตอนนี้ใบสีทองเขียวและกิ่งก้านแยกออกจากกันแล้ว เปลือกสีเขียวสดบนกิ่งก็ถูกลอกออก เผยให้เห็นเนื้อไม้สีเขียวเข้มข้างใน เพียงแค่ใช้กิ่งไม้และใบไม้ดูเหมือนจะเรียบง่ายเกินไป หลิงเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจทำร่างแท้ของตนและหลิงโม่ให้เป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์!
ทำรสหวานสักอย่าง ส่วนรสเค็ม… ควรทำเป็นอะไรดีนะ?
หรือจะทอดใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ไปเลย?
ไม่ได้ ไม่ได้ แบบนั้นไม่มีเทคนิคอะไรเลย ต้องทำให้ซับซ้อน มีสรรพคุณเหนือจินตนาการ ถึงจะสมกับชื่ออาหารศักดิ์สิทธิ์!
หลิงเยว่เทแป้งที่บดจากข้าวเหนียวระดับเซียนลงในอ่างไม้ เติมน้ำสีเขียวมรกตจากกิ่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์…
หลิงโม่ย่อตัวดูอยู่ข้าง ๆ จนรู้สึกง่วงงุน ขณะที่นางกำลังจะผล็อยหลับไป กลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยเข้าจมูก ทำให้ความง่วงหายวับไปในพริบตา น้ำลายไหลออกมาที่มุมปากโดยไม่อาจควบคุมได้
“เสร็จแล้วหรือ?”
“ยังไม่เสร็จ ต้องรออีกสักพัก” หลิงเยว่ตอบพลางทำมือไม่หยุด นางกำลังทำขนมอีกชนิดหนึ่งอยู่
“ต้องเสร็จแล้วแน่ ๆ!” หลิงโม่กลืนน้ำลาย ดวงตาจับจ้องซึ้งนึ่งที่กำลังร้อนระอุ แม้แต่ไอน้ำที่ลอยออกมายังมีสีทองระยับ นางอยากเปิดดูเหลือเกินว่าอาหารข้างในหน้าตาเป็นอย่างไร!
หลิงเยว่ตีมือของหลิงโม่ที่กำลังแอบลูบคลำออกไป “ข้าบอกแล้วว่าให้รออีกสักพัก!”
หลิงโม่ลูบแขนของตัวเองที่ถูกตีจนแดงด้วยความน้อยใจ สมกับเป็นแม่แท้ ๆ ของนางจริง ๆ ถึงกับใช้แรงขนาดนี้!
เดี๋ยวออกไปนางจะต้องฟ้องท่านพ่อว่าท่านแม่ไม่ให้นางกินแล้วยังตีนางอีก แถมยังเด็ดใบไม้ของนางไปตั้งมากมาย!
ใบไม้อ่อน ๆ ของหลิงโม่ถูกหลิงเยว่ดึงเอาน้ำออก บดให้เป็นผงสีทองเขียว ในผงนั้นยังผสมส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไปด้วยเล็กน้อย นางหยิบขึ้นมาใส่เข้าไปในปากเพียงนิด รสหวานเล็กน้อยและกลิ่นหอมเฉพาะตัวของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านไปทั่วปาก
เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น หลิงเยว่ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นสะท้าน จิตใจยิ่งรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อืม…
ถ้าถึงเวลาที่ต้องกินร่างของตัวเองล่ะ จะเป็นความรู้สึกอย่างไรกัน?
หลิงเยว่รู้สึกคาดหวังขึ้นมา
หลิงโม่ยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ คว้าผงใบไม้ของตัวเองมาเล็กน้อยแล้วยัดเข้าปาก ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายวาววับในทันที นางรู้สึกว่าใบไม้ของตัวเองช่างอร่อยเหลือเกิน!
ในขณะที่ไฟใต้ซึ้งนึ่งดับลง หลิงเยว่ก็ทำขนมรสเค็มหอมเสร็จพอดี เหลือเพียงแค่นำไปอบเท่านั้น
เมื่อเปิดซึ้งนึ่งออก ไอร้อนสีทองอร่ามพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นพุ่งออกมา ทำให้ทั้งคนตัวโตและตัวเล็กตื่นขึ้นในทันที
[เสร็จแล้วหรือ?]
แม้แต่ระบบที่ซ่อนตัวอยู่ก็ยังปรากฏตัวขึ้นมา น้ำเสียงเครื่องจักรกลดูเหมือนจะมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย
“ถึงจะเสร็จแล้ว เจ้าก็ชิมไม่ได้อยู่ดี”
[……]
ในฐานะที่เป็นเทพแห่งสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ลิ้มรส!
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำให้ทั้งคนตัวโตและตัวเล็กตกใจ คนตัวเล็กมองระบบด้วยท่าทางระแวดระวัง จากนั้นก็ใช้ร่างเล็ก ๆ ของตนบังหน้าซึ่งนึ่งไว้
หากจะแย่งของอร่อยกับนาง ต้องข้ามศพนางไปก่อน!
“เจ้า…”
“ข้าเอง”
เสียงกลไกที่คุ้นเคยดังออกมาจากร่างไร้ใบหน้า ทำให้หลิงเยว่มั่นใจในตัวตนของเทพสวรรค์
หมอกจางลง เผยให้เห็นลักษณะของ ‘อาหารกึ่งศักดิ์สิทธิ์’ ในซึ้งนึ่ง ขนมที่มีรูปร่างและสีสันเหมือนใบของต้นไม้แห่งชีวิต!
ขนมใบไม้สีทองเขียวในมือของหลิงเยว่เย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้สีเขียวยิ่งเข้มขึ้น กลิ่นหอมสดชื่นที่ทำให้รู้สึกตื่นตัวเมื่อครู่ค่อย ๆ จางหายไป ดูเหมือนเป็นเพียงขนมธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่ง
ภายใต้สายตาของเทพแห่งสวรรค์และหลิงโม่ หลิงเยว่หยิบขนมใบไม้ชิ้นหนึ่งจุ่มลงในผงใบไม้ ไม่นานขนมนั้นก็ถูกเคลือบด้วยผงสีทองเขียว ดูแวววาวระยิบระยับ
ขนมใบไม้ที่เป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์ชิ้นแรกถูกวางไว้ตรงหน้าหลิงโม่ ส่วนชิ้นที่สองถูกหลิงเยว่จัดใส่จานแล้วส่งให้ระบบ ชิ้นที่สามจึงเป็นของนาง
เมื่อเผชิญหน้ากับอาหารศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสามต่างยืนนิ่ง แม้แต่คนตัวเล็กที่น้ำลายไหลยืดแล้วก็ยังอดทนไม่กัดลงไป
หลิงเยว่ลังเลเพราะขนมใบไม้ตรงหน้านี้ทำมาจากร่างแท้ของนาง นางยังไม่สามารถ ‘กินตัวเอง’ โดยไม่มีความรู้สึกผิดได้ในตอนนี้
นางสูดหายใจลึกแล้วมองไปทางเทพสวรรค์
“กินสิ ทำไมไม่กินล่ะ เป็นเพราะไม่มีปากหรือ?”
ระบบ “…”
หากเขาต้องการปากก็สามารถเปลี่ยนร่างทั้งหมดให้กลายเป็นปากได้ แต่ตอนนี้เขาเพียงสังเกตขนมใบทองตรงหน้าเท่านั้น
“งั้นพวกเรากินด้วยกันเถอะ?”
หลิงเยว่ค่อย ๆ หยิบขนมใบไม้ทองขึ้นมาแล้วนำเข้าปากอย่างระมัดระวัง