ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 78 การขายแบบยั่วยุและล่อลวง
บทที่ 78 การขายแบบยั่วยุและล่อลวง
บทที่ 78 การขายแบบยั่วยุและล่อลวง
ในขณะที่หลิงเยว่กำลังวุ่นวายอยู่ทุกวี่วัน การแข่งขันรอบสุดท้ายของการแข่งขันสำนักก็มาถึงอย่างเงียบ ๆ
นางและกลุ่มของซือจูต่างมีถุงเก็บของมากมายห้อยอยู่รอบเอว ซึ่งข้างในมีอาหารวิญญาณพิเศษเอาไว้ขาย
“พวกท่านคิดว่าข้าจะถูกคนอื่นทุบตีหรือไม่ หากข้าปรากฏตัว?”
แม้ว่าชื่อของนางในฐานะผู้บำเพ็ญมารจะได้รับการชี้แจงแล้ว ทว่าเมฆโลหิตนั่นทำให้ตัวตนของเด็กสาวยิ่งถูกเข้าใจผิดกว่าเดิมว่าเป็นผู้บำเพ็ญมาร ศิษย์ที่ชอบธรรมของสำนักอาจรุมโจมตีจริง ๆ หลิงเยว่จึงตื่นตระหนก
เหล่าผู้คุ้มกันที่มีระดับการบำเพ็ญสูงกว่านางทุกคนต่างก็ต้องร่วมการแข่งขัน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่หลิงเยว่จะได้รับการปกป้องจากพวกเขาในวันนี้
“ก็… น่าจะเป็นไปได้?”
มู่มู่มั่นใจนิดหน่อยว่าเมื่อใดที่หลิงเยว่ออกไปปรากฏตัว ศิษย์คนอื่น ๆ ก็อาจจะตะโกนสาปแช่ง หรือไม่ก็ถึงขั้นลงมือเลยก็เป็นได้
“ไม่ ข้าไม่สามารถออกหน้าได้ คราวนี้มันคงขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว แต่ไม่ต้องกังวล พวกท่านจะไม่ต้องทำเพียงลำพัง ข้าจะหาคนมาช่วยพวกท่านอีกสองสามคน”
หลิงเยว่กลอกตาแล้วเดินตรงไปยังสถานที่ที่คนส่วนใหญ่กำลังฝึกซ้อม แน่นอนว่าวันนี้นางสวมชุดปลอมตัว โดยใส่เสื้อผ้าของศิษย์สายนอก ทั้งยังแต่งหน้าหนามากอีก หากไม่ใช่คนสนิทคงจะจำนางไม่ได้แน่ ๆ
“ศิษย์พี่หญิงเชี่ยน…” หลิงเยว่เบียดตัวเข้าไปและพบเป้าหมาย
สือเชี่ยนหันกลับมามอง ก่อนจะตกใจกับใบหน้าที่แต่งมาหนาเตอะ เมื่อมองดี ๆ แล้ว เด็กสาวตรงหน้าก็คือหลิงเยว่ นางรีบดึงหลิงเยว่ออกไปแล้วถามอย่างงุนงง “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาปรากฏตัวที่นี่!”
หลิงเยว่ยิ้มกว้างด้วยริมฝีปากสีแดงหนาเตอะ และหยิบถุงอาหารวิญญาณออกมา เมื่อถุงนั้นถูกเปิด กลิ่นหอมก็โชยออกมา ดวงตาของสือเชี่ยนพลันเบิกกว้าง ก่อนคว้าเข้ากอดมันไว้ในอ้อมแขนของนาง
ครั้งที่แล้วศิษย์น้องของนางได้มายี่สิบชุด แต่เขาขี้งกมากจึงแบ่งให้เพียงสามชุดเท่านั้น ตอนแรกนางนึกรังเกียจ แต่เมื่อได้กินแล้วกลับไม่อาจลืมอาหารนั้นไปได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นอาหารครั้งนี้มันดูอร่อยยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก
“บอกมาเถิด ว่าเจ้าต้องการให้ศิษย์พี่หญิงของข้าทำอะไร?”
ก่อนที่หลิงเยว่จะได้อธิบายรายละเอียดก็มีมือยื่นออกมาตรงหน้า “ศิษย์น้องหลิง เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดถึงศิษย์พี่ฉีคนนี้ของเจ้าด้วยเล่า?”
