ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่316 ถูกพิษ
ตอนที่316 ถูกพิษ
“อาจจะหลายร้อยปีก็ได้ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แล้วก็ไม่มีใครรู้จริงว่า ผู้เฒ่าคนนี้อยู่บนโลกใบนี้มานานแค่ไหนแล้ว? อีกอย่าง เขาเองก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในวังมังกร คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยากนักที่จะรู้จักเขา จะมีก็แต่เก่าๆไม่กี่คนเท่านั้นล่ะ”
“หลายร้อยปีงั้นเหรอ?!”
ฉีเล่ยร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ นั่นเพราะมนุษย์เรามีชีวิตได้ถึงหนึ่งร้อยปีก็นับว่าอายุยืนมากแล้ว แต่หากมีใครสักคนอายุสองหรือสามร้อยปี นั่นไม่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ หรือปาฏิหารย์หรอกหรือ?
“จากเรื่องเล่าที่ฉันได้ยินมา ผู้เฒ่าคนนี้เป็นทายาทของหมอเทวดาในอดีต แล้วเขาก็มีความรู้และทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศอย่างมาก แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่า ทำไมวันนี้เขาถึงได้มาปรากฏตัวบนเวที?”
ฮวาโหล่วบอกเล่าในสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับชายชราผู้นี้ให้ฉีเล่ยฟัง ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขาแน่นิ่ง ราวกับเกรงว่าเขาจะอันตรธานหายไป
“ฉันจะไม่ขอพูดอะไรมากเกี่ยวกับความสำคัญของการแข่งขันในครั้งนี้ เพราะการที่ทุกคนมารวมตัวกันในที่นี้ ย่อมเป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้ว แต่ฉันอยากจะย้ำให้ทุกคนทำตามกฏการแข่งขันอย่างเคร่งครัด!”
ชายชราผู้ผ่านโลกมายาวนาน เอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
พิธีเปิดการแข่งขันจบลงในเวลาสั้นๆ หลังจากคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเจ้าของวังมังกร จากนั้น การแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ในการแข่งขันแพทย์แผนจีนนั้น การแข่งขันในเรื่องของคะแนนเป็นส่วนที่น่าเบื่อที่สุด เพราะหัวข้อได้ถูกกำหนดไว้ตายตัวในบรรดาการแข่งขันแพทย์แผนจีน การแข่งขันคะแนนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด เพราะได้ถูกกำหนดหัวข้อไว้ตายตัว
หลังจากที่ได้เห็นสมุนไพรมากมายวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ฉีเล่ยก็ได้แต่ถอนหายใจ แม้เขาจะได้อ่านตำราเกี่ยวกับสมุนไพรที่อาจารย์ของเขามอบให้ แต่เขาก็ทำคะแนนในส่วนนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก
เมื่อการทดสอบความรู้เพื่อจัดอันดับสิ้นสุดลง รายชื่อและลำดับของผู้เข้าแข่งขันก็ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
สำหรับฉีเล่ยนั้นอยู่ในลำดับที่สามสิบกว่า แม้จะเป็นลำดับที่ไม่สู้ดีนัก แต่ก็นับว่าสมเหตุสมผล ในขณะที่ฮวาโหล่วนั้นอยู่สิบอันดับแรก นับว่าไม่เลวทีเดียว แต่จากความรู้ที่ฮวาโหล่วได้แสดงให้ฉีเล่ยเห็นเมื่อครั้งที่อยู่บนเขาจิ่วเหลียนด้วยกันนั้น เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก กับเป็นสิบอันดับสุดท้ายมากกว่า นั่นเพราะหนึ่งในนั้นกลับเป็นจือหยาง เขาเป็นถึงประธานสมาคมสมุนไพรท้องถิ่น แต่กลับได้คะแนนในการทดสอบครั้งนี้รั้งท้าย ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
ส่วนผู้ที่ได้อันดับหนึ่งนั้น ก็คือหวงฟูหัวพันธมิตรของเขานั่นเอง!
หลังจากการทดสอบจัดลำดับเสร็จสิ้นลง ทั้งฮวาโหล่วและฉีเล่ยต่างก็ต้องการกลับไปพักผ่อน แต่จือหยางกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?” จือหยางเอ่ยถามเสียงเย็น
“ฉีเล่ยมันพักอยู่ชั้นสิบสี่ ส่วนห้องไหนนั้นพวกเราไม่มั่นใจ แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนฐานะของมันไม่ธรรมดาเหมือนกัน นอกจากจะได้ฉายาหมอเทวดาแล้ว ดูเหมือนตอนนี้จะกำลังมีชื่อเสียงมากด้วย”
จือหยางหัวเราะหยัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แล้วไง? มันมาที่นี่เพราะอยากจะเป็นแชมป์สินะ? แต่มันจะไม่ได้เป็นอะไรเลยต่างหาก!”
มีหรือที่ลูกน้องของจือหยางจะไม่เข้าใจความหมาย หนึ่งในนั้นหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่หยางไม่ต้องห่วง! เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”
เนื่องจากภายในวังมังกรแห่งนี้