ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่ 329 ประมุขตระกูลหลู่
ตอนที่ 329 ประมุขตระกูลหลู่
ไม่เพียงฮวาโหล่วเท่านั้นที่เห็น แต่ทุกคนต่างก็จ้องมองร่างของแพทย์อาวุโส ที่กำลังนอนจมกองเลือดสีแดงซึ่งเจิ่งนองอยู่เต็มพื้น และเวลานี้เขาจะเป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะไม่มีใครสักคนที่กล้าเดินเข้าไปดู
นั่นเพราะนอกจากหลู่เซินแล้ว ก็ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา แล้วใครเล่าจะอาจหาญแสดงความกล้าออกมา
หลู่เซินจ้องมองผู้คนตรงหน้าพร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนคงจะเห็นด้วยกับฉันแล้วสินะ? ดี! ดีมาก! ฉันจะทำตามที่พูด ถ้าทุกคนยอมให้ฉันเป็นแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้ ฉันรับปากว่าจะไว้ชีวิตทุกๆคน”
สภาพของแพทย์อาวุโสเวลานี้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับแพทย์คนอื่นๆเป็นอย่างมาก
“ผู้เฒ่า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราตอบตกลงไม่ดีกว่าเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ! ผมเองก็ไม่ต้องการเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เหมือนกัน ผมเป็นความหวังของครอบครัว ถ้าต้องแลกชีวิตกับการได้เป็นแชมป์การแข่งขัน ผมว่ามันคุ้มค่าเลยจริงๆ”
เวลานี้ ทุกคนที่รอดชีวิตมาได้ ต่างก็พากันร้องบอกผู้เฒ่าวังมังกร ให้ยอมทำตามที่หลู่เซินต้องการ แต่สีหน้าของผู้เฒ่าวังมังกรนั้น บ่งบอกถึงความขัดแย้งภายในใจอย่างชัดเจน
ด้านหนึ่งก็หมายถึงชีวิตของผู้คนจำนวนมาก แต่หากยอมยกตำแหน่งแชมป์ให้กับหลู่เซิน นั่นย่อมหมายความว่า เขต้องมอบยาอายุวัฒนะให้กับอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
ผู้เฒ่าวังมังกรได้แต่นิ่งเงียบไปพักใหญ่
หลู่เซินเดินกระหยิ่มยิ้มย่องเข้าไปหาผู้เฒ่าวังมังกร พร้อมกับยกมือตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ก่อนหน้านี้ฉันยังมีพิษอยู่ในร่างกาย แต่ตอนนี้ขับพิษออกหมดแล้ว มิหนำซ้ำคนวางยาก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก”
ผู้เฒ่าวังมังกรตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฉันไม่ให้เธอได้ทำสำเร็จแน่!”
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันที่ผู้เฒ่าวังมังกรจะพูดจบประโยคดี แพทย์หนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ก็ก้มลงหยิบไม้กระบองขึ้นมาฟาดใส่แผ่นหลังของผู้เฒ่าวังกรอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
“จะบ้ารึยังไง? ถ้าไม่ยอม พวกเราในที่นี้ก็ต้องตายหมด!”
แพทย์หนุ่มไม่สนใจว่าที่ผ่านมาผู้เฒ่าวังมังกรจะดูแลทุกคนอย่างดีมากเพียงใด เขากระหน่ำฟาดกระบองเข้าใส่ร่างของชายชราอยู่นานด้วยความโมโห
“โอ้ว! ทำได้ดีมาก! ฮ่าๆๆๆ”
หลู่เซินเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างของผู้เฒ่าวังมังกรที่ล้มลงกับพื้น แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบแผ่นหลังของเขาไว้ ปากก็ร้องบอกว่า
“เห็นรึยังล่ะ ทุกคนต่างก็ไม่พอใจคุณแล้วนะ รีบๆมอบตำแหน่งแชมป์ให้ฉันจะดีกว่า ถ้าไม่อยากตาย!”
ผู้เฒ่าวังมังกรถึงกับกระอักเลือดสีแดงออกมาคำโต ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน เขาหันมองไปมองคนที่ทำร้ายตัวเองด้วยความยากลำบาก ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายว่า
“เธอจะแน่ใจได้ยังไงว่า หลังจากที่ประกาศให้เขาเป็นแชมป์แล้ว และมอบยาอาวุวัฒนะให้กับเขาไปแล้ว เขาจะไว้ชีวิตทุกคนในที่นี้จรงิๆ พวกเราจะปลอดภัยจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้เฒ่าวังมังกรพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศกอย่างมาก “เธอยังอ่อนต่อโลกนัก ฉันจะบอกอะไรให้ ทันทีที่เขาได้ยาอายุวัฒนะไป คนแรกที่ต้องตายก็คือพวกเราทุกคนที่นี่!”
และนี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนในบริเวณโถงใหญ่ตระหนักถึงความจริงในเรื่องนี้
“อย่าไปฟังตาแก่นั่น! ฉันไม่ทำแบบนั้นแน่…”
หลังจากที่ได้ฟังผู้เฒ่าวังมังกรพูดจาเพ้อเจ้อ หลู่เซินก็รีบร้องตะโกนให้คำมั่นสัญญากับทุกคนทันที “เชื่อฉัน! ทุกคนในที่นี้เป็นพยานได้ ฉันรับปากจะไม่ทำอะไรใครทั้งนั้น ถ้าตาแก่นี่ยอมมอบยาอายุวัฒนะออกมา”
“อ่อ.. รวมทั้งสองคนนี้ด้วย!”
หลู่เซินหันไปมองฉีเล่ยกับแพทย์อาวุโส ที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น
หลังจากได้ฟังคำมั่นสัญญาของหลู่เซิน บรรดาแพทย์ที่เหลือต่างก็หันไปร้องตะโกนบอกผู้เฒ่าวังมังกรว่า “ผู้อาวุโส ท่านได้ยินที่เขาพูดแล้วไม่ใช่เหรอ เร็วเข้า รีบๆเอายาอายุวัฒนะให้เขาไปสิ!”
หลายคนในที่นี้ยังเป็นเพียงแค่แพทย์หนุ่ม หลายคนเพิ่งจะเคยเดินทางออกนอกสำนัก และหลายคนก็เพิ่งเคยลงจากเขามาครั้งแรกเพื่อการแข่งขันครั้งนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์บ้าๆเช่นนี้
หญิงสาวบางคนถึงกับทรุดลงกับพื้น และนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
“หวงฝูหัว นายกับฉีเล่ยค่อนข้างสนิทสนมกัน ทำไมถึงได้เอาแต่ยืนนิ่งเงียบแบบนั้น? ไม่คิดที่จะช่วยอะไรบ้างรึไง?”
ฮวาโหล่วไม่สามารถอดรนทนต่อไปได้อีก หลังจากที่เห็นฉีเล่ยต้องนอนแน่นิ่งหมดสติอยู่แบบนั้น จึงได้หันไปร้องตะโกนบอกหวงฝูหัวที่เอาแต่ยืนนิ่งเงียบด้วยความโมโหเดือดดาล
ตระกูลหวงฝูนับเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง และมีอำนาจบารมีไม่น้อย หากหวงฝูหัวเอ่ยปาก อาจจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง แต่นี่เขาเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
ฮวาโหล่วแทบอยากจะพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับหลู่เซินเพียงลำพัง แต่เพราะลูกน้องจำนวนมากของเขา ทำให้เธอไม่สามารถทำตามใจต้องการได้ เวลานี้ เธอได้แต่นึกเสียใจ ที่คิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรแล้ว หลังจากที่ฉีเล่ยกลับจากหุบเขาศิลาเหลือง เธอจึงได้สั่งให้พ่อบ้าน และลูกน้องกลับไปได้
เวลานี้ ตัวเธอเพียงคนเดียวจะสามารถทำอะไรได้อีกเล่า?
“โอ๊ะๆ ดูท่าคุณหนูฮวาคงจะเสียใจที่คนรักนอนแน่นิ่งสินะ? ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มันชอบแส่เรื่องของคนอื่น?”
หลู่เซินเดินเข้าไปคว้ามือของฮวาโหล่วไว้พร้อมกับต่อว่า “เอ.. คุณหนูฮวามีอำนาจมากไม่ใช่เหรอ? เร็วสิ.. โทรเรียกคนมาช่วยสิ!”
แต่ยังไม่ทันที่หลู่เซินจะพูดจบประโยคดี ฮวาโหล่วก็ใช้มืออีกข้างตบหน้าของอีกฝ่ายทันที พร้อมกับร้องตะโกนด่าอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้คนเนรคุณ! ไอ้คนชั่วช้าสารเลว!”
หลู่เซินถูกหญิงสาวตบก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าวด้วยความโมโห และคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีตบหน้าเขาเมื่อครู่ เขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
“นังแพศยา! นี่แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ? แกคิดว่าคนอย่างฉันจะเกรงกลัวตระกูลฮวามากรึไง?”
หลู่เซินหันไปจับไหล่ทั้งสองข้างของฮวาโหล่ว พร้อมกับตวาดใส่หน้า “ฉันไม่ปล่อยแกแน่!”
หลังจากนั้น ก็ได้ส่งสัญญาณให้ลูกน้องไปจับตัวฮวาโหล่วไว้แน่น หญิงสาวดิ้นรนไปมาพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง
“นี่แกจะทำอะไรฉัน?”
ฮวาโหล่วเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของหลู่เซิน จึงรีบร้องตะโกนถามออกมาเสียงดัง
“ทำอะไรงั้นเหรอ? ก็จะทำในสิ่งที่ผู้ชายอยากจะทำกับผู้หญิงมากที่สุดน่ะสิ ถามได้!”
จากนั้น หลู่เซินก็หัวเราะออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง มันค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาฮวาโหล่วอย่างช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปถอดเสื้อคลุมของฮวาโหล่วออก โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่กำลังจ้องมองอยู่
“สาวน้อย ทำไมต้องใส่อะไรหลายชั้นขนาดนี้ห๊ะ?” หลู่เซินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างมาก
มาถึงขั้นนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้ว่าหลู่เซินกำลังคิดที่จะทำอะไร เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว
หวงฝูหัวเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา แกล้งทำเป็นไม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ในขณะที่คนอื่นๆต่างก็พากันจ้องมองด้วยดวงตาลุกวาว
“หนุ่มๆทุกคนฟังนะ ใครที่เห็นด้วยและยินยอมให้ฉันเป็นแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้ ไม่เพียงแค่จะรอดชีวิต แต่ฉันจะยกผู้หญิงสวยเซ็กซี่คนนี้ให้ด้วย!”
จากนั้น หลู่เซินก็หัวเราะออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่งอีกครั้ง
หลังจากจัดการถอดเสื้อนอกของฮวาโหล่วออกแล้ว หลู่เซินก็ถึงกับจ้องมองด้วยแววตาหื่นกระหาย พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“โอว้! คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณหนูฮวาจะรูปร่างดีขนาดนี้ มาให้พี่ชายคนนี้เชยชมหน่อยเถอะนะ!”
หลังจากที่คำพูดชั่วร้ายเลวทรามหลุดออกจากปาก ผู้เฒ่าวังมังกรก็ร้องตะโกนออกมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“หลู่เซิน นี่เธอไม่กลัวว่ากลับไปจะถูกประมุขตระกูลหลู่ทำโทษบ้างรึยังไง?”
“เขาจะรู้ได้ยังไง?”
หลู่เซินร้องตะโกนถามออกมาพร้อมกับปล่อยมือออกจากร่างของฮวาโหล่ว แล้วหันไปจ้องมองผู้เฒ่าวังมังกรด้วยสายตาดุดัน
“นี่แกคิดว่าแกยังจะมีโอกาสออกไปฟ้องอีกงั้นเหรอ? อีกอย่าง ต่อให้แกรอดชีวิตออกไปได้ แกคิดว่าประมุขตระกูลหลู่จะฟังคำพูดของแกงั้นเหรอ?”
“นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
ผู้เฒ่าวังมังกรได้แต่เอ่ยถามกลับไปด้วยสีหน้างุนงง
“ฮ่าๆๆๆ ก็หมายความว่าตอนนี้ฉันก็คือประมุขตระกูลหลู่ยังไงล่ะ ตอนนี้แกเข้าใจรึยัง?”
คำตอบของหลู่เซินชัดเจนแจ่มแจ้ง นั่นหมายความว่า กระทั่งประมุขหลู่เองก็ยังตกอยู่ในเงื้อมมือของหลานชายตัวเอง
“เลว! ชั่วช้าสิ้นดี!”
ผู้เฒ่าวังมังกรร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ จนร่างทั้งร่างสั่นสะท้านรุนแรง
หลู่เซินใช้ปลายเท้าเตะเข้าที่ใบหน้าของผู้เฒ่าวังมังกร พร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า “หุบปาก! คนฉลาดเท่านั้นที่รู้ว่าควรจะหาความสุขจากชีวิตยังไง”
จากนั้น หลู่เซินจึงได้หันไปหาฮวาโหล่ว ในขณะที่คนอื่นๆต่างก็เริ่มหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
“ในเมื่อพี่หลู่ได้ขึ้นเป็นประมุขตระกูลหลู่แล้ว ผม.. หานเซิ่งหยางในฐานะลูกชายคนที่สามของตระกูลหาน ยอมรับให้พี่หลู่เป็นแชมป์ด้วยความเต็มใจ!”
“ฉันด้วย!”
“ผมด้วย!”
เวลานี้ ทุกคนต่างก็ต้องการเอาชีวิตรอด และพากันร้องตะโกนบอกหลู่เซินเป็นเสียงดัง เหลือเพียงแค่หวงฝูหัวคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา จนหลู่เซินต้องร้องตะโกนถามออกไปว่า
“แล้วแกล่ะหวงฝูหัว?”
“ฉันเหรอ?”
หวงฝูหัวยกมือขึ้นชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับร้องถาม ในขณะที่สายตาก็จ้องมองคนอื่นๆ ที่พากันคุกเข่าลงกับพื้น และรู้ว่าเวลานี้ตนเองควรจะต้องทำอย่างไร จึงได้ตอบกลับไปว่า
“ฉัน.. ฉันก็ยินยอมเหมือนกัน”
ฮวาโหล่วจ้องมองหวงฝูหัวด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เธอคิดว่าหวงฝูหัวเป็นความหวังเดียว และความหวังสุดท้ายของเธอ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ทายาทตระกูลหวงฝูกลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา
“ดีๆ ดีมาก!”
หลังจากได้ยินคำตอบของทุกคนแล้ว หลู่เซินจึงได้หันไปถามผู้เฒ่าวังมังกรว่า “ว่ายังไงตาแก่ แกได้ยินแล้วใช่ไหม?”
แต่เวลานี้ ผู้เฒ่าวังมังกรได้หมดสติไปแล้ว จึงไม่ได้ยินคำถามของหลู่เซิน และไม่รู้ว่ากำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง?
ทุกคนในบริเวณนั้นต่างก็พากันคุกเข่าลงต่อหน้าหลู่เซิน มีเพียงฮวาโหล่วคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงถูกลูกน้องของเขาจับยืนไว้อย่างนั้น
“เอาล่ะ คราวนี้ก็ได้เวลาของเราแล้ว…”
หลู่เซินแสยะยิ้ม พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเชยคางฮวาโหล่วไว้ ปากก็ร้องบอกไปว่า “คุณหนูแห่งตระกูลฮวา ได้เวลามาทำเรื่องตื่นๆกันแล้ว…”
แต่ในขณะที่หลู่เซินจะลงมือทำเรื่องชั่วช้า ท่ามกลางความนิ่งเงียบของทุกๆคน ก็มีเสียงร้องตะโกนดังขัดขึ้นเสียก่อน
“หยุดก่อน!”