ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่312 ยาอายุวัฒนะ
ตอนที่312 ยาอายุวัฒนะ
“ชูวโม่ อี้ห่าว พวกคุณสองคนช่วยกันจัดการร่างกฏเกณฑ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับองค์กรมาให้ผมด้วย ส่วนเรื่องของผังป๋อเดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
หลินชูวโม่พยักหน้า ในขณะที่จงอี้ห่าวยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองแทนคำตอบ
ไม่นานนัก ฉีเล่ยก็หาผังป๋อพบ เวลานี้เขากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในห้องแลปของสภาแพทย์แผนจีน
“ไม่ทราบว่าศาสตราจารย์ผังทำอะไรอยู่เหรอครับ?”
“ห๊ะ…”
ดูเหมือนผังป๋อจะไม่คุ้นเคยกับคำเรียกเช่นนี้ของฉีเล่ย เขาจึงได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะพูดออกไปว่า “ประธานฉี อย่าเรียกผมแบบนั้นเลยครับ ฟังดูกระอักกระอ่วนใจยังไงก็ไม่รู้”
“ฮ่าๆๆ จะเป็นอะไรไปล่ะครับ ในเมื่อมันเป็นตำแหน่งของคุณไม่ใช่เหรอ?”
“นี่ถ้าไม่มีคนบอกผม ผมก็คงจะไม่รู้ว่าคุณเป็นถึงศาสตราจารย์นะครับเนี่ย!”
ผังป๋อโบกมือไปมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ฉีเล่ยในขณะเอ่ยตอบกลับไปว่า
“ฉายาหมอเทวดาของคุณเหนือกว่าผมตั้งมากมาย ผมไม่อาจเอื้อมไปเปรียบเทียบกับคุณแน่ๆ อีกอย่าง ผมเองก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องคำนำหน้าจอมปลอมพวกนั้นด้วย”
ฉีเล่ยนั่งลงพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “ศาสตราจารย์ผัง นี่ผมคงจะไม่ได้มารบกวนการทำงานของคุณใช่ไหมครับ?”
“ไม่เลยๆ เชิญนั่งๆ”
“ขอบอกตามตรงว่า ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่า คุณเป็นถึงรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนปักกิ่ง มิหนำซ้ำ ฐานะของคุณในสภาแพทย์แผนจีนก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็นั่งคุยกันต่ออีกครู่ใหญ่ ฉีเล่ยก็พูดออกมาอย่างช้าๆชัดถ้อยชัดคำ “ผมอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า ผมกับผู้อำนวยการจูรู้จักและสนิทสนมกันดี”
“อ่อ! ปกติผู้อำนวยการไม่นิยมผูกมิตรกับใครนัก ถ้าพวกคุณสองคนสนิทสนมคุ้นเคยกัน แสดงว่าชะตาต้องกันจริง”
เหตุผลที่ฉีเล่ยต้องอ้างชื่อของจูกวงหลิงนั้นก็เพราะว่า ต้องการเตือนผังป๋อกลายๆ หากเขากำลังมีความคิดที่จะทำอะไรอยู่
“เอาล่ะครับ ผมไม่รบกวนเวลาของคุณแล้ว ผมจะให้ผู้ช่วยหลินจัดหาห้องทำงานที่เป็นส่วนตัวให้กับคุณ ส่วนผลงานวิจัยของคุณนั้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ผมจะถือว่ามีมูลค่าสิบล้าน พอใจไหมครับ?”
ฉีเล่ยสังเกตเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของผังป๋อวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นปกติ
“เอ่อ.. คุณไม่จำเป็นต้องพิเศษกับผมแบบนี้ก็ได้ ปฏิบัติกับผมเหมือนคนอื่นๆเถอะครับ” ผังป๋อตอบกลับแบบถ่อมเนื้อถ่อมตัว
แต่ฉีเล่ยก็รีบตอบกลับไปทันทีเช่นกัน “ในเมื่อเป็นความต้องการของศาสตราจารย์ผัง ผมก็จะใช้กฎเกณฑ์และเงื่อนไขเดียวกัน ที่ใช้กับทุกคนก็แล้วกันนะครับ”
ผังป๋อถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็ถูกคำพูดประโยคนี้ของฉีเล่ย ทำให้ต้องนิ่งเงียบ และไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีกเลย
“งั้นผมขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบ ฉีเล่ยก็เดินหันหลังออกไปทันที
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของใคร?”
ผังป๋อพึมพำออกมา หลังจากที่เห็นสายตารังเกียจของฉีเล่ยที่มองมา ส่วนผังป๋อเองก็คิดไม่ถึงว่า เขาเพียงแค่พูดไปตามมารยาท แต่ฉีเล่ยกลับฉวยโอกาสทำตามนั้น
การที่ผังป๋อมาอยู่ในสภาแพทย์แผนจีนนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่จะด้วยจุดประสงค์อะไรนั้น ฉีเล่ยเองก็ไม่อาจรู้แน่ชัด แต่อย่างน้อยการที่เขาเตือนออกไปแบบนั้นในวันนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อะไรบ้าง
……
“นั่นฉีเล่ยพูดใช่ไหม?”
