ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 63 หัวใจที่แตกสลายต้องการอาหารดี ๆ เพื่อรักษา
บทที่ 63 หัวใจที่แตกสลายต้องการอาหารดี ๆ เพื่อรักษา
บทที่ 63 หัวใจที่แตกสลายต้องการอาหารดี ๆ เพื่อรักษา
[เสร็จสิ้นภารกิจหลักที่ 9 ท่านป้องกันลานประลองในการแข่งขันรอบที่สองประจำสำนักได้สำเร็จเป็นเวลาสิบวัน รางวัลที่ได้รับ ค่าพลังวิญญาณ 10,000 แต้ม อายุขัย +200 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 25,210 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 609 วัน]
หลิงเยว่ไม่ได้ยินเสียงของระบบเสียด้วยซ้ำ นางล้มลงนอนอยู่ ณ จุดนั้นเป็นเวลานานจนกระทั่งถูกร่างในชุดสีเขียวอุ้มขึ้นมา วันเวลาที่เด็กสาวถูกมองเช่นลิงในสวนสัตว์ก็สิ้นสุดลง
หลิงเยว่ที่ผล็อยหลับไปตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อตนถูกอุ้มขึ้นมา หลังจากเห็นใบหน้าของผู้อุ้มชัดเจนแล้ว นางก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสาและหมดสติไปอีกครั้ง
ชิงยวน “…”
เด็กโง่…
อย่างไรก็ตามด้วยระดับการบำเพ็ญขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหก การที่หลิงเยว่ประสบความสำเร็จในการป้องกันลานประลองเป็นเวลาสิบวันนับได้ว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจไม่น้อย
เมื่อหลงหว่านโหรวเข้ามาในหอกลั่นโอสถ หลิงเยว่ก็ได้สวมเสื้อผ้าที่สะอาด และหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว นอกจากนี้ยังมีขวดโอสถอยู่ข้าง ๆ หมอนของนาง ซึ่งดูเหมือนว่าอาจารย์ชิงยวนจะเป็นคนวางไว้ให้
แม้จะยังไม่ใช่ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ แต่กลับได้รับการดูแลอย่างดีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องห้าเป็นที่เอ็นดูมากเพียงใด
อาการบาดเจ็บภายในของหลิงเยว่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แล้วขณะหลับคิ้วของเด็กสาวก็พลันผ่อนคลาย พลางยกยิ้มที่มุมปาก
ติงหลิวหลิ่วลากร่างที่อ่อนล้าของนางกลับมา เมื่อเห็นหลิงเยว่นอนหลับอย่างสงบบนเตียง นางก็รู้สึกอิจฉาก่อนวิ่งไปขึ้นไปบนเตียง แต่กลับโดนหลงหว่านโหรวคว้านางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วโยนอีกฝ่ายไปที่ขอบเตียง
“ศิษย์น้องห้ายังต้องพักฟื้นอีกนิดหน่อย เจ้าอย่าเพิ่งเข้าไปใกล้นาง”
ติงหลิวหลิ่วเอามือแนบอก พลางมองศิษย์พี่ใหญ่ด้วยความไม่เชื่อ นี่ยังใช่ศิษย์พี่ใหญ่ของนางอีกหรือไม่?
