ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 74 ดูเหมือนนางจะเห็นย่าของนางโบกมือ
บทที่ 74 ดูเหมือนนางจะเห็นย่าของนางโบกมือ
บทที่ 74 ดูเหมือนนางจะเห็นย่าของนางโบกมือ
หลิงเยว่สะอึกสะอื้น ขณะพยายามถอดแหวนมิติรวมถึงถุงเก็บของอย่างไม่เต็มใจ และเริ่มสารภาพคำพูดสุดท้ายของนาง
“ท่านอาจารย์ มีอาหารวิญญาณมากมายในนี้ หากข้าโชคร้ายตายข้างในนั้น ได้โปรดช่วยส่งมอบมันให้กับศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ รวมถึงโม่จวินเจ๋อ อวี้เจิน ลู่เป่ย…”
“ตกลง ตกลง… ข้าจะมอบมันให้พวกเขาแทนเจ้า”
ถุงเก็บของและแหวนมิติตกไปอยู่ในมือของเล่อเหอ “เจ้าอยากจะพูดอะไรอีกหรือไม่”
หลิงเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยว่าไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว เฮ้อ… นี่อาจเป็นชะตากรรมของนาง ด้วยสีหน้าที่พร้อมสละชีวิตอย่างสงบ นางจึงก้าวเดินอีกครั้ง
เมื่อหลิงเยว่เริ่มก้าวขาอีกครั้ง หัวใจของผู้ชมก็แทบขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ ตราบใดที่หลิงเยว่สามารถก้าวเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของสำนักได้อย่างง่ายดาย มันก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่านางมีกายาต้านหายนะที่หายากในรอบพันปี!
ดินแดนต้องห้ามของสำนักเคยเป็นหนึ่งในสนามรบหลักของสงครามระหว่างเทพและปีศาจในสมัยโบราณ ยกเว้นหมอกพิษ ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถเข้าไปได้เลย
แม้แต่เล่อเหอซึ่งอยู่ในช่วงปลายของขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ ก็ยังไม่สามารถย่างกรายเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามได้ จึงไม่มีผู้ใดรู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น
หลิงเยว่ประสบความสำเร็จในการเหยียบดินที่ดำราวกับถ่านด้วยเท้าข้างหนึ่ง ก่อนก้าวเข้าไปด้วยเท้าอีกข้างหนึ่ง
หมอกพิษดูเหมือนจะค้นพบผู้บุกรุก พวกมันจึงมารวมตัวกันกลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ ก่อนจะกวาดเข้าหานางอย่างรวดเร็ว!
หลิงเยว่โคจรปราณอย่างเร่งรีบ และกำลังจะวิ่งออกไปพร้อมกับรองเท้าวิเศษของนาง แต่กลับต้องพบว่า… ปราณของนางหายไปแล้ว!
หากไม่มีปราณ อาวุธวิญญาณก็ไร้ประโยชน์ รวมถึงเสื้อคลุมและรองเท้าที่ได้รับมาด้วย!
“นางเข้าไปได้จริง ๆ…”
เล่อเหอตกตะลึง เขาพยายามตามเข้าไปแล้ว ทว่าผลลัพธ์ก็เหมือนกับครั้งก่อน ๆ นับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาถูกผลักอย่างรุนแรงด้วยพลังที่มองไม่เห็น
“บรรพจารย์ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
สยงฉีเลวี่ยดูกังวล ขณะที่ชิงยวนยื่นขวดโอสถรักษาระดับสูงให้
เล่อเหอไม่ตอบพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปาก ดวงตาของเขามองตามหลิงเยว่
หลิงเยว่กำลังวิ่งหนีพายุหมุนขนาดใหญ่ ทว่าขาสองข้างของเด็กสาวจะวิ่งเร็วกว่าพายุหมุนได้อย่างไร? ชั่วครู่ต่อมาร่างของนางก็ถูกกลืน ก่อนจะม้วนขึ้นไปตามแรงลมหมุนอย่างรวดเร็ว ยิ่งหมุนสูงขึ้นเท่าใด ยิ่งทำให้นางเวียนหัวมากเท่านั้น
ดูเหมือนนางจะเห็นย่าของนางโบกมือให้อยู่ราง ๆ …
“หลิงเยว่… หายไปแล้ว”
ภาพตรงหน้านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกแล้ว
เล่อเหอตัดสินใจทันที พลันมีดาบวิญญาณสีม่วงเข้มที่ปกคลุมด้วยพลังสายฟ้าอันทรงอำนาจปรากฏขึ้นในมือของเขา ก่อนจะฟันมันไปยังพื้นที่ต้องห้ามอย่างสุดแรง
“ตูม!”