“ข้ายังไม่ได้มีเวลาพูดเลยนี่เจ้าคะ”
จากนั้นทั้งสามก็พึมพำอยู่ที่มุมหนึ่งเป็นเวลานาน และในที่สุดหลิงเยว่ก็แจกถุงเก็บของหลายใบให้กับคู่ศิษย์พี่น้องทั้งสองคน
สือเชี่ยนและฉีซิวซีมองหน้ากัน พลางยิ้มอย่างชั่วร้าย หลิงเยว่สามารถคาดเดาได้ถึงสิ่งที่พวกเขาคิดตราบใดที่ไม่ได้ตาบอด
“หากพวกท่านกล้าโกงละก็ ข้าจะให้ศิษย์พี่หญิงอวี้จัดการกับพวกท่านเป็นการส่วนตัว! และหากศิษย์พี่หญิงอวี้ยังไม่เพียงพอ ข้าจะไปหาผู้นำยอดเขาสยงเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนที่พวกท่านทั้งสองคดโกงผลประโยชน์จากข้า!”
สือเชี่ยนทำปากบุ้ย เด็กสาวคนนี้ร้ายกาจไม่เบา!
“ข้าเป็นคนเช่นนั้นในสายตาของเจ้าหรือ?”
“พวกท่านทั้งสองคนเลยต่างหาก!”
หลิงเยว่ดุโจรทั้งสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเลวฉีซิวซี ซึ่งรีดไถอาหารวิญญาณมากมายจากนางเมื่อครั้งล่าสุด หัวใจของเด็กสาวยังคงเจ็บปวดอยู่เลยเมื่อนึกถึงมัน
“โธ่! ศิษย์น้องหลิงเข้าใจข้าผิดเกินไปแล้ว” ฉีซิวซีมองร่างเล็ก ๆ ที่หายไปในฝูงชน เขากินเนื้อไก่บดทอดด้วยสีหน้าเพลิดเพลินระคนเสียใจ เมื่อใดที่งานขายนี้สิ้นสุดลง เขาจะต่อรองกับหลิงเยว่เพื่อให้ได้รับอาหารวิญญาณมากขึ้นแน่นอน!
สือเชี่ยนไม่สนใจที่จะมองฉีซิวซี ก่อนจะเบียดตัวเข้าไปในฝูงชน
“สหายเต๋า มาดูนี่ก่อน ตรงนี้มีของอร่อย อร่อยมาก ราคาไม่แพง!”
“อะไรนะ?”
สือเชี่ยนเปิดถุงกระดาษด้วยสีหน้ามีเลศนัย และกลิ่นหอมอันเข้มข้นก็โชยออกมา
“อาหาร?”
“ข้าขายแต่อาหารที่ดีที่สุดเท่านั้น”
“สือเชี่ยน เจ้าก็อายุมากขึ้นทุกวัน แต่เหตุใดกลับเหมือนถอยหลังลงคลองไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ มันก็เป็นเพียงอาหาร… เฮ้อ ว่าแต่เจ้าขายอย่างไรเล่า?”
“หินวิญญาณระดับล่างห้าร้อยก้อนต่อหนึ่งชุด”
ทันทีที่พูดราคานี้ออกไป ผู้ฝึกกายาที่รับฟังอยู่ก็ถึงกับควันออกหู จนเกือบจะโจมตีสือเชี่ยนที่เหมือนกำลังต้องการปล้นเขาอยู่
“นี่ไม่ใช่อาหารธรรมดา แต่เป็นอาหารวิญญาณแบบพิเศษที่สามารถฟื้นฟูปราณ รวมวิญญาณ กลั่นปราณและห้ามเลือด…”
ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!
สือเชี่ยนตะโกนขายสรรพคุณของอาหารจนสุดเสียง ในขณะที่ผู้บำเพ็ญที่อยู่รอบตัวกลับมีสีหน้า ‘เจ้ายังจะหลอกพวกเราต่อไปอีกหรือ?’
