ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่314 เฟ้นหาพันธมิตร
ตอนที่314 เฟ้นหาพันธมิตร
ฮวาโหล่วถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“นี่คุณอยู่ปักกิ่งจริงรึเปล่า? กระทั่งคนดังแบบนั้นยังไม่รู้จัก เขาก็คือทายาทของตระกูลแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แล้วก็ได้ฉายาหมอเทวดาเหมือนกับคุณด้วย”
“ห๊ะ?!”
ฉีเล่ยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เขาคิดเสมอมาว่า ในบรรดาแพทย์จีนรุ่นเดียวกันนั้น เขาเป็นคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศที่สุดแล้ว
ฮวาโหล่วเห็นสีหน้าของฉีเล่ยจึงได้แต่พูดขึ้นว่า “ดูหน้าคุณต้องนี้สิ! แต่ฉันยืนยันว่า ทักษะทางการแพทย์ของคุณเหนือกว่าเขามาก เขาแค่มีภูมิหลังที่ดีกว่าเท่านั้นเอง…”
หลังจากนิ่งไปเล็กน้อย ฮวาโหล่วก็ได้บอกกับฉีเล่ยว่า “เขาก็คือหวงเหอตี้ผู้สืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนจากหวงชางหยวนที่โด่งดังในปักกิ่งยังไงล่ะ ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย แต่ไม่ต้องกลัว! ขอแค่เราสองคนร่วมมือกัน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับพวกเราแน่ๆ”
ฉีเล่ยพยักหน้า เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะพูดคำว่าล้มเหลว หรือแพ้ออกมาง่ายๆ สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเก่งกาจมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยรู้สึกหวาดหวั่น
หวงเหอตี้เองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นฉีเล่ยกับฮวาโหล่วที่กำลังเดินผ่านมาพอดี เขาจึงรีบขอตัว และเดินฝ่ากลุ่มคนที่รายล้อมอยู่เข้าไปฉีเล่ยทันที พร้อมกับเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“ประธานฉีใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ! นี่คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ?” ฉีเล่ยเอ่ยถามกลับไปยิ้มๆ
“ตอนนี้สภาแพทย์แผนจีนเป็นองค์กรที่โด่งดังมาก ผมจะไม่รู้จักประธานฉีได้ยังไงกันล่ะครับ!”
หลังจากนั้น หวงเหอตี้ก็หันไปทางฮวาโหล่วพร้อมกับเอ่ยทักทายเช่นกัน “สวัสดีครับคุณฮวา”
สีหน้าท่าทางของหวงเหอตี้ที่แสดงต่อฉีเล่ยกับฮวาโหล่วนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เขาสุภาพกับฮวาโหล่วมาก แต่ดูอยากจะมีเรื่องกับฉีเล่ยอย่างเปิดเผย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะคะ!”
ฮวาโหล่วรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของหวงเหอตี้นัก จึงรีบขอตัวพร้อมกับดึงมือฉีเล่ยให้เเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิ! ผมยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดกับประธานฉี!”
จากนั้น หวงเหอตี้ก็หันไปมองฉีเล่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผมอยากจะเดิมพันกับประธานฉีหน่อย ไม่ทราบว่าคุณจะยอมรับคำท้าของผมไหมครับ?”
“ไม่ทราบคุณหวงต้องการเดิมพันเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“ในการแข่งขันครั้งนี้ ถ้าคุณตกรอบก่อนผม คุณจะต้องไปจากปักกิ่งทันที!”
เรื่องนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้สำหรับฉีเล่ยอย่างแน่นอน เพราะสภาแพทย์แผนจีนของเขาได้ก่อตั้ง และเริ่มหยั่งรากในปักกิ่งแล้ว อีกทั้งเขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำในเมืองหลวงแห่งนี้ เขาจึงตอบกลับไปว่า
“เสียใจด้วยครับ ผมคงจะไม่สามารถรับคำท้าได้!”