หลงหว่านโหรวปูผ้าห่มลงบนพื้น “เจ้านอนตรงนี้ก็ได้”
การปฏิบัติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…
ติงหลิวหลิ่วนอนอกหักอยู่บนพื้นข้างเตียง
“เอาเถิดศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องห้าประสบความสำเร็จในการป้องกันลานประลองในการแข่งรอบที่สองใช่หรือไม่เจ้าคะ? ข้าได้ยินมาว่ามีคนมากมายที่ท้าทายนาง แม้แต่คนที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้าก็เข้าร่วมด้วย”
ศิษย์น้องห้าดูสบายดีมาก แตกต่างจากนางที่มีสภาพดูไม่ได้เช่นนี้
“นางอดทนจนผ่านมาได้”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของหลงหว่านโหรวก็อ่อนลง ด้วยไม่คาดคิดว่าหลิงเยว่ซึ่งอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหกเท่านั้น จะสามารถผ่านการแข่งขันรอบสองได้จริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อศิษย์น้องห้าตื่นขึ้นมาเราก็ต้องฉลองกันแล้วเจ้าค่ะ!” ติงหลิวหลิ่วที่กำลังนอนอยู่มีดวงตาเป็นประกายทันที หากจะพูดถึงสิ่งที่นางตั้งตารอมากที่สุด แน่นอนว่าสิ่งนั้นก็คือการกิน!
นางกินอาหารวิญญาณที่เก็บไว้ในแหวนมิติหมดแล้ว กระทั่งอมยิ้มก็ยังไม่เหลือ นอกจากอาหารวิญญาณแล้วยังมียันต์และแผ่นค่ายกลด้วยที่ติงหลิวหลิ่วใช้จนหมด นางจะหาพวกมันมาเติมในแหวนมิติใหม่หลังจากอาการบาดเจ็บหายดี
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าโปรยยันต์และใช้ค่ายกลโจมตีทั้งหมดที่มีบนลานประลองราวกับของไร้ราคา ขนาดเจ้าลงทุนไปเช่นนั้น แต่เหตุใดเจ้ายังมีบาดแผลมากมายบนร่างกายเช่นนี้?” หลงหว่านโหรวขมวดคิ้วขณะรักษาอาการบาดเจ็บของติงหลิวหลิ่ว
“ข้าได้พบกับผู้ฝึกกระบี่และเกือบจะตาย…” เมื่อพูดถึงเหตุการณ์นี้ติงหลิวหลิ่วถึงกับต้องหลั่งน้ำตา “เขาไม่รู้จักวิธีถนอมสาวงามเลยจริง ๆ กระบี่ของเขาก็อันตรายถึงตายทุกครั้งที่ใช้ ราวกับว่าข้าเคยไปฆ่าทั้งครอบครัวของเขาเสียอย่างนั้น!”
หลิงเยว่ถูกปลุกด้วยเสียงร้องไห้ เมื่อนางลืมตาขึ้นมา ก็เห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยบาดของกระบี่ เด็กสาวตกใจมากจนได้สติขึ้นมาทันที
สภาพของติงหลิวหลิ่วน่าเวทนายิ่งกว่านางเสียอีก
“ศิษย์พี่สาม ท่าน…กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
ติงหลิวหลิ่วที่กำลังร้องไห้น้ำตาอาบแก้มหันกลับมาทันที หลิงเยว่หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ คนตรงหน้ามีบาดแผลจากกระบี่ทั้งด้านหลังและด้านหน้า เริ่มจากเอว หน้าท้องจนถึงต้นคอ หากฟาดลึกลงไปอีกเพียงหนึ่งชุ่น… ติงหลิวหลิ่วคงตายไปแล้ว
การแข่งขันบนลานประลองของผู้ที่อยู่ขอบเขตสร้างรากฐานโหดร้ายเช่นนี้เลยหรือ?
“ศิษย์น้องห้า เจ้าเกือบจะไม่ได้เห็นข้าตัวเป็น ๆ แล้ว!”
หลิงเยว่กอดติงหลิวหลิ่วด้วยความเห็นอกเห็นใจและเศร้าโศก เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บที่อีกฝ่ายได้รับบนลานประลองและความเจ็บปวดในร่างกายในเวลานี้ นางก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน
ทั้งสองกอดกันพลางร้องไห้ พวกนางร้องไห้หนักมากเสียจนถ้าใครไม่รู้เดินผ่านมา คงคิดว่ามีใครบางคนตาย
มุมปากของหลงหว่านโหรวกระตุก
ในเวลานี้ว่านอวี้เฟิงก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาพร้อมขอบตาที่ดำลึกโหล ตามมาด้วยผู่ตานที่ถูกแบกกลับมาด้วย
ในตอนแรกที่มีแค่สองคนร้องไห้อย่างขมขื่น ก็กลายเป็นสามคน บวกกับผู่ตานที่อยู่ในสภาพกึ่งตายถูกวางลงบนพื้น บรรยากาศของคนทั้งสี่พลันเศร้าโศกมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
หลงหว่านโหรวที่รู้สึกเป็นทุกข์ เมื่อเห็นภาพน่าสังเวชตรงหน้า จู่ ๆ ก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา จึงเลือกที่จะมองดูท้องฟ้าเพื่อระงับอารมณ์แทน
ในท้ายที่สุดก็เป็นสองคนที่ร้องไห้และกอดกันก่อนเพื่อรักษาบาดแผลของผู้บาดเจ็บสาหัส หลิงเยว่อยากย้ายผู่ตานขึ้นมานอนบนเตียง ทว่าชายคนนี้กลับกระอักเลือดราวกับกำลังต่อต้าน
หลิงเยว่ตกใจจึงรีบเทโอสถรักษาที่อยู่บนเตียงเข้าไปในปากของเขา และให้เขาเอนตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรงจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
การไม่กระอักเลือดอีกต่อไปหมายความว่าโอสถเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“นี่คือโอสถรักษาระดับสูงที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เจ้า”
หลงหว่านโหรวเตือนหลิงเยว่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือของหลิงเยว่ที่จับขวดเปล่าเริ่มสั่น นางอยากจะเปิดปากของผู่ตานอีกรอบเพื่อเทโอสถรักษาออกมาจากปากของเขาคืนใส่ขวด!
แต่ท้ายที่สุดนางก็จำได้ว่าโอสถกลายเป็นของเหลวเมื่อใส่มันเข้าไปในปาก ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
“ศิษย์น้องห้า ข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แค่ก ๆ ๆ”
ว่านอวี้เฟิงไอ ก่อนจะแสดงท่าทีเป็นลมล้มพับลงข้างเท้าของหลิงเยว่ ปากของเขาเปิดออก สื่อความหมายชัดเจน
หลิงเยว่ “…”
ก็ได้ ๆ พวกเราทุกคนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน…
ติงหลิวหลิ่วก็เพลิดเพลินไปกับโอสถรักษาระดับสูงมากกว่าชายสองคนที่นอนอยู่เสียอีก!
โอสถรักษาระดับสูงสามขวดว่างเปล่าหมดแล้ว และหลิงเยว่ก็ไม่เหลือสิ่งใดเก็บไว้ใช้ในภายหลัง นางจึงตระหนักได้ว่า เป็นอาจารย์ที่จงใจทิ้งโอสถเหล่านี้ไว้เป็นพิเศษให้กับศิษย์อีกสามคนด้วย
อาจารย์ชิงยวนไม่ได้คิดจะสงวนไว้ให้นางเพียงคนเดียว!
ผลของโอสถรักษาระดับสูงนั้นไม่มีโอสถใดเทียบได้ถ้าเทียบกับโอสถรักษาระดับต่ำและกลาง อาการบาดเจ็บของหลิงเยว่จึงเกือบจะหายเป็นปกติหลังจากนอนหลับเพียงวันเดียว
“หิวเหลือเกิน” ติงหลิวหลิ่วเริ่มทุกข์ทรมาน
“ข้ามีโอสถปี้กู่รสชาติใหม่”
หลงหว่านโหรวหยิบขวดโอสถออกมาสิบสองขวดในคราวเดียว สามขวดสำหรับแต่ละคนและถือชามน้ำรอไว้แล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเกือบจะหายดีแล้ว ตอนนี้สามารถทำอาหารได้แล้วเจ้าค่ะ!” หลิงเยว่กระโดดขึ้นลงเพื่อแสดงว่านางแข็งแรงดี
“…”
ศิษย์น้องเล็กของนางคนนี้เหตุใดถึงโง่เขลาเช่นนี้!
หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยออกจากหอกลั่นโอสถ
อาหารที่หลิงเยว่ทำในวันนี้ค่อนข้างเรียบง่าย และรสอ่อน เช่น น้ำแกงไก่หนึ่งหม้อ ซี่โครงนึ่งแก้ปวดหนึ่งจาน เห็ดทอดห้ามเลือด ไข่ตุ๋นหมูสับฟื้นฟูกายา และมีเพียงหมูตุ๋นในหม้อที่รสชาติเข้มข้นกว่าอย่างอื่นเล็กน้อย
เมื่ออาหารพร้อม ผู้บาดเจ็บที่เคยนอนเป็นผักอยู่กับพื้นก็ฟื้นขึ้นมาแทบจะทันที แม้แต่ผู่ตานที่นอนตัวตรงก็ยังลืมตาขึ้น
“เนื้อนี่… อร่อย!” สิ่งแรกที่ติงหลิวหลิ่วคีบด้วยตะเกียบคือหมูตุ๋น เพียงเอาเข้าปาก เนื้อก็ละลายทันที เนื้อมีรสชาติเข้มข้นหวานมันเค็ม กินกับข้าวยิ่งอร่อย!
หลิงเยว่เทน้ำของหมูตุ๋นลงในข้าวแล้วคลุก ข้าวที่เคลือบด้วยน้ำหมูตุ๋นเปล่งประกาย นางยัดช้อนใหญ่เข้าปากแล้วหรี่ตาลงอย่างมีความสุข
หลงหว่านโหรวเลียนแบบการผสมข้าวกับน้ำหมูตุ๋นของหลิงเยว่ การกินคำแรก ทำให้นางรู้สึกเหมือนได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ แม้ไม่มีเนื้อสัตว์แต่ภายในปากกลับเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์
ผู่ตานซดน้ำแกงไก่อย่างสดชื่น พลางกินซี่โครงหมูและไข่ตุ๋น เมื่อเห็นว่าอีกสี่คนกำลังกินเช่นนี้ จึงพยายามผสมข้าวกับน้ำของหมูตุ๋นด้วย
ทั้งห้าคนง่วนกับการกิน
ไม่นะ… โม่จวินเจ๋อซึ่งแต่เดิมตั้งใจมาที่นี่เพื่อเยี่ยมผู้บาดเจ็บได้ก้าวเข้ามาในหอกลั่นโอสถอย่างเงียบ ๆ ก่อนตักอาหารและเข้าร่วมวงด้วยอีกคน
ตะเกียบห้าคู่แต่เดิม กลายเป็นหกคู่ และติงหลิวหลิ่วก็จ้องไปที่โม่จวินเจ๋อด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
“ศิษย์พี่สาม… อาการบาดเจ็บของท่านเกิดจากศิษย์พี่โม่หรือเจ้าคะ?” ทันทีที่ถามออกไป หลิงเยว่กลับปฏิเสธในใจ มันเป็นไปไม่ได้ โม่จวินเจ๋อเป็นคนที่คอยปกป้องพวกนางมาโดยตลอด
“ไม่ แต่ข้าแค่เกลียดผู้ฝึกกระบี่ทุกคน!”
“ข้าเป็นปรมาจารย์ค่ายกล” โม่จวินเจ๋อตักไข่ตุ๋นหมูสับเต็มช้อนอย่างใจเย็นโดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย ไข่ตุ๋นมีรสชาติเข้มข้นมาก และกลายสภาพเป็นของเหลวทันทีหลังจากกลืนลงคอ รสชาติอร่อยนัก!
ติงหลิวหลิ่วพ่นลมหายใจ อย่าคิดว่าจะรอดตัวจากข้ออ้างเช่นนี้ไปได้นะ!