ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 86 สนุกมากที่ได้วิ่งหนีหลังจากขโมยของมา
บทที่ 86 สนุกมากที่ได้วิ่งหนีหลังจากขโมยของมา
บทที่ 86 สนุกมากที่ได้วิ่งหนีหลังจากขโมยของมา
ชิงยวนรู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ เพราะในตอนแรกตัวนางเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่หลังจากได้ลองพยายามทำดูถึงจะรู้สึกเชื่อขึ้นมา
ทุกปียอดเขาโอสถจะสูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้เริ่มต้นที่จะสูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปแบบเปล่า ๆ และอาจมีนักกลั่นโอสถที่มีประสบการณ์เตาระเบิดเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบยาแต่ละชุดสามารถใช้ทำโอสถได้เพียงครั้งเดียว จำนวนโอสถที่ผลิตได้คือร้อยยี่สิบเม็ด ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ววัตถุดิบยาชุดเดียวกันสามารถใช้ทำขนมได้สามพันกับอีกห้าสิบชิ้น และสรรพคุณทางยาที่ได้จากขนมนั้นยังนับว่าดีกว่าโอสถทั่วไปเสียอีก
หากเป็นเช่นนี้อัตราการสิ้นเปลืองของสมุนไพรจะลดลงอย่างมากเลยใช่หรือไม่?
มิหนำซ้ำพวกเขายังละเลยจุดที่สำคัญที่สุด อาหารวิญญาณแบบพิเศษแต่ละชนิดจะมีผลคล้ายกับโอสถปี้กู่ซึ่งทำให้อิ่มท้อง แม้ความเข้มข้นของผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปจากระยะเวลาร้อยยี่สิบวัน แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าโอสถปี้กู่ไปเพียงนิด แต่อย่างน้อยผู้กินก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้ ทั้งยังคงเป็นที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งสำหรับผู้บำเพ็ญทุกคน
ชิงยวนอธิบายการค้นพบของนาง แม้ว่าพวกผู้อาวุโสจะยังคงต่อต้านอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะกำจัดหลิงเยว่ผู้นอกรีตเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรู้ว่าผู้เริ่มต้นเรียนรู้อาหารวิญญาณแบบพิเศษจะสามารถเข้าใจผลกระทบของสมุนไพรวิญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า พวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรเพื่อหักล้างคำกล่าวนี้ได้เป็นเวลานาน
หลงหว่านโหรวซึ่งเป็นผู้ชมอยู่ด้านข้างชื่นชมอาจารย์ของนางเป็นอย่างมาก อาจารย์สามารถหลอกล่อผู้อาวุโสหลายสิบคนให้ศึกษาวิธีทำขนมได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงยวนก็เผยรอยยิ้ม นางหยิบเชียนเฉิงเกาขึ้นมากัดแล้วหรี่ตาลง
ผลของยาเป็นเรื่องรอง หากแต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ คือมันอร่อยมาก! หลังจากนี้ศิษย์คนที่ห้าของนางยังจะมีเรื่องอันใดให้นางตกตะลึงได้อีกหรือไม่?
กลิ่นหอมที่ลอยออกจากยอดเขาโอสถหลักวาดผ่านยอดเขารองแล้วกระจายไปยังยอดเขาด้านนอก แม้แต่ยอดเขาหลอมศาสตราที่อยู่ติดกันยังไม่วายได้กลิ่นไปด้วย
“เจ้ามาทำอะไรที่ยอดเขาโอสถ?”
ศิษย์หนุ่มของยอดเขาหลอมศาสตรานั่งยองพลางดมจมูกฟุดฟิดไปทางกลิ่นหอมที่ลอยมา มุมปากของเขาเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้น ทั้งยังมีผู้คนอีกมากที่ลงมานั่งยองอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นเดียวกัน
พวกเขาวางมือบนใบหน้า ดวงตาดูเหม่อลอย
“กลิ่นหอมนัก เป็นเรื่องปกติที่จะมีกลิ่นของสมุนไพรวิญญาณ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงมีกลิ่นหวาน เผ็ด เปรี้ยวผสมอยู่ด้วย… หนำซ้ำยังมีกลิ่นอื่นที่อธิบายไม่ได้ ครั้นพอทุกกลิ่นผสมกันแล้วมันทำให้ข้ารู้สึกหิวนัก”
“ไปดมกลิ่นหอม ๆ เหล่านั้นที่ยอดเขาโอสถด้านนอกกันไหม? ข้าได้ยินจากคนของยอดเขาอื่นว่ามันมีกลิ่นดีกว่าที่นี่!”
ลู่เป่ยเหยียนที่เพิ่งกลับมา รู้สึกมุมปากกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เจ้าพวกนี้ก็เป็นเพียงพวกกลุ่มคนขี้แพ้!
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกศิษย์รุ่นเยาว์ที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะถูกกลิ่นหอมดึงดูดเอาได้
หลังจากลู่เป่ยเหยียนใคร่ครวญเรื่องนี้แล้วก็ควักเอาอาหารที่เขาเพิ่งได้รับจากหลิงเยว่ออกมา และเดินเข้าหาพวกเขาเหล่านั้น
“ศิษย์…พี่?”
“เอาละ พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่ายอดเขาโอสถหลักกำลังทำอันใดกันอยู่? ลองนำไปแบ่งกันเสียสิ”
ภายนอกลู่เป่ยเหยียนดูสงบ หากแต่ความจริงแล้วหัวใจเขากำลังเจ็บปวด
ทั้งหมดนี้ได้มาจากการทำงานหนักนานกว่าสิบวัน จะไม่ให้รู้สึกเป็นทุกข์ได้อย่างไร?
ในขณะที่ลู่เป่ยเหยียนกำลังแจกจ่ายอาหารด้วยความเต็มใจของตัวเอง อีกด้านของอวี้เจินดูราวกับว่ากำลังถูกปล้นอยู่!
“ไอ้เจ้าพวกโจร หากพวกเจ้ากล้าปล้นข้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ข้าจะทุบตีพวกเจ้าให้ตาย…”
ก่อนอวี้เจินจะตะโกนขู่จบ เหล่าผู้ฝึกกายาที่ถูกนำโดยสือเชี่ยนและฉีซิวซีก็รุมกันเข้ามา
ขณะนี้ยอดเขาโอสถหลักกำลังทำอาหารวิญญาณแบบพิเศษ ดังนั้นจึงมีการห้ามไม่ให้ศิษย์จากยอดเขาอื่นเข้าไป ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงสือเชี่ยนและคนอื่น ๆ ด้วย หากการห้ามนี้ทำให้พวกเขาอดกินอาหารเหล่านั้น แล้วพวกเขาจะเต็มใจยอมรับได้อย่างไรกัน?
ไม่อยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าอวี้เจินสามารถแอบเข้าไปได้ นางจะต้องมีอาหารอร่อย ๆ มากมายอยู่ในถุงเก็บของและการอ้อนวอนหรือการขอร้องไม่ใช่วิถีของการฝึกกายา ดังนั้น… อาศัยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วคว้ามันมาเป็นของตัวเองซะ!
อวี้เจินไม่สามารถเอาชนะมือที่พร้อมจะแย่งชิงอย่างนับไม่ถ้วนเหล่านั้นได้ด้วยสองหมัดของนาง จึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างจนใจในขณะที่อาหารถุงใหญ่ทั้งหมดถูกแบ่งทั้งหมดแล้ว
“พวกเจ้าคอยดูเถอะ! ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าแน่!”
อวี้เจินชี้ไปทางศิษย์พี่ศิษย์น้องที่กล้าก่ออาชญากรรมทีละคนด้วยความโกรธ
สยงฉีเลวี่ยก้าวเข้ามาพร้อมแบมือใส่อวี้เจิน “ยังมีอาหารในแหวนมิติอีกหรือไม่?”
อวี้เจินเอามือปิดแหวนมิติของนางเป็นเชิงป้องกันพลางกัดฟันตอบ “ไม่มี!”
ฝ่ามือใหญ่แตะศีรษะของอวี้เจิน รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราดูตรงข้ามกับดวงตาที่ฉายแววคุกคามอยู่หลายส่วน สยงฉีเลวี่ยพูดว่า “ครั้งที่แล้วหมูย่างอร่อยนัก ทว่าเสี่ยวเยว่ฝากมาให้ข้าน้อยเกินไป ราวกับว่าไม่ใช่นิสัยของนางเสียเลย อาจารย์ถามเจ้าหน่อย เจ้าไม่ได้แอบพยายามเก็บส่วนหนึ่งไว้กับตัวใช่หรือไม่?”
หัวใจของอวี้เจินเต้นผิดไปครึ่งจังหวะ อาจารย์รู้ได้อย่างไร?
นางมั่นใจว่าแบ่งเอามาเก็บไว้เองอย่างแนบเนียนนัก!
ผลคืออวี้เจินถูกปล้นเป็นครั้งที่สองภายใต้สายตาจับผิดจากศิษย์ผู้ฝึกกายาจำนวนมาก
“ศิษย์พี่หญิง อย่าร้องไห้ ข้าเหลือหมูทอดไว้ให้ท่านสามชิ้นแล้ว”
ก่อนที่อวี้รุ่ยจะแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม นางก็ถูกเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมยอดเขารุมทุบตีอย่างรุนแรงจนมึนงง หลังจากนั้นหมูทอดทั้งสามชิ้นก็ถูกแย่งไป
“โง่จริง ๆ”
ฉีซิวซีส่ายหัวพลางถอนหายใจ กล้ายื่นอาหารแสนอร่อยให้อวี้เจินต่อหน้าพวกแร้งที่หิวกระหายมากมาย หากไม่ใช่เป็นคนกล้าก็ต้องเป็นคนที่โง่เสียสติ!
หลิงเยว่ยุ่งมากจนเท้าของนางไม่ได้แตะพื้นเสียด้วยซ้ำ เพิ่งส่งอวี้เจินออกไปเพียงครู่เดียวอวี้เจินก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เสื้อผ้าของอวี้เจินดูเลอะเทอะ ผมหางม้าที่เรียบร้อยก็เหมือนกับฟางที่ยุ่งเหยิง
โม่จวินเจ๋อยิ้มก่อนจะถาม “เจ้าถูกปล้นมาหรือ?”
อวี้เจินจ้องมองโม่จวินเจ๋ออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปหาหลิงเยว่ด้วยสีหน้าราวกับว่าเป็นสะใภ้ตัวน้อยที่น่าสงสาร และบ่นเสียงดังเกี่ยวกับการกระทำชั่วร้ายของเหล่าศิษย์ร่วมยอดเขาเหล่านั้น ซ้ำยังเน้นย้ำว่าสยงฉีเลวี่ยทำเกินไปยิ่งกว่าทุกคนด้วย!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
หลิงเยว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นี่ไม่ใช่ธรรมเนียมของยอดเขาบ่มเพาะกายาอยู่แล้วหรอกหรือ?”
“ผู้นำยอดเขาสยงเป็นผู้นำโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
นักกลั่นโอสถที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ คุยกันเสียงดังโดยไม่เห็นใจอวี้เจินแม้แต่นิด
ด้วยความรู้สึกเสียใจ อวี้เจินจึงแอบเอื้อมมือไปหวังหยิบอาหารเพื่อปลอบโยนดวงวิญญาณที่บาดเจ็บของนาง แต่ทันทีมือนางแตะน่องไก่ ผู้อาวุโสที่เดินผ่านมาเห็นพอดีก็ตีมือให้นางเอามือออกไป
“เมื่อกี้เจ้าเอาไปเท่าไหร่แล้ว?”
“พวกมันถูกปล้นไปหมดแล้ว!” อวี้เจินจับมือของนางพร้อมโต้เถียงอย่างหนักจนหน้าแดงเส้นเอ็นขึ้นคอ
หลิงเยว่ยังมีจิตใจอ่อนโยน หยิบขาหมูอันใหญ่ออกมาจากหม้อแล้วมอบให้อวี้เจิน
“ศิษย์น้องหลิงยังเป็นคนที่เห็นใจข้าเสมอ!”
อวี้เจินรู้สึกสะเทือนใจมาก คว้าขาหมูที่ยังร้อนอยู่กัดเข้าไปคำใหญ่ ท่าทางการกินที่มูมมามของนางทำให้ผู้อาวุโสทนมองไม่ได้ เขาไพล่มือไว้ด้านหลังพลางส่ายหัวขณะเดินลาดตระเวนต่อไป ดูว่ามีลูกศิษย์คนใดกำลังเฉื่อยชาหรือไม่
“คงจะดีกว่าถ้าจับคู่กับข้าวหรืออะไรสักอย่าง”
“ท่านว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด”
อวี้เจินส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เปล่า ๆ ข้าไม่ได้พูดอะไร ข้าจะไปกินข้าง ๆ นะ”
หลิงเยว่ถอนหายใจ นางยุ่งมากจนสายตัวแทบขาดอยู่แล้ว อวี้เจินยังอยากให้นางยกอาหารให้อีกหรือ?
“กินเร็ว ๆ แล้วมาช่วยข้าจัดการกับสัตว์อสูรต่อหลังจากที่ท่านกินเสร็จแล้วด้วยนะเจ้าคะ”
ร่างกายอวี้เจินแข็งค้าง อยากจะทุ่มขาหมูของนางแล้ววิ่งหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ นางช่วยชำแหละสัตว์อสูรมาสิบสามวันแล้ว หนำซ้ำนางยังมีเวลาพักผ่อนเพียงวันเดียว และได้อาหารวิญญาณแบบพิเศษมาเพียงไม่กี่ชุด…
โม่จวินเจ๋อเข้าใจอารมณ์ของอวี้เจินเป็นที่สุด เพราะเขาเองก็ถูกใช้งานล้างสมุนไพรวิญญาณมาสิบสามวันแล้ว จนมือของเขาแทบจะไร้ความรู้สึก แต่เขายังคงถูกบังคับให้ทำงานอยู่ดี
ข้าต้องล้างไปถึงเมื่อใดกัน?
ดวงตาของชายหนุ่มว่างเปล่า
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะเอาขนมให้ท่านกินนะ”
“ขนมอะไร?”
ดวงตาเย็นชาของโม่จวินเจ๋อพลันปรากฏแสงริบหรี่ แรงผลักดันที่สนับสนุนเขาในช่วงสิบสามวันนี้คือการที่หลิงเยว่นำอาหารวิญญาณแบบพิเศษใหม่ ๆ มาให้กินเป็นครั้งคราวเพื่อยืดอายุของเขา
“รอก่อน!”
หลิงเยว่วิ่งเข้าไปในหอกลั่นโอสถหมายเลขสาม ร่างกายของนางพลันถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นหอมของนมที่เข้มข้นและหอมหวาน
ในขณะที่ศิษย์พี่ของนางกำลังชิมผลงานเมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ศิษย์น้องห้า มาเร็วเข้า ข้าทำเสร็จแล้ว!”
เชียนเฉิงเกาเมื่อถูกตัดแล้วกลิ่นนมและกลิ่นผลไม้ที่เข้มข้นในแต่ละชั้นซึ่งมีรสต่างกันพร้อมสีสันสดใสพลันปรากฏขึ้น
“ว้าว ศิษย์พี่สาม ท่านยอดเยี่ยมมาก!”
หลิงเยว่หยิบเชียนเฉิงเกาแล้ววิ่งหนีไปอย่างไร้ยางอาย
ด้วยความเร็วนั้น พวกเขาทั้งสามจึงตามไปไม่ทัน
ติงหลิวหลิ่ว “…”
นางทำสิ่งที่ประสบความสำเร็จและน่าพึงพอใจที่สุด แต่ทว่าขนมของนางถูกปล้นไปแล้ว เหลือให้นางเพียงชิ้นเล็ก ๆ ที่นางตัดแบ่งมาในตอนแรกเท่านั้น!