ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่ 327 ฆาตกรปรากฏ
ตอนที่ 327 ฆาตกรปรากฏ
เวลานี้ สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของแพทย์อาวุโสท่านนั้น เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่า จะสามารถปรุงยาถอนพิษได้อย่างไร
เวลานี้ ดอกอวิ๋นชูก็ได้มาแล้ว เหลือเพียงแค่ขั้นตอนการปรุงให้เป็นยาถอนพิษเท่านั้น ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในตอนนี้
แม้ครั้งนี้ฉีเล่ยจะนับเป็นคนสำคัญยิ่ง แต่แพทย์อาวุโสท่านนี้นับว่าสำคัญกว่า เพราะเขาถือเป็นผู้กำชะตาชีวิตของทุกคนในที่นี้
“คุณมั่นใจแค่ไหนครับ?”
ฉีเล่ยเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองแพทย์อาวุโสผู้มีหน้าที่ปรุงยาถอนพิษด้วยสีหน้าวิตกกังวล เพราะหากล้มเหลวขึ้มา นั่นย่อมหมายถึงชีวิตของฮวาโหล่วเช่นกัน
“ถ้าดอกอวิ๋นชูไม่ได้เก็บมาเป็นเวลาที่นานเกินไป ฉันก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร”
แพทย์อาวุโสเอ่ยตอบด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจ หลังจากนั้น เขาก็หยิบเครื่องไม้เครื่องมือออกมาสองสามชิ้น และเริ่มลงมือทำงานในทันที
ก่อนที่ฉีเล่ยจะออกเดินทางไปหุบเขาศิลาเหลืองนั้น แพทย์อาวุโสท่านนี้ได้บอกกับเขาว่า ดอกอวิ๋นชูหนึ่งดอกสามารถใช้ปรุงยาถอนพิษสำหรับสิบกว่าคน ฉะนั้น เขาจึงได้เก็บดอกอวิ๋นชูมามากเพียงพอสำหรับทุกคน
หลังจากตอบคำถามฉีเล่ยไปแล้ว แพทย์อาวุโสท่านนั้นก็จดจ่ออยู่กับการปรุงยาถอนพิษเพียงอย่างเดียว
กระบวนการปรุงยาเป็นไปอย่างละเอียดพิถีพิถัน เขาไม่กล้าที่จะเร่งรีบ เพราะหากเกิดปัญหาในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ย่อมหมายถึงความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดคงต้องสูญเปล่า
“ประธานฉี มาช่วยผมหน่อย”
เวลานี้ ดอกอวิ๋นชูจำนวนหนึ่งได้ถูกนำมาสกัดน้ำของมันออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ รอให้น้ำของดอกอวิ๋นชู และกลีบส่วนหนึ่งแห้ง แล้วจึงค่อยนำมาบดเป็นผง
“เอาล่ะ ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่รอคอยเท่านั้น”
เวลานี้เป็นช่วงตีสามของเช้าวันใหม่พอดี ถึงแม้จะดึกดื่น แต่ทุกคนต่างก็ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย ในสถานการณ์ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตเช่นนี้ ใครจะข่มตาหลับลงได้เล่า
“นี่พวกเราต้องรออีกนานเท่าไหร่?”