หวงเหอตี้ถึงกับหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ อะไรกัน ยังไม่ทันที่จะเริ่มการแข่งขัน ประธานฉีก็กลัวซะแล้วเหรอครับเนี่ย? ถ้าอย่างนั้นก็ลองเปลี่ยนมาเดิมพันเป็น ถ้าคุณแพ้ จะต้องยุบสภาแพทย์แผนจีนทิ้งไป ดีไหมครับ?”
ฉีเล่ยหรี่ตามองหวงเหอตี้พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “นี่คุณต้องการอะไรกันแน่? ฮ่าๆๆ อย่าบอกนะว่าคุณหวงเหอตี้หวาดกลัวสภาแพทย์แผนจีนที่เพิ่งจะก่อตั้งมาได้ไม่นาน”
“เอาล่ะ ในเมื่ออยากจะเดิมพันมากก็ได้ แล้วถ้าคุณเป็นฝ่ายตกรอบก่อนผมล่ะ?” ฉีเล่ยเอ่ยถาม
“ถ้าผมเป็นฝ่ายตกรอบก่อน คุณต้องการเงินเท่าไหร่ก็บอกตัวเลขมาได้เลย” หวงเหอตี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
แต่ฉีเล่ยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมไม่อยากได้เงินของคุณ เอาเป็นว่า ถ้าคุณเป็นฝ่ายแพ้เดิมพัน ผมขอแค่ให้คุณวิ่งแก้ผ้ารอบคฤหาสน์วังมังกรเป็นเวลาสิบนาทีก็พอ กล้าไหมล่ะ? ถ้าไม่รับปากนี่แสดงว่าไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเองนะครับเนี่ย!”
“ได้เลย! ยังไงฉันก็ไม่มีวันแพ้อยู่แล้ว!”
หวงเหอตี้พูดออกมาด้วยความโมโห เพราะฉีเล่ยได้พูดดักทางไว้หมดแล้ว อีกทั้งเขาเองก็เป็นฝ่ายท้าทายก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉีเล่ยจะเสนอเงื่อนๆขบ้าๆแบบนี้
“ครั้งนี้คงต้องขอให้คุณฮวาเป็นพยานให้ด้วย ถ้าผมแพ้เดิมพันครั้งนี้ ผมจะวิ่งแก้ผ้ารอบวังมังกรสิบนาที แต่ถ้าฉีเล่ยแพ้ ไม่เพียงเขาจะต้องออกจากปักกิ่ง แต่ต้องยุบสภาแพทย์แผนจีนด้วย”
ฮวาโหล่วได้แต่เอ่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ได้! ฉันจะเป็นพยานให้เอง!”
จากนั้น ฉีเล่ยก็เดินจากไปพร้อมกับฮวาโหล่ว
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” หวงเหอตี้คำรามออกมา
ฉีเล่ยไม่ได้รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด ในเมื่อเขามีพลังหยินและหยางอยู่ในร่าง และเขาก็ไม่เพียงมั่นใจว่าจะไม่ตกรอบก่อนหวงเหอตี้่ แต่ยังจะต้องเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย
แต่ฮวาโหล่วกลับเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ทำไมถึงได้ไปรับคำท้าของหวงเหออี้แบบนั้นล่ะ?”
“คุณไม่ต้องห่วง! ในเมื่อพวกเราสามารถเอาชีวิตรอดกลับมากจากเขาจิ่วเหลียนได้ ยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ!”
