ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่311 มีคุณสมบัติพอไหม?
ตอนที่311 มีคุณสมบัติพอไหม?
ในเมื่อเผลอเผยตัวออกมาแล้ว ฉีเล่ยก็คงไม่สามารถปิดบังตัวต่อไปได้อีก หลินชูวโม่จ้องมองฉีเล่ยด้วยแววตาตำหนิ หากฉีเล่ยไม่เผลอพูดออกมาดังแบบนั้น ป่านนี้เธอก็คงจะเป็นคนตอบไปเองแล้ว
แต่ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว ฉีเล่ยจึงได้แต่ลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาเฉินหยางพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ผมเป็นคนตอบเอง”
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉีเล่ยใส่หมวกกับแว่นตากันแดดปิดบังใบหน้าไว้หรืออย่างไร จึงไม่มีใครในห้องนี้จำเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว ผิดกับจงอี้ห่าวที่เห็นเขาก็สามารถจำได้ในทันที
“ไอ้บ้าเอ๊ย! คนกำลังแข่งกันอยู่ไม่เห็นรึไง?”
เฉินหยางตวาดกลับด้วยความโมโห ที่อีกฝ่ายทำให้การแข่งขันต้องชะงักลง สีหน้าท่าทางของเฉินหยางเวลานี้ บ่งบอกชัดเจนว่าต้องการที่จะทำร้ายฉีเล่ย
“จะทำอะไรผมก็ระมัดระวังตัวหน่อยนะ? อย่าลืมว่าที่นี่เป็นสภาแพทย์แผนจีน!”
“สภาแพทย์แผนจีนแล้วยังไง?”
เฉินหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ตอนนี้ประธานก็หายหัวไปแล้ว เหลือแต่ผู้ช่วยที่ทำอะไรก็ไม่เป็น แล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
“ในความเห็นของฉัน สภาแพทย์แผนจีนคงต้องสิ้นชื่อแล้วล่ะ!”
หลังจากนั้น เฉินหยางก็หัวเราะร่วนก่อนจะพูดต่อว่า “ฮ่าๆๆ แต่ถ้าให้ผมขึ้นเป็นประธานแทน ผมจะนำพาสภาแพทย์แผนจีนให้รุ่งเรืองเอง ทุกคนคิดว่ายังไง?”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผู้ช่วยประธานคนนี้ไร้ประโยชน์? คุณคงยังไม่รู้สินะว่า เงินทองที่ใช้ในการก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้เป็นเงินของใคร? ทั้งหมดเป็นเงินของผู้ช่วยประธานหลินคนนี้”
“นี่แกเป็นใคร ถึงได้กล้ามายืนต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้ ระวังตัวให้ดี ฉันจะให้คนจับนายโยนออกไปจากที่นี่!”
ทั้งคำพูดคำจาและท่าทางของเฉินหยางนั้น ช่างยะโสโอหังอย่างมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับสมาชิกหลายๆคนที่นี่ก็เป็นได้ อีกทั้งคนกลุ่มนี้ก็ยังอยู่ข้างเขาด้วย
“แล้วแกรู้ไหมว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแกนี้เป็นใคร? ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการแพทย์แผนจีนเฉินหยาง!”
ฉีเล่ยแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไปว่า “งั้นเหรอ? ผมไม่รู้จักเลยสักนิด อ่อ! อาจเป็นเพราะคนอย่างผมไม่คบหาคนกระจอกงอกง่อยก็ได้”
“นี่แก!”
เฉินหยางทั้งโกรธทั้งอาย
“เอาแบบนี้ไหมล่ะ? แทนที่จะไปแข่งกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คุณมาแข่งกับผมดีกว่า”
เฉินหยางไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้เป็นใครกันแน่ แต่คิดว่า คงจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของสภาแพทย์แห่งนี้ จึงได้ตอบโต้กลับไปว่า
“แกนี่นะจะแข่งกับฉัน? แกคิดว่าแกเป็นใคร มีคุณสมบัติพองั้นเหรอ?”
ฉีเล่ยถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ได้ๆ ผมจะให้คุณดูว่า คนอย่างผมมีคุณสมบัติพอรึเปล่า?”
จากนั้น ฉีเล่ยก็ได้ถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มหยัน
“เป็นยังไงบ้าง คราวนี้ผมมีคุณสมบัติพอรึยัง?”
“ประธานฉี!”
ทุกคนในห้องต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ส่วนเฉินหยางเองก็ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง เขาไม่คิดว่า ประธานสภาแพทย์แผนจีนที่มีข่าวว่าหายตัวไปนั้น จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นมาแบบนี้ อีกทั้งเมื่อครู่เขายังพูดจากับประธานสภาแพทย์แผนจีนอย่างโอหัง แล้วก็ไร้มารยาทอีกด้วย
“ประธานฉี!”
เฉินหยางพึมพำออกมาเสียงเบา
ฉีเล่ยยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นตบบ่าเฉินหยาง และบอกกับเขาไปว่า
“ยังจะเรียกผมว่าประธานฉีอยู่อีกเหรอ? เมื่อครู่คุณเพิ่งจะบอกเองว่าอยากจะมาเป็นประธานที่นี่ มาๆ มาเริ่มแข่งขันกันเลยดีกว่า ตอนนี้ผมคงจะมีคุณสมบัติพอแล้วใช่ไหมครับ?”
แข่งกับฉีเล่ยนี่นะ?
ทักษะทางการแพทย์ของฉีเล่ยนั้น ต่อให้เฉินหยางเรียนรู้อีกทั้งชีวิต ก็คงจะยังไม่ได้ครึ่งของเขา และเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าต่อสาธารณชน เฉินหยางจึงได้ตอบกลับไปว่า
“ไม่จำเป็นหรอกครับท่านประธานฉี! ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว เพียงแต่ ผมได้ยินมาว่าคุณ…”
ฉีเล่ยจ้องมองเฉินหยางที่ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก พร้อมกับพูดแทนว่า “หายตัวไปแล้วใช่ไหม?”
ฉีเล่ยเงื้อมมือออกไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายพร้อมกับยกขึ้นจนตัวลอย พร้อมกับคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เอาล่ะ นับจากนี้ไป ห้ามแกเข้ามาที่สภาแพทย์แผนจีนนี้อีก แกพ้นสภาพสมาชิกขององค์กรแห่งนี้แล้ว!”
พูดจบ ฉีเล่ยก็โยนร่างของเฉินหยางออกไปนอกห้องทันที เสียงร่างของเฉินหยางที่กระแทกกับพื้นดังปังนั้น ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ
“ทุกท่านฟังให้ดี นับจากนี้เป็นต้นไป หลินชูวโม่วจะไม่เพียงเป็นผู้ช่วยของผมเท่านั้น แต่เธอจะยังมีอำนาจในการบริหารงานเช่นเดียวกับผมด้วย!”
สิ้นคำประกาศของฉีเล่ย ห้องทั้งห้องก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบในทันที
ส่วนเฉินหยางยังคงนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้
การที่หลินชูวโม่ถูกคนอื่นดูแคลนนั้น เป็นเรื่องที่ฉีเล่ยไม่สามารถทนได้จริงๆ เขาจึงได้ย้ำกับทุกคนอีกครั้งว่า
“ขอให้ทุกท่านในที่นี้รับรู้ไว้ว่า หลินชูวโม่ไม่เพียงเป็นผู้ช่วยประธานสภาแพทย์แผนจีน แต่ยังจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผมด้วย และเธอยังมีอำนาจในการบริหารองค์กรเทียบเท่ากับผม ใครในที่นี้ก็ต้องให้เกียรติเธอเหมือนที่ให้เกียรติผม หวังทุกคนจะไม่แสดงกิริยาที่ดูแคลนหรือไม่ให้เกียรติเธออีกนะครับ”
ฉีเล่ยกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมไม่สนใจหรอกนะว่า ทุกคนจะคิดอกุศลอะไรอยู่ในใจ แต่พวกคุณควรจะต้องรู้ไว้ว่า สภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาได้ ก็เพราะแรงสนับสนุนจากผู้ช่วยประธานคนนี้ หากไม่ใช่เพราะความใจกว้างของผู้ช่วยหลิน สภาแพทย์แผนจีนคงต้องประสบกับปัญหามากมาย”
“และหลังจากนี้ไป หากยังมีใครทำตัวเหมือนกับเฉินหยางอีก ผมขอบอกไว้เลยว่า ชะตากรรมของคนๆนั้นจะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าเฉินหยางแน่”
ฉีเล่ยประกาศออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ในฐานะที่เป็นประธานขององค์กร สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือ ความสามารถในการโน้มน้าวใจผู้คน!
“จุดประสงค์ที่ผมก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้ขึ้นมาก็คือ เพื่อพัฒนาและยกระดับวงการแพทย์แผนจีน คิดค้นสูตรยาจีนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ดียิ่งๆขึ้น อีกทั้งยังต้องการให้แพทย์แผนจีนทุกคนได้มีรายได้ที่ดีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น ถ้าใครยังคิดที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่ ผมขอบอกไว้เลยว่า ผมจะไม่เกรงใจแน่!”
และแน่นอนว่า หลังจากได้เห็นสภาพของเฉินหยางในตอนนี้ ย่อมไม่มีใครต้องการที่จะมีจุดจบแบบนั้นแน่!
“หวังว่าทุกท่านจะจดจำไว้ให้ดีด้วย!”
หลังจากประกาศกร้าวออกไปแล้ว ใบหน้าของฉีเล่ยก็เริ่มกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง เขาก้าวเดินขึ้นไปยืนบนเวที พร้อมกับทำมือส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง
“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมจะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบ”
“จากนี้ไป ผลงานวิจัยของใครที่ได้รับการประเมินให้ผ่าน และมีคุณภาพที่จะนำออกไปใช้ได้จริง คนๆนั้นจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินห้าแสนหยวน ทุกท่านคิดเห็นยังไงบ้าง?”
เงินทองนับเป็นสิ่งขับเคลื่อนที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งฉีเล่ยเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี!
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ข่าวคราวการเคลื่อนไหวจากชนเผ่าเหมี่ยวเลย เรื่องเงียบจนทำให้ฉีเล่ยรู้สึกสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากเขาไม่รีบเตรียมการล่วงหน้าไว้อย่างเหมาะสม เกรงว่าหากชนเผ่าเหมี่ยวลงมือจริงๆ อาจจะไม่ทันการ
“ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง การที่ผมหายไปครั้งนี้ ได้นำบางสิ่งบางอย่างที่ดีมากกลับมาด้วย ในที่นี้ไม่ทราบว่าท่านใดมีความสามารถโดดเด่นทางการฝังเข็มบ้าง?”
“ท่านประธานฉีต้องการจะบอกอะไรกับพวกเรากันแน่?”
“คัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิง”
ฉีเล่ยตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆ เขาไม่คิดที่จะปิดบังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ตำราทางการแพทย์ทุกเล่ม ล้วนมีไว้เพื่อใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับมวลมนุษยชาติ ยิ่งมีแพทย์ได้ศึกษาเรียนรู้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากขึ้นเท่านั้น
แม้ฉีเล่ยจะไม่ต้องการปิดบังอะไร แต่ก็ใช่ว่าเขาจะต้องการให้คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องการฝังเข็มจริงๆ เข้ามาศึกษาเรียนรู้ จึงได้เอ่ยต่อทันที
“ขอเพียงแค่สนใจทักษะการฝังเข็ม และเป็นมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ผมก็ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชานี้ให้!”
“อะไรนะ?!”
ทุกคนในห้องต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แทบไม่มีใครเชื่อว่า จะได้ยินฉีเล่ยพูดออกมาแบบนี้ ทั้งหมดจึงได้แต่จ้องมองเขาด้วยสีหน้างุนงงตกใจ นั่นเพราะคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิง เป็นตำราที่สอนเทคนิคเกี่ยวกับการฝังเข็มที่ล้ำเลิศ
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่เช่นนี้ คงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิดว่าจะได้พบเห็น!
“ประธานฉี นี่คุณพูดเรื่องจริงเหรอครับ?”
“ผมจะโกหกทุกคนไปทำไม?”
จากนั้น ฉีเล่ยก็หยิบเอาฉบับที่เขาคัดลอกจากฉบับจริงออกมา พร้อมกับพูดต่อว่า
“นี่เป็นคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงฉบับคัดลอด ส่วนฉบับจริงนั้นไม่ได้อยู่กับผม ขอเพียงแค่ทุกท่านมีความทุ่มเทและตั้งใจจริง ผมจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่ฉีเล่ยพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องประชุม
หลังจากสิ้นสุดการประชุมแล้ว ฉีเล่ยก็ขอให้หลินชูวโม่กับโจวอี้ห่าวอยู่ก่อน และทั้งคู่เป็นคนที่เขาสามารถที่จะไว้ใจได้มากที่สุดในองค์กรเวลานี้ เห็นได้จากที่ โจวอี้ห่าวไม่ปริปากบอกใครเลย เรื่องที่เขาเดินทางไปเขาจิ่วเหลียน ไม่อย่างนั้น คงจะไม่มีข่าวลือว่าเขาหายตัวไปออกมาแน่
“พวกคุณสองคนเห็นคนที่ถามผมเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม?”
ฉีเล่ยรู้สึกว่า เรื่องในวันนี้คงจะไม่ใช่เฉินหยางเพียงคนเดียวแน่
“เห็นครับประธานฉี ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในทีมแพทย์อาวุโสของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนปักกิ่ง” โจวอี้ห่าวเอ่ยตอบ
“หืมม?!”
ชื่อโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนปักกิ่งทำให้ฉีเล่ยอดที่จะนึกถึงเรื่องของตระกูลจินไม่ได้ ครั้งนั้นผู้อำนวยการจูกวงหลงทั้งสนับสนุน และให้ความร่วมมือเขาเป็นอย่างดี
“เขาชื่ออะไรรู้ไหม?”
จงอี้ห่าวตอบกลับทันที “ชื่อว่าผังป๋อครับประธานหลี่ แต่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นที่สงสัยเลยนะครับ หรือจะเข้ามาเพื่อคอยสอดแนมอะไรบางอย่าง?”
“แล้วนี่พวกเราจะทำยังไงต่อ?” หลินชูวโม่เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล