ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 611 อาหารศักดิ์สิทธิ์ที่มีสรรพคุณเหนือธรรมชาติ
บทที่ 611 อาหารศักดิ์สิทธิ์ที่มีสรรพคุณเหนือธรรมชาติ
หลิงโม่หยิบขนมใบทองอย่างสั่นเทา ขนมชิ้นนั้นไม่ใหญ่นัก แต่ดูเหมือนจะหนักมาก จนมือน้อย ๆ ของนางสั่นไม่หยุด
ทั้งผู้ใหญ่และเด็กหันไปมองระบบพร้อมกัน
เทพสวรรค์ขยับตัวอย่างสบาย ๆ ใบหน้าที่ไร้อวัยวะห้าส่วนของเขา จู่ ๆ ก็มีปากปรากฏขึ้นมา ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง!
ทั้งสามคนกัดขนมตรงหน้าพร้อมกัน
กลิ่นอายเฉพาะตัวของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่าน พอเคี้ยวเล็กน้อย กลิ่นอายที่ถูกผงใบไม้อ่อนปกปิดไว้ก็พุ่งทะลักออกมาอย่างเต็มที่ กลิ่นอายแห่งชีวิตอันเข้มข้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในชั่วพริบตา ผงในปากละลายบนปลายลิ้น รสสัมผัสของขนมทั้งนุ่มและหอมหวานเริงระบำอยู่ในปาก ไหลลงคอสู่กระเพาะอย่างช้า ๆ แล้วผ่านไปยังอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย รวมถึงเส้นเอ็นและเลือด
เพียงแค่คำเดียวหลิงโม่ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีในร่างกาย นางสัมผัสได้ถึงความสุขของร่างแท้ ร่างแท้ชอบขนมใบทองยิ่งนัก!
“อายุขัยเพิ่มหนึ่งพันปี พลังพุ่งขึ้น เส้นเอ็นรวมถึงอวัยวะภายในทั้งห้าและหก ตันเถียนทั้งหมดถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยแสงทองแห่งการปกป้อง” ระบบเทพสวรรค์อธิบายสรรพคุณหลังจากกินขนมใบทองทั้งชิ้น
แค่เพิ่มอายุขัยพันปีก็เพียงพอที่จะทำให้สรรพสัตว์ทั่วจักรวาลคลั่งแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพลังที่พุ่งทะยานและร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเลย
สมกับเป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่ทำมาจากต้นไม้แห่งชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์…
ทันทีที่ระบบเทพสวรรค์กล่าวจบประโยค ตำราประวัติศาสตร์ก็เปล่งแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง!
เพียงยี่สิบปีผ่านไปนับจากการพัฒนาครั้งล่าสุด มันก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแค่ครั้งนี้ไม่ใช่การพัฒนาของโลกใดโลกหนึ่ง แต่เป็น… การแนะนำอย่างละเอียดถึงอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในจักรวาล!
อาหารศักดิ์สิทธิ์มาจากโลกใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของสามภพเมื่อยี่สิบปีก่อน นั่นคือ อาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์!
“โอ้ สวรรค์! ไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มอายุขัยได้หนึ่งพันปี แต่ยังเพิ่มค่าความโชคดีและเสริมความแข็งแกร่งอีกด้วย ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการมีร่างกึ่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว!”
ทั้งโลกต่างคลุ้มคลั่งไปกับสรรพคุณของอาหารศักดิ์สิทธิ์
“หลอกกันใช่หรือไม่?”
บางคนไม่กล้าเชื่อเลยว่าในโลกนี้จะมีอาหารที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่!
“มันปรากฏอยู่ในตำราประวัติศาสตร์จักรวาลแล้ว จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร?”