ดาบที่รุนแรงพอจะทำลายฟ้าดินได้ในการฟันครั้งเดียวนั้น กลับไม่มีค่าอะไรเลยต่อหน้าพื้นที่ต้องห้ามนี้ การโจมตีถูกกลืนหายไปในชั่วพริบตา
“ให้ข้าลอง…”
กลุ่มแสงสีเขียวเข้มควบแน่นอยู่ในมือของชิงยวนแล้ว
“อย่า!”
โม่เวิ่นเทียนชี้ด้วยนิ้วที่สั่นเทาไปที่ร่างเล็ก ๆ ที่ลอยหมุนอย่างดุเดือดในพายุหมอกพิษ ซึ่งตอนนี้นางกำลังถูกพลังดาบสีม่วงไล่ล่าอีกต่างหาก!
เล่อเหอตระหนักได้ทันทีว่านั่นคือพลังดาบที่ว่านั่น… เป็นของเขา
เป็นไปไม่ได้! สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหล่าบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้วของสำนักในทุกรุ่นต่างก็พยายามที่จะทำลายพื้นที่ต้องห้าม แต่ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงเพียงใด มันก็จะถูกกลืนหายไปโดยพื้นที่ต้องห้าม
หลิงเยว่กระอักเลือดคำโตก่อนจะลงจอด ‘อย่างปลอดภัย’ ขณะกำลังมองหาโอกาสหลบหนี อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ พลังดาบที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น และกำลังไล่ตามราวกับว่ามันตั้งใจจะฆ่านาง!
นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามหรือไม่ แต่พลังดาบนี้กลับบินช้ามาก นางเพียงอาศัยขาของนางและแรงผลักดันของพายุหมุนพิษเพื่อหาทางหลบหนีไปให้ได้
อันที่จริงหลิงเยว่คิดผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในสายตาของคนที่อยู่ด้านนอก การเคลื่อนไหวของนางช้าราวกับหอยทาก ทว่าพลังดาบนั้นช้าเสียยิ่งกว่าหอยทากด้วยซ้ำ และพายุหมุนยักษ์เหล่านั้นแม้ดูเหมือนจะเร็วมาก แต่ความจริงแล้ว ก็ช้ามาก ๆ เช่นกัน
สถานการณ์นี้ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือโบราณเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงพวกบรรพชนของสำนักที่หลุดพ้นขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปแล้วเลย
เปลวไฟสีดำแดงปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ บนพื้นที่ต้องห้าม และพลังดาบที่ไล่ตามหลิงเยว่ก็ถูกกลืนหายไป
ภพตรงหน้านี้เกิดขึ้นคาตาของหลิงเยว่เลยทีเดียว มันเป็นดวงไฟชั่วร้ายนั่น!
จบแล้ว จบแล้ว นางจะถูกกลืนกินไปด้วยแล้ว!
ถึงกระนั้นหลิงเยว่ก็ไม่ได้อยู่เฉยรอความตาย นางวิ่งอย่างดุเดือดด้วยขาที่แทบจะไร้ความรู้สึก ด้วยมีความคิดเดียวในใจคือรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น!
ทว่าดวงไฟชั่วร้ายจะปล่อยหลิงเยว่ไปได้อย่างไร? ดวงไฟแกว่งไกวและไล่ตามเด็กสาว มันเร็วกว่าหลิงเยว่มาก มันบินไปดักหน้าหลิงเยว่เกือบจะในทันที ทว่ามันไม่ได้ ‘กลืนกิน’ นางทันที มันลอยอยู่ตรงหน้าราวกับว่ามันชอบสีหน้าที่หวาดกลัวของหลิงเยว่อย่างไรอย่างนั้น
“อ่า… ข้าจำได้แล้ว เจ้าคือลมหายใจที่อร่อยที่สุดที่ข้าได้กินในรอบหมื่นปี เมี่ยวเมี่ยวตัวน้อย”
“เจ้า… เจ้าพูดได้!”
หลิงเยว่น้ำตาไหลพรากทันที อีกเพียงไม่กี่ก้าวนางก็จะออกไปจากพื้นที่ต้องห้ามได้แล้ว ทว่าเท้าของนางกลับหนักเป็นพันชั่ง จนไม่อาจยกมันขึ้นมาได้
“เมี่ยวเมี่ยวน้อยอะไรของเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไรอยู่!”
หลิงเยว่กัดฟันและยกขาขึ้นก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
“เจ้ากำลังจะตาย เหตุใดจึงไม่ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการกับความเจ็บปวดเล่า?” ดวงไฟแลบลิ้นเปลวไฟที่เหมือนของมนุษย์ออกมาและทำท่าเลียปาก
“อ่า… ไม่สิ ตอนนี้เจ้ายังตายไม่ได้ เจ้าต้องพาข้าออกไปก่อนถึงจะตายได้” ดวงไฟชั่วร้ายแกว่งไปมาในอากาศ ก่อนจะหมุนคว้างเป็นวงกลม มันดูมีความสุขมาก
แม้ว่าหลิงเยว่จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็รู้ว่าถ้านางเอามันออกไป นางจะไม่ต้องตายเพียงลำพัง
“เจ้าแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว เจ้าออกไปเองไม่ได้หรือ?”