ฉีเล่ยเอ่ยตอบให้ความมั่นใจกับฮวาโหล่ว ในขณะที่หญิงสาวก็เพียงแค่พยักหน้ารับรู้
ภายในคฤหาสน์วังมังกรแห่งนี้ มีทั้งหมดสามอาคารใหญ่ๆ อาคารแรกเป็นที่พักของผู้เข้าร่วมแข่งขัน อาคารที่สองเป็นอาคารขนส่ง และอาคารที่สามเป็นที่อยู่ของสมาชิกเจ้าของคฤหาสน์วังมังกรแห่งนี้
“ครั้งนี้ดูเหมือนจะมีคนสนใจเข้าร่วมแข่งขันมากกว่าทุกปี ฉันเองก็ไม่รู้ว่า เพราะอะไรครั้งนี้ถึงได้นำยาอายุวัฒนะออกมาเป็นรางวัล แต่ก็นับว่าดึงดูดผู้เข้าแข่งขันที่ห่างหายไปนานได้มากทีเดียว”
“ทั้งตระกูลเฉียน ตระกูลหวงฝู กระทั่งตระกูลเก่าแก่ระดับตำนานอย่างตระกูลซือหม่าก็ยังมา เอาล่ะ พวกเรารีบขึ้นไปห้องพักกันดีกว่า!”
ฮวาโหล่วดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เธอจึงรีบเดินนำฉีเล่ยไปขึ้นลิฟท์ทันที กระทั่งฉีเล่ยเองยังรู้สึกผิดสังเกต จึงได้เอ่ยถามออกไปว่า
“ฮวาโหล่ว วันนี้คุณดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ถ้าพบเจอศัตรูก็บอกผมได้นะ มีอะไรเราจะได้ช่วยกัน?”
ฮวาโหล่วรีบยกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไร.. ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันก็แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย ก็เลยอยากจะรีบๆขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง ก็เท่านั้นเอง!”
หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นไปถึงชั้นสิบสี่ ฉีเล่ยก็ได้เดินเข้าไปส่งฮวาโหล่วที่อยู่ห้องติดกัน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตนเอง แต่เมื่อเดินออกมา เขาก็พบชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักของตนเอง
“คุณก็คือฉีเล่ยใช่ไหมครับ?”
ฉีเล่ยยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างมีมารยาท “ใช่ครับ! ว่าแต่.. พวกเราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอครับ?”
“โอ! จริงด้วย ขอโทษครับผมลืมแนะนำตัวเองไปเสียสนิท ผมชื่อหวงฝูหัว เป็นคุณชายคนที่สองของตระกูลหวงฝูครับ”
ฉีเล่ยจำได้ว่า ฮวาโหล่วเพิ่งจะพูดถึงตระกูลหวงฝูก่อนจะขึ้นมาบนนี้
หวงฝูหัวยิ้มให้กับฉีเล่ยอย่างอบอุ่น รอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ หากหญิงสาวคนไหนได้เห็นคงตกหลุมรักในทันที จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
“พอดีผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ทราบว่าคุณจะพอมีเวลารึเปล่า?”
ฉีเล่ยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เป็นเกียรติกับผมมากกว่าที่คุณชายสองแห่งตระกูลหวงฝูต้องการจะคุยด้วย พวกเราไปที่ร้านกาแฟด้านล่างดีไหมครับ?”
……
ทางด้านหวงเหอตี้ที่กลับไปยังห้องพักของตนเองนั้น ก็ได้แต่จ้องมองชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้อง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าดุดัน
“คิดวิธีจัดการกับฉีเล่ยได้รึยัง?”
“ไม่ต้องกังวลใจไป ฉันมีวิธีทำให้เขาตกรอบอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง!”
หวงเหอตี้จ้องมองชายวัยกลางคนครู่หนึ่ง จากนั้น ชายวัยกลางคนก็ได้พูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันเคยได้ยินชื่อของฉีเล่ยมานาน และรู้ว่า การจะทำลายสภาแพทย์แผนจีนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หนทางเดียวที่จะทำได้ คือต้องให้ฉีเล่ยยุบมันทิ้งด้วยตัวเอง!”
ชายวัยกลางคนทำสีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ในเมื่อคุณชายสามารถท้าเดิมพันกับเขาได้สำเร็จ ผมก็ต้องทำให้เขาพ่ายแพ้ตกรอบก่อนคุณชายให้ได้อย่างแน่นอน และหากไม่มีฉีเล่ยสักคน คุณชายย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะการแข่งขันได้ไม่ยาก”
และเหตุผลที่หวงเหอตี้มาเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ จุดประสงค์หลักของเขาก็คือการกำจัดฉีเล่ย และทำลายสภาแพทย์แผนจีนที่เขาก่อตั้งขึ้น
“ครับ! ผมจะทำในส่วนของผมให้ดีที่สุด ส่วนท่านลุงก็ทำในส่วนของท่านลุงให้ดีที่สุดก็แล้วกัน!”
จากนั้น ทั้งสองคนก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมา
ทางด้านฉีเล่ยกับหวงฝูหัวนั้น ก็กำลังนั่งประจันหน้ากันด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็กำลังนั่งจ้องมองกันแน่นิ่ง และหวงฝูหัวนั้นต้องบอกว่า เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีจนเป็นที่หมายปองของสาวๆมากมาย ฉีเล่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนต้องเอ่ยถามออกไปว่า
“คุณชายหวงฝูจ้องมองผมทำไมกันครับเนี่ย?”
ในที่สุดหวงฝูหัวก็พูดขึ้นว่า “ขอบอกตามตรง ผมเคยเห็นทักษะการฝังเข็มของคุณฉีมาก่อนหน้าแล้ว และรู้ว่ามันไม่ธรรมดาเลย”
ฉีเล่ยได้แต่นั่งฟังนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
“รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้เป็นอะไร คิดว่าคุณฉีคงจะรู้ดีแล้ว แต่สำหรับตระกูลหวงฝูของเรา นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการ”
“ขอถามคุณฉีตรงๆเลยนะครับ คุณเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เพราะอะไร?” หวงฝูหัวเอ่ยถามในที่สุด
ฉีเล่ยขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน?”
“คุณฉีพอรู้จักตระกูลหวงฝูของเราบ้างไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ หวงฝูหัวจึงเอ่ยถามต่อ แต่ฉีเล่ยกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน นั่นเพราะหากฮวาโหล่วไม่พูดถึงก่อนหน้านี้ ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป
“เอ่อ…”
“ตระกูลหวงฝูของเรา เป็นตระกูลเก่าแก่ที่อาศัยอยู่บนภูเขาอันเงียบสงบมานานหลายร้อยปีแล้ว แต่ครั้งนี้ อาวุโสในตระกูลได้บอกกับพวกเราว่า ถึงเวลาที่ตระกูลหวงฝูจะต้องแสดงความสามารถให้ผู้คนได้ประจักษ์ และเราจะต้องชนะการแข่งขันครั้งนี้”
ฉีเล่ยได้แต่พยักหน้า แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการบอกอะไรกันแน่ จึงได้เอ่ยถามออกไปตามตรง
“คุณชายหวงฝูช่วยพูดออกมาตรงๆเลยจะได้ไหมครับ?”
หวงฝูหัวขยับเข้าไปใกล้ฉีเล่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผมอยากให้คุณชายฉีช่วยให้ผมเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ส่วนยาอายุวัฒนะที่จะได้มาเป็นรางวัลนั้น ผมจะขอยกให้คุณ!”
หวงฝูหัวจ้องมองฉีเล่ยพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณฉีร่วมมือกับผมจะได้ไหมครับ?”
ในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะไม่สามารถมีทีมปรึกษาได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงต่างพยายามที่จะมองหาพันธมิตรที่จะร่วมมือกัน และเป้าหมายของหวงฝูหัวก็คือฉีเล่ย
“นี่คุณพูดจริงเหรอ?” ฉีเล่ยจ้องมองหวงฝูหัวพร้อมกับเอ่ยถามออกไป
ความจริงแล้ว ฉีเล่ยเองก็ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงอะไร แต่ที่เขาต้องมาแข่งขันเพราะได้รับปากกับจินเฟยไว้เท่านั้นเอง ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นข้อเสนอเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับฉีเล่ย
“จริงครับ!”
หวงฝูหัวเอ่ยตอบฉีเล่ยทันที