การตอบรับของผู้คนรอบตัวเช่นนี้ทำให้สือเชี่ยนเจ็บปวดใจ เดิมทีนางต้องการเก็บชุดอาหารไว้สำหรับเรียกลูกค้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเก็บมันไว้ไม่ได้เสียแล้ว นางโศกเศร้าก่อนจะหยิบมันออกมาอย่างไม่เต็มใจ “หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูเถิด แต่ข้าบอกเอาไว้ก่อนนะ แต่ละคนลองชิมได้เพียงคนละชิ้นเท่านั้น!”
กลิ่นหอมและดูดีมากเสียจนบางคนอดลองชิมไม่ได้ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ… อร่อยมาก!
“เอ่อ… ชิ้นนั้นมันเล็กเกินไปจนไม่ค่อยรู้รสเท่าใด ขอข้าลองอีกชิ้น…”
สือเชี่ยนใช้วิธีการขายด้วยการโกง และให้ผู้ที่สนใจลองชิม ในขณะที่ฉีซิวซีที่อยู่อีกด้านหนึ่งใช้วิธีการขายแบบยั่วยุและดูถูก
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าไม่สามารถแม้แต่จะควักหินวิญญาณห้าร้อยก้อนออกมาได้เลยหรือ ช่างน่าอายจริง ๆ ที่ข้าอยู่ร่วมยอดเขาบ่มเพาะกายากับเจ้า!”
“ข้าไม่มีหินวิญญาณติดตัวมากนัก ดังนั้นข้าจะซื้อของเจ้าเพียงสิบชุดเท่านั้น!”
“เอามายี่สิบชุด! แล้วข้าจะถลกหนังเจ้าทันที และการแข่งขันก็จะจบลง!”
“เจ้าคนปากเสีย กล้ามาที่นี่เพื่อยั่วยุข้าหรือ รอก่อนเถิด!”
ผู้บำเพ็ญของยอดเขาบ่มเพาะกายาหงุดหงิดง่ายกว่าคนจากยอดเขาอื่น ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นด้วยคำพูดที่รุนแรงขณะซื้อ กล่าวโดยสรุปคือ การที่ฉีซิวซีจะมีชะตากรรมที่ดีหลังจากการแข่งขันจบลงคงเป็นไปได้ยากแล้ว
หากหลิงเยว่รู้เรื่องนี้นางคงจะมีความสุข แต่ขณะนี้เด็กสาวกำลังยุ่งอยู่กับการขายอาหารให้ตัวตนระดับสูงของสำนัก ด้วยหากจะแอบเข้าไปในฝูงชนทั่วไปเพื่อขายอาหาร นางคงถูกรุมทุบตี ทว่าตัวตนระดับสูงของสำนักนั้นแตกต่าง พวกเขาจะไม่ทุบตีนางแน่นอน!
ทว่าเมื่อไปถึง ดวงตาที่พวกเขามองนางนั้นกลับเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูจนน่าขนลุก หลิงเยว่คิดทบทวนถึงสาเหตุทั้งหมดว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว นางก็นึกได้เพียงเหตุการณ์ในพื้นที่ต้องห้ามนั้น มันเป็นเพราะนางเป็นคนเดียวที่เข้าไปได้ใช่หรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องให้หลิงเยว่พูด ผู้นำยอดเขาและผู้อาวุโสทั้งหลายก็เริ่มส่งถุงหินวิญญาณให้กับนางแล้ว
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลิงเยว่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย และแม้ว่าจะเขินอาย นางก็ยังยอมรับถุงหินวิญญาณทั้งหมดแต่โดยดี
“อืม มันเป็นอาหารมังสวิรัติที่อร่อยมาก”
สยงฉีเลวี่ยกินเห็ดและผักวิญญาณทอดเกลือพริกไทย พวกมันกรอบและไม่เลี่ยน จากนั้นเขาก็แทะซี่โครงหมูทอดกระเทียมชิ้นหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะบินได้เลย
“มันยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ปิงซู่พูดเสริม เขาดื่มชานมและกินเนื้อสัตว์ พร้อมกับการดู ‘การแสดง’ บนสนามประลองตรงหน้าไปด้วย ทำให้เขายิ่งเพลิดเพลินกับอาหารในปากมากขึ้น
หลิงเยว่ผู้ขายอาหารได้หินวิญญาณมากมาย นางได้จัดโต๊ะเล็ก ๆ ของตัวตนระดับสูงของสำนักอย่างขยันขันแข็ง นอกจากอาหารทอดและชานมแล้ว ก็ยังมีขนมอบชั้นเลิศทุกชนิดอีกด้วย
“มานี่สิ”
ชิงยวนโบกมือ
“เจ้าค่ะท่านอาจารย์” หลิงเยว่เดินเข้ามาอย่างเชื่อฟัง
“ข้าได้ยินมาจากฉิงซือว่าเจ้าขาดหินวิญญาณ รับนี่ไปสิ” ชิงยวนมอบแหวนมิติให้หลิงเยว่ต่อหน้าฉิงซือที่นั่งข้าง ๆ นาง และในตอนท้ายชิงยวนก็เลิกคิ้วให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
ไร้สาระ นางจะปล่อยให้ลูกศิษย์ของนางยากจนได้อย่างไร?
ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าศิษย์ของยอดเขาโอสถแต่ละคนนั้นร่ำรวยมาก โดยเฉพาะศิษย์สายตรงของชิงยวน
ฉิงซือซึ่งได้รับการเลิกคิ้วที่บอกเป็นความนัยแฝงเพียงยิ้มตอบเท่านั้น
หลิงเยว่ตกตะลึงกับความเมตตานี้มากเสียจนนางไม่กล้ายอมรับมัน
“อย่าทำตัวเกรงใจกับอาจารย์ของเจ้า สำหรับนางมันไม่นับว่ามากมายอะไรเลย หินวิญญาณในแหวนนั่นน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับเจ้าที่จะก้าวไปถึงขอบเขตทะยานเซียน”
“ท่านช่างรู้จักข้าดีเหลือเกิน”
ชิงยวนเหลือบมองฉิงซือผู้ก่อความไม่สงบ พลางสวมแหวนให้นิ้วชี้ของหลิงเยว่ “ไม่ว่าจะอย่างไร อาจารย์จะให้ทุกสิ่งตราบที่เจ้าต้องการ และอาจารย์ก็สามารถให้ได้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะอาจารย์!” หลิงเยว่ยิ้มกว้าง แม้ในใจจะยังรู้สึกว่าตนเองไม่สมควรได้รับ
ไม่สิ! ท้ายที่สุดหนี้สามสิบล้านแต้มที่ต้องติดค้างระบบทั้งหมด เป็นเพราะนางเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามในภูเขาด้านหลัง มันสมเหตุสมผลแล้วที่อาจารย์จะต้องช่วยนางชำระหนี้!
หลังจากคิดเช่นนี้ความรู้สึกผิดทั้งหมดก็พลันหายไป หลิงเยว่รู้สึกสบายใจมากขึ้น เมื่อบรรพจารย์เล่อเหอมาถึง นางถึงกับไปร้องไห้ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าเขา!
นางต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มสำหรับความเสียหายทางจิตใจและการสูญเสียอายุขัย…
นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้ว!
“ขอบคุณท่านอาจารย์มากเลยเจ้าค่ะ เช่นนั้นศิษย์ขอไปดูการแข่งขันของศิษย์พี่สามก่อนนะเจ้าค่ะ!”
หลิงเยว่วิ่งหนีไปในพริบตา นางได้มอบอาหารวิญญาณให้กับคนอื่นเพื่อช่วยขายแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องออกไปขายด้วยตนเอง ดังนั้นจึงสามารถดูการแข่งขันของสหายได้ทุกคน!
โม่จวินเจ๋อเห็นร่างเล็ก ๆ เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยสายตาที่เฉียบคม จึงยื่นมือออกไปเพื่อดึงบุคคลนั้นกลับมา
“หลิง…”
ก่อนที่จะพูดจบ เขาก็รู้สึกเจ็บที่แขนจนแทบรักษาสีหน้าเย็นชาไว้ไม่ได้
การทนต่อการถูกหยิกเป็นเรื่องยากจริง ๆ
โม่จวินเจ๋อยังคงโดดเด่นสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในเพียงสามกระบวนท่า จึงมีสายตาคอยจ้องมองเขาไปทุกที่
ไม่สิ ตอนนี้หลิงเยว่ที่เขาจับแขนไว้ จู่ ๆ ก็กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจแทนไปเสียแล้ว
หลิงเยว่ “…”
ผู้ชายคนนี้ต้องตั้งใจทำเช่นนี้เป็นแน่!