“ไม่ ข้าถูกสาป ดังนั้นตราบใดที่เจ้าสัญญาว่าจะเป็นคนรับใช้ของข้าและพาข้าออกไป ข้าก็สามารถยืดชีวิตของเจ้าได้”
ถุย!
เจ้าสมควรถูกสาปแล้ว! สมควรแล้วที่จะออกไปไม่ได้! คิดจะให้ข้าเป็นคนรับใช้หรือ ฝันไปเถิด!
‘ระบบรีบหน่อยเร็ว! มีอาวุธวิญญาณอะไรที่สามารถตรึงมันไว้สักชั่วพริบตาได้บ้างหรือไม่? ข้าอยากจะหลบหนีไปเหลือเกิน!’
[เชือกพันธนาการวิญญาณนั้นเป็นอาวุธวิญญาณแบบใช้ครั้งเดียว มันสามารถพันธนาการสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ได้ไว้ชั่วคราว และสามารถใช้ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งปราณได้ ราคาคือ 10 ล้านแต้มค่าพลังวิญญาณ…]
“ข้าจะซื้อ!”
อย่างไรก็ตามเรื่องมีหนี้เพิ่มมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องมากังวลตอนนี้! ต่อให้มีหนี้เพิ่มอีกก็ช่างมันเถิด!
“ตกลง ข้าจะพาเจ้าออกไป” หลิงเยว่ยื่นมือที่สั่นเทาของนางออกไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ
“เจ้านี่ฉลาดนัก!”
ดวงไฟชั่วร้ายลอยลงไปบนมือของหลิงเยว่อย่างมีความสุข ก่อนเปลวไฟของมันจะแข็งค้างในพริบตาต่อมา
[อายุขัย -100 วัน]
หลิงเยว่ซึ่งไม่มีเวลาให้เศร้า ไม่รู้ว่าตนเองไปได้พลังมาจากที่ใด นางรีบวิ่งออกจากพื้นที่ต้องห้ามทันใด
เมื่อวิ่งออกไปได้สำเร็จ เชือกพันธนาการวิญญาณก็กลายเป็นเถ้าถ่าน และดินแดนที่มืดมนไร้ปราณก็ลุกโชนด้วยไฟแทบจะในทันที!
สีแดงเลือดแผ่ขยาย ก่อนที่ท้องฟ้าด้านหลังภูเขาจะกลายเป็นสีแดงเข้ม
เห็นได้ชัดว่าดวงไฟปีศาจโกรธมาก ถ้าหลิงเยว่วิ่งไม่เร็วพอคงถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
“กล้าดียังไงมาโกหกข้า!”
เสียงเล็ก ๆ ที่คล้ายเสียงเด็กดังก้องไปทั่วพื้นที่ต้องห้าม
หลิงเยว่กลิ้งไปมาขณะน้ำตาก็ไหลหลั่งราวกับเขื่อนแตก เมื่อนางเห็นตัวตนระดับสูงของสำนัก ก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว
ตั้งแต่มาอยู่ในโลกบำเพ็ญเซียนหลิงเยว่ก็เหมือนเป็นเด็กขี้แย
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
หลังจากพูดเช่นนี้หลิงเยว่ผู้อ่อนแอตัวน้อยก็แทบจะคอพับ… เป็นลมไปอีกครั้ง
ชิงยวนตรวจชีพจรของหลิงเยว่อย่างใจเย็นและพบว่า…
“ท่านบรรพจารย์ ปราณของหลิงเยว่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม และไม่มีร่องรอยว่าจะถูกนำออกมาใช้เลย”
นอกจากนี้หลิงเยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บภายในใด ๆ นอกจากอาการบาดเจ็บภายนอกและความเหนื่อยล้าที่มีให้เห็น เด็กสาวต้องการเพียงโอสถฟื้นฟูเพื่อที่จะสามารถฟื้นตัวได้ในไม่นานเท่านั้น
หลังจากได้รับโอสถฟื้นฟูสักพักหลิงเยว่ก็ตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาขึ้นนางก็เห็นหัวโตหลาย ๆ หัวล้อมรอบ
ท้องฟ้ายังคงเป็นท้องฟ้าสีแดงเลือดเช่นเดิม ซึ่งหมายความว่านางเพิ่งจะเป็นลมและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นางขอเป็นลมอีกสักสองสามวัน เพื่อไว้อาลัยแก่อายุขัยที่สูญเสียไปร้อยวันได้หรือไม่?