ใครบางคนร้องตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ แพทย์อาวุโสหันไปจ้องมองด้วยสายตาตำหนิ พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า
“ก็ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ต้องรอ เชิญออกจากที่นี่ไปตอนนี้ได้เลย”
แพทย์หนุ่มผู้นั้นถึงกับนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย
“เอาล่ะ ยังไงก็คงต้องรออีกหนึ่งคืน ถึงจะเริ่มขั้นตอนสุดท้ายได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของแพทย์อาวุโสท่านนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกใจหาย เพราะพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของพวกเขาแล้ว หากเป็นไปได้ ทุกคนก็อยากจะทำทุกอย่างให้เสร็จภายในคืนนี้
จากนั้น ผู้เฒ่าวังมังกรก็ได้พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พวกเราคงต้องแบ่งกะกันมาช่วยเฝ้าดูยาถอนพิษไว้ เพราะถ้ามีคนไม่หวังดีขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา”
หลังจากแบ่งหน้าที่กันแล้ว ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของตนเอง ส่วนคนที่มีหน้าที่เฝ้าก็ทำหน้าที่ของตนเองไป
ในขณะที่ฮวาโหล่วนั้นไม่ยอมกลับไปพักผ่อน และยืนกรานที่จะอยู่เฝ้าที่นี่ ฉีเล่ยจึงต้องกลับไปเพียงลำพัง และยังสั่งให้คนของตนที่ไปหุบเขาศิลาเหลืองกับฉีเล่ยกลับไปพักผ่อนอีกด้วย
เวลานี้ ดอกอวิ๋นชูนับเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่ง และฮวาโหล่วก็เข้าใจความสำคัญของมันในยามนี้ดี เธอจึงไม่ได้ห่วงตัวเองนัก
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในห้องๆหนึ่งของวังมังกร คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังนั่งล้อมวงกันจ้องมองบางสิ่งบางอย่างอยู่
“เจ้านาย นี่คือสถานการณ์ภายในวังมังกรตอนนี้”
หนึ่งในนั้นวางจอไว้ในมือของสาวผมบลอนด์ ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไอ้หน้าโง่พวกนั้นคงยังไม่รู้สินะว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อ”
“จำไว้ว่าภารกิจนี้ต้องสำเร็จอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามล้มเหลวเด็กขาด! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเรา ที่จะจัดการกับไอ้พวกหมอจีนหน้าซื่อใจคดทั้งหลาย”
หากจื่อหยางยังมีชีวิตอยู่ และได้เห็นภาพตรงหน้า คงต้องจำชายหนุ่มที่กำลังพูดนี้ได้อย่างแน่นอน เขาก็คือลูกน้องของจื่อหยาง และท้ายที่สุดก็คือคนที่สังหารจื่อหยางนั่นเอง
หลังจากที่ซานเทียนเหมาพูดจบ เขาก็หันไปถามอีกคนว่า “แน่ใจนะว่าคนของฮวาโหล่วไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย?”
“อืมม ดูเหมือนฮวาโหล่วจะสั่งให้กลับไปหมดแล้ว อาจจะเหลืออยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
จากนั้น ลูกน้องของซานเทียนเหมาก็พูดต่อว่า “ในเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีของเราที่จะลงมือ”
ซานเทียนเหมาพยักหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาว่า “ดี! คืนนี้พวกเราจะทำลายความหวังสุดท้ายของพวกมัน!”
“เอาล่ะทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม ใกล้เวลาที่จะต้องลงมือแล้ว”
ซานเทียนเหมาในเวลานี้ แตกต่างจากซานเทียนเหมาที่เคยเป็นลูกน้องของจื่อหยางอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ ลูกน้องของเขาต่างก็พยักหน้า และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ครับลูกพี่!”
ทางด้านฮวาโหล่วนั้นดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไร และยังคงยืนคุยกับหลายๆคนอยู่
กระทั่งเวลาตีห้า แต่ท้องฟ้าด้านนอกก็ยังคงไม่สว่างไสวนัก
“ทุกคน เหลืออีกครึ่งชั่วโมง ก็จะมีคนมาเปลี่ยนกะกับพวกเราแล้ว” ฮวาโหล่วร้องบอกทุกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฟิ้ว!
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงคล้ายวัตถุพุ่งผ่านห้วงอากาศดังขึ้น แต่นับว่าโชคดีที่ฮวาโหล่วสามารถหลบอาวุธลับที่พุ่งออกมาได้ทันเวลา
“นั่นใคร?”