“อาหารศักดิ์สิทธิ์… คงจะต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติทั้งหมดถึงจะได้กิน ไม่สิ แม้แต่สูญเสียทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็อาจจะไม่ได้เห็นของจริงด้วยซ้ำ”
ทุกคนจ้องมองภาพขนมใบทองในหนังสือประวัติศาสตร์จักรวาล น้ำลายในปากไหลออกมาทันที ส่วนใหญ่เป็นเพราะรูปลักษณ์ที่น่ารับประทานมาก รวมถึงคำบรรยายรสชาติที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อหลับตาจินตนาการ ราวกับว่ามีกลิ่นหอมค่อย ๆ ปรากฏในปาก พร้อมกับรสสัมผัสของขนมที่นุ่มละมุน หวานแต่ไม่เลี่ยน…
อยากกินยิ่งนัก!
แม้ว่าจะไม่ได้กิน หรือแม้แต่ไม่ได้เห็น พวกเขาก็อยากไปดูอาณาจักรอาหารศักดิ์สิทธิ์สักครั้ง ได้ยินมาว่าที่นั่นนอกจากอาหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย
พวกเขาสามารถกินอาหารเหล่านั้นเพื่อบรรเทาความอยากกินอาหารศักดิ์สิทธิ์ได้
“หลิงเยว่ หลิงเยว่ เจ้าทำอาหารศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว!” องค์ชายเย่าที่อยู่บนกิ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวยังที่เก็บตัวบำเพ็ญของหลิงเยว่ ข้างกายมีหนังสือประวัติศาสตร์จักรวาลที่หนาและสูงมาก เสียงของเขาเรียกผู้คนในละแวกนั้นมารวมตัวกันทั้งหมด
“อะไรกัน ทำสำเร็จแล้วหรือ!?” ฮ่วเมิ่งมีปฏิกิริยามากที่สุด นางยืนหน้าประตูแท้ ๆ กลับไม่รู้ข่าวเร็วเท่าภูตน้อยตรงหน้า ช่างน่าหดหู่เสียจริง!
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ได้กลิ่นหอมของอาหารเลย หลิงเยว่วางค่ายกลกั้นไว้ด้วยหรือ?
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ?” โม่จวินเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องมองห้องบำเพ็ญที่ปิดสนิท นับตั้งแต่หลิงเยว่เก็บตัวบำเพ็ญเพียงหนึ่งเดือน เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้พบนางประมาณสามถึงห้าปี
เรื่องที่หลิงเยว่เก็บตัวเพื่อสร้างอาหารศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้ผู้คนทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญต่างรับรู้ ดังนั้นเพียงชั่วครู่เดียว ด้านนอกที่เก็บตัวบำเพ็ญของนางก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน
“ศิษย์น้องหลิง เจ้ารีบออกมาเถิด!”
ผู่ตาน อวี้เจิน ลู่เป่ยเหยียนและคนอื่น ๆ ร้อนใจแทบตาย สีหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย แต่แววตากลับเปี่ยมด้วยความคาดหวัง อาหารศักดิ์สิทธิ์… จะมีลักษณะเช่นไรกัน? ช่างน่าสงสัยเหลือเกิน
“ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ต้องใช้เวลาอีกสักครู่จึงจะเสร็จ พวกเจ้ารออีกสักหน่อยเถิด” เสียงของหลิงเยว่ดังมาจากห้องที่ปิดสนิท ทำให้ทุกคนเริ่มเย็นลง
“พวกเจ้าสงสัยเกี่ยวกับอาหารศักดิ์สิทธิ์มากใช่หรือไม่?” องค์ชายเย่าถือหนังสือประวัติศาสตร์จักรวาลเดินมาข้างกายโม่จวินเจ๋อแล้วเปิดไปยังหน้าว่างก่อนหน้าสุดท้าย
ผู้คนมากมายต่างมุงเข้ามา ตอนแรกพวกเขารู้สึกยินดียิ่ง แต่แล้วก็ต้องตกใจ
โม่จวินเจ๋อมองดูใบไม้ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ข้าง ๆ แล้วเปรียบเทียบกับที่อยู่ในหนังสือ จนได้ข้อสรุปที่แทบไม่น่าเชื่อ แต่ถือว่าไม่แปลกที่หลิงเยว่จะเอาร่างของตนเองมาทำเป็นอาหาร
“เหตุใดขนมใบทองนี้ถึงเหมือนกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผิดเพี้ยนเลย?”
“ไม่จริงกระมัง!?”
“นี่มันเหมือนกับตอนที่ให้พวกข้าเฉือนเนื้อตัวเองมาทำอาหารปีศาจไม่ใช่หรือ?”
“หลิงเยว่ไม่ยกเว้นแม้แต่ตัวเองด้วย!”
ผู้คนที่อยู่ในที่นั้นต่างรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกชั่วขณะ
“ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะให้ศิษย์น้องไปหาวัตถุดิบระดับเทพที่ไหนเล่า?”
“ก็จริง ตอนนี้สิ่งที่พวกเรารู้ว่าเป็นระดับเทพและสามารถใช้เป็นวัตถุดิบได้ ดูเหมือนจะมีแค่ต้นไม้แห่งชีวิตเท่านั้น…”
หากไม่ยอมลงมือกับตัวเอง คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าอาหารศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏสินะ?
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดประตูห้องปิดตายก็ถูกเปิดออก สายตาของทุกคนจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกัน
หลิงเยว่มองดูผู้คนมากมายเบื้องหน้า รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง ทำไมทุกคนถึงมากันหมดเช่นนี้?
อาหารศักดิ์สิทธิ์ที่นางทำนั้นไม่เพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน
แต่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นใหญ่โตมโหฬาร หากจะให้ผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญได้ลิ้มรสสักเล็กน้อยน่าจะทำได้ ถ้าตัดกิ่งไม้เพิ่มอีกสักหน่อยก็น่าจะพอ?
“นี่ให้ท่าน” หลิงเยว่ใจกว้างมอบขนมใบทองและขนมจากต้นไม้แห่งชีวิตให้โม่จวินเจ๋อ ขนมชิ้นที่สองมีรสเค็ม ภายนอกมีสีทองเช่นเดียวกัน ข้างในทำจากเนื้อลำต้นของต้นวิเศษที่ทำเป็นเนื้อฝอย ๆ รสชาติน่าประทับใจมาก
ส่วนสรรพคุณนั้นก็ใกล้เคียงกับขนมใบทอง
โม่จวินเจ๋อผู้ได้รับอาหารศักดิ์สิทธิ์สองอย่างเป็นคนแรกไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้ อีกทั้งเขาก็ไม่คิดจะซ่อนด้วย รอยยิ้มสดใสนั้นเกือบจะทำให้ทุกคนตาพร่าไปหมด
“ของข้าล่ะ ของข้าล่ะ!” ผู่ตานที่อุ้มเด็กและพาลูกนกอินทรีสองตัวมาด้วย เบียดโม่จวินเจ๋อที่กำลังยิ้มจนแทบจะละลายออกไปด้วยความอิจฉา
“แน่นอนว่าต้องได้กินทุกคน มารับไปทีละคนสิ!” หลิงเยว่ไม่เคยตระหนี่กับญาติมิตรของตนเองเลยแม้แต่น้อย นางแจกจ่ายอาหารไปพลางกระซิบข้างหูของโม่จวินเจ๋อเบา ๆ ว่า “ท่านทนกินไปก่อน รอข้าส่งพวกเขากลับไปแล้ว ข้าจะทำอาหารศักดิ์สิทธิ์รสชาติอื่น ๆ ให้”
ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดข้างหูของโม่จวินเจ๋อ เขาไม่เพียงแค่หูแดง แม้แต่อุณหภูมิบนใบหน้าก็ควบคุมไม่อยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าเขายิ่งสดใสขึ้นกว่าเดิม