หลังจากที่กลับมาได้ราวสองสามวัน ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามาหาฉีเล่ย เขาลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย แล้วเสียงของผู้เฒ่าจินก็ดังขึ้น
“ใช่ครับ นั่นใครพูด…”
“ฉันเอง! นี่เธอลืมฉันแล้วเหรอ?”
“อ้าว ท่านอาวุโสจินเองเหรอครับเนี่ย?”
ฉีเล่ยยกมือขึ้นตบเข้าที่หน้าขาดหนึ่งฉาดพร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไป เพราะผู้เฒ่าจินนับเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ของสภาแพทย์แผนจีน หลังจากไม่ได้พบกันนาน และไม่เคยพูดคุยกันอีกเลยหลังจากที่เขากลับมาปักกิ่ง ฉีเล่ยจึงอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ที่จู่ๆเขาก็โทรมาเช่นนี้
“ฉีเล่ย เธอยังจำเรื่องที่ฉันเคยบอกได้ใช่ไหม?”
“จำได้ครับ!”
ฉีเล่ยเข้าใจได้ทันทีว่า การที่ผู้เฒ่าจินโทรมาหาเขาในวันนี้นั้น คงจะไม่พ้นเรื่องการแข่งขันแพทย์แผนจีนที่เขาได้เคยรับปากอีกฝ่ายไว้นั่นเอง
“เธอเตรียมตัวไปถึงไหนแล้วล่ะ? ฉันอยากให้เธอเคลียร์งานในสภาแพทย์แผนจีนให้เรียบร้อย อีกสองวันฉันจะส่งรถไปรับเธอที่บ้าน”
“ได้ครับ! ว่าแต่การแข่งขันจัดขึ้นที่ไหนเหรอครับ?”
“ไว้ไปถึงเธอก็จะรู้เอง!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าจินฟังดูดีมาก เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาน่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติดีมากแล้ว ฉีเล่ยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกดวางสายไป
การเดินทางไปแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งนี้ เขาแทบจะไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากมาย และก่อนที่จะออกเดินทาง ฉีเล่ยก็ได้ทิ้งคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงไว้ที่บ้านของหลินชูวโม่
“ผมฝากคัมภีร์นี้ไว้กับคุณล่ะ อย่าทำหายเชียวนะ! แต่ต่อให้หายก็ไม่เห็นไร ผมจำทุกอย่างในนั้นได้หมดแล้ว”
“ว่าแต่.. ถงซีเป็นยังไงบ้าง? ช่วงนี้ผมไม่ได้คุยกับเธอเลย”
“ช่วงนี้ถงซีบินไปเจียงหลิงอีกแล้ว เห็นว่าต้องอยู่ที่นั่นอีกสักระยะหนึ่ง”
นับตั้งแต่มีเรื่องเกี่ยวกับชนเผ่าเหมี่ยวเข้ามา ทั้งฉีเล่ยและถงซีล้วนไม่ค่อยได้พบหน้า หรือพูดคุยกันมากมายนัก
“แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเองก็ไปเยี่ยมเธออยู่บ่อยๆ ว่าแต่นายเดินทางครั้งนี้ ก็ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ!”
หลินชูวโม่เอ่ยบอกฉีเล่ยให้คลายกังวล
………..
สองวันต่อมา รถที่ผู้เฒ่าจินส่งมารับฉีเล่ยก็มาจอดรออยู่หน้าประตูบ้าน
“ประธานฉีครับ นายผู้เฒ่าจินส่งผมมารับคุณครับ!”
ฉีเล่ยขึ้นรถไปอย่างไร้กังวล และเมื่อไปถึงสนามบิน ก็มีคนมาเดินนำฉีเล่ยไปที่ห้องรับรองผู้โดยสารระดับวีไอพี และฉีเล่ยก็เพิ่งจะรู้ว่า เขาไม่ได้เดินทางด้วยที่นั่นเฟิร์สคลาส แต่กำลังจะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลจิน
จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคนมาเชิญฉีเล่ยขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัว และเมื่อขึ้นไปถึง เขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เมื่อเห็นใครบางคนกำลังนั่งส่งยิ้มให้อยู่
“ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้งแล้วสินะ!”
“อาวุโสจิน นี่ถึงกับมาด้วยตัวเองเลยเหรอครับ? ทำไมไม่อยู่พักผ่อนที่บ้านล่ะครับเนี่ย?”
“ฉันแข็งแรงเป็นปกติแล้ว อีกอย่าง อยู่บ้านเฉยๆก็ไม่มีอะไรทำ สู้ไปส่งเธอด้วยตัวเองจะดีกว่า”
ชายชราเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข แต่ฉีเล่ยกลับรู้สึกสงสัยคลางแคลงใจ
“การแข่งขันครั้งนี้จะแตกต่างกว่าทุกๆครั้ง”
ผู้เฒ่าจินเอนกายพิงพนักที่นั่ง พร้อมกับเอ่ยถามฉีเล่ยต่อว่า “ฉีเล่ย เธอรู้ไหมว่า ทำไมปีนี้ฉันถึงได้สนใจการแข่งขันมากเป็นพิเศษ?”
“ดูเหมือนคุณจะเคยบอกผมไว้แล้ว เพราะผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้เป็นตัวแทนไปแข่งระดับโลก!” ฉีเล่ยเอ่ยตอบทันที
“นั่นเป็นเพียงแค่เหตุผลข้อหนึ่งเท่านั้น..”
ผู้เฒ่าจินหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ผู้ชนะจะได้ไปแข่งขันในระดับโลก แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอีก ซึ่งก็คือเรื่องรางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขัน!”
สีหน้าของจินเฟยเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นในทันที “เธอรู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
“ผมไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ๆ น่าจะเป็นของที่สำคัญมากอย่างแน่นอน!”
“มันคือยาอายุวัฒนะ!” ผู้เฒ่าชินตอบกลับมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“อะไรนะครับ?”
ฉีเล่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับลุกขึ้นยืนในทันที
“นั่งลงก่อนๆ ที่เธอตกใจขนาดนี้ เพราะไม่เชื่อว่าจะมียาที่ว่านี้อยู่ในโลกจริงๆใช่ไหมล่ะ?” ผู้เฒ่าจินเอ่ยถาม
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมา นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับนักพรตซวนจื่อซือ ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง และพลังหยินหยางในร่างของตนเองเวลานี้ เขาก็รู้สึกว่า ในโลกใบนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เคยคิดไว้อีก
“ยาอายุวัฒนะที่ว่านี้ แน่นอนว่าคงไม่ได้ทำให้คนๆนั้นมีอายุยืนยาวชั่วนิรันดร แต่มันหมายถึงว่า คนที่ได้กินยาอายุวัฒนะนี้เข้าไป จะมีอายุยืนยาวถึงสองร้อยปีเลยทีเดียว”
ผู้เฒ่าจินหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า “สองร้อยปีก็มากพอที่จะทำให้คนเราได้ทำอะไรมากมายหลายอย่างแล้วล่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะมีใครบ้างที่ไม่อยากจะได้ยาอายุวัฒนะมาครอบครอง!”
แม้แต่จักรพรรดิจิ๋นซีเอง หลังจากที่รวบรวมรัฐทั้งหกได้สำเร็จ สิ่งแรกที่ทำก็คือส่งคนไปหายาอายุวัฒนะ แต่แม้จะไปค้นหาทั่วทั้งเขาเผิงไหล ก็ไม่สามารถค้นหายาอายุวัฒนะได้
“ในโลกใบนี้มีเรื่องลี้ลับตั้งมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายของมนุษย์เรา ก็นับเป็นเรื่องลี้ลับอย่างหนึ่ง การมีอายุยืนยาวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เท่าที่ฉันรู้มา ยาอายุวัฒนะที่ว่านี้มีเพียงเม็ดเดียวในโลก!”
หลังจากได้ฟังคำพูดของผู้เฒ่าจิน ฉีเล่ยก็เข้าใจความหมายของเขาทันที ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ล้วนต้องการชัยชนะ ก็เพื่อที่จะได้ครอบครองยาอาวุวัฒนะที่ว่านี้
“เป็นยังไงบ้างล่ะ? หลังจากฟังที่ฉันเล่าแล้ว เธอยังมีความมั่นใจอยู่อีกไหม?”
ผู้เฒ่าจินจ้องมองฉีเล่ยพร้อมกับย้ำว่า “การแข่งขั้นครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถมากทีเดียวนะ!”
เดิมที ไม่ค่อยมีคนสนใจการแข่งขันแพทย์แผนจีนนี้มากนัก แต่เพราะรางวัลคือยาอายุวัฒนะ ทำให้ผู้คนต่างก็เปลี่ยนมาให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมกันอย่างล้นหลาม
ผู้ฒ่าจินยิ้มให้ฉีเล่ยพร้อมกับพูดต่อว่า “ครั้งนี้อาจพูดได้ว่า ตระกูลแพทย์จีนที่โด่งดังหลายๆตระกูล ต่างก็เข้าร่วมกันแข่งขันครั้งนี้กันหมด”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ!” ฉีเล่ยเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
“แต่ฉันเองก็มั่นใจในทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของเธอมากนะฉีเล่ย ฉันเชื่อว่า เธอจะสามารถนำยาอายุวัฒนะนั่นมาให้ฉันได้!”
“เอาล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงแล้ว หลังจากส่งเธอแล้ว ฉันคงต้องกลับไปพักผ่อน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะฉีเล่ย!”
ผู้เฒ่าจินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของฉีเล่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ขอบอกตามตรง หากไม่ใช่เพราะเธอไม่ได้แซ่จิน ฉันคงจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลจินให้เธอดูแลแล้วล่ะ!”
ฉีเล่ยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และจริงใจของผู้เฒ่าจิน จากนั้นก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อว่า
“ฉันหวังว่าเธอจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้! แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรนะ ขอแค่เธอกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว!”