ฮวาโหล่วร้องตะโกนถามเสียงดัง เวลานี้ ทุกคนที่เฝ้าเวรยามอยู่ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก หากดอกอวิ๋นชูถูกขโมยไป นั่นยอมหมายถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน
“ฮ่าๆๆ คุณหนูฮวามีวรยุทธเหมือนกันเหรอนี่? สามารถหลบอาวุธลับของผมได้ แสดงว่าต้องมีฝีมือไม่เบา”
เสียงร้องตะโกนดังมาจากด้านนอก และเมื่อฮวาโหล่วหันไปมอง ก็พบซานเทียนเหมากำลังยืนหัวเราะ จึงได้ร้องตะโกนถามออกไปว่า
“พวกแกมาที่นี่เพราะต้องการดอกอวิ๋นชูสินะ?”
ในสถานการณ์เช่นนี้ จู่ๆมีผู้บุกรุกเข้ามา จุดประสงค์คงจะเป็นอื่นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“คุณหนูฮวาฉลาดเหมือนกันนี่ เอาเป็นว่าถ้ายอมมอบดอกอวิ๋นชูให้ผมดีๆ ผมก็จะไว้ชีวิตคุณสักครั้ง” ซานเทียนเหมาเอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ที่แท้แกก็เป็นคนที่วางยาทุกคนสินะ?”
ฮวาโหล่วร้องตะโกนถามพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของซานเทียนเหมา
“ฉลาดดีนี่!”
ซานเทียนเหมายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะร้องตะโกนสั่งว่า
“ถอยไปได้แล้ว! ผมไม่ต้องการเห็นเลือดนองพื้น”
“แล้วถ้าฉันไม่ถอยล่ะ!”
ฮวาโหล่วเดินเข้าไปยืนขวางหน้าอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับพูดท้าทายกลับไปว่า “ถ้าแกอยากได้ ก็คงต้องข้ามศพฉันไปก่อน!”
แต่แล้วจู่ๆ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของซานเทียนเหมา ฮวาโหล่วก็เริ่มคุ้นหน้า และจำได้ว่า เขาก็คือคนลูกน้องที่มากับจื่อหยางในวันที่มีเรื่องกับฉีเล่ยนั่นเอง จึงได้ร้องถามออกไปว่า
“อ่อ.. ที่แท้แกก็คือคนที่ฆ่าจื่อหยางด้วยสินะ?”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ?”
ซานเทียนเหมาย้อนถาม ก่อนจะพูดต่อในทันที “คิดไม่ถึงว่าผมจะมีวาสนาได้กลายเป็นที่จดจำของคุณนะครับคุณหนูฮวา ว่าแต่… อย่าตำหนิผมเลยนะครับที่ต้องทำลายดอกอวิ๋นชูพวกนั้นทิ้ง”
หลังจากพูดจบ ซานเทียนเหมาก็พุ่งตรงเข้าใส่ฮวาโหล่ว หมายใช้กำลังทำร้ายหญิงสาวในทันที แต่แน่นอนว่า ฮวาโหล่วเองก็ได้เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน เมื่อซานเทียนเหมาพุ่งเข้าจู่โจม เธอก็รีบกระโจนหลบไปด้านข้างในทันที
“โอ้โห! เคลื่อนไหวได้รวดเร็วดีนี่”
เวลานี้ จิตใจของซานเทียนเหมาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ฮวาโหล่วมากกว่าการทำลายดอกอวิ๋นชู เขาล้วงเอามีดสั้นออกมา และตั้งใจที่จะสังหารฮวาโหล่วแทน
แม้ฮวาโหล่วจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่อนแคล่วว่องไว แต่ในเรื่องของความแข็งแกร่งนั้น แน่นอนว่ายังห่างไกลซานเทียนเหมามากนัก หลังจากปะทะกันไปสองสามยก แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เรี่ยวแรงของฮวาโหล่วก็ถดถอยลงอย่างมาก
ส่วนคนอื่นๆ แม้อยากจะเข้ามาช่วยก็ทำไม่ได้ เพราะถูกลูกน้องของซานเทียนเหมาคุมตัวไว้เสียก่อน
“อีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมาเปลี่ยนกะกับพวกเราแล้ว ถ้าพวกแกยังไม่รีบหนีไป รับรองว่าต้องถูกจับแน่!” ฮวาโหล่วพยายาที่จะข่มขู่ซานเทียนเหมา
“แล้วยังไง?”
ซานเทียนเหมาย้อนถามกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ขอเพียงเขาทำลายดอกอวิ๋นชูได้ ก็นับว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว
แต่ในขณะที่ซานเทียนเหมากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้านั้น จู่ๆ เท้าทั้งสองข้างของเขาก็คล้ายถูกตรึงไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และเมื่อก้มลงมองดู เขาก็เห็นฮวาโหล่วกำลังนั่งกอดขาทั้งสองข้างของเขาไว้แน่น
“อย่าคิดว่าแกจะสามารถทำลายดอกอวิ๋นชูได้ง่ายๆ!”
ฮวาโหล่วร้องคำรามออกมา สีหน้าท่าทางของหญิงสาวในตอนนี้บ่งบอกว่า ต่อให้ต้องตายเธอก็จะปกป้องยาถอนพิษนี้อย่างสุดความสามารถ
ซานเทียนเหมาหันกลับมาตบหน้าฮวาโหล่วสุดกำลัง จนกระทั่งหญิงสาวกระอักเลือดสีแดงออกมาเต็มปาก ซานเทียนเหมาเห็นแล้วถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะร้องตะโกนออกไปว่า
“ฮ่าๆๆ นี่ถ้าฉีเล่ยอยู่ที่นี่ด้วย ฉันอาจจะรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง เพราะวรยุทธของหมอนั่นไม่เลวเลยทีเดียว แต่สำหรับผู้หญิงอย่างเธอ อย่าคิดว่าจะสามารถหยุดคนอย่างฉันได้!”
แต่ทันทีที่พูดจบ เสียงคุ้นหูก็ดังออกมาจากด้านนอก
“อย่างนั้นเชียวเหรอ? คิดไม่ถึงจริงๆว่าชื่อเสียงของฉันจะโด่งดังขนาดนี้!”
ดวงตาของซานเทียนเหมาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาอย่างช้าๆ
“ฉะ.. ฉีเล่ย!”
ซานเทียนเหมาคิดไม่ถึงว่า ฉีเล่ยจะมาในเวลานี้ นั่นเพราะลูกน้องของเขาได้รายงานว่า ฉีเล่ยกลับไปพักผ่อนที่ห้องนานแล้ว และดูเหมือนจะไม่ได้มีหน้าที่เฝ้ายามเหมือนคนอื่นๆ
แผนการของซานเทียนเหมาก็คือ หากฉีเล่ยปรากฏตัว เขาและลูกน้องจะเป็นฝ่ายถอยหนีทันที แต่เป็นเพราะมัวแต่จัดการกับฮวาโหล่ว ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตว่าฉีเล่ยมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉีเล่ยเดินแสยะยิ้มเข้าไปหาซานเทียนเหมาที่ถอยหลังกรูด ก่อนจะหันไปมองฮวาโหล่วที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ขอโทษด้วยที่ผมมาช้าไป!”
ฮวาโหล่วส่ายหน้าไปมา พร้อมกับร้องบอกด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “ไม่.. ไม่ช้า นายมาได้ทันเวลาพอดี!”
ความจริงฉีเล่ยตั้งใจที่จะอยู่เวรยามเป็นเพื่อนฮวาโหล่ว แต่เขาสังเกตเห็นว่ามีคนสองคนคอยตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องกลับไปห้องพักเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจเสียก่อน
“ฉีเล่ย เขาก็คือคนที่วางยาทุกคนในที่นี้ แล้วก็เป็นคนที่ฆ่าจื่อหยางด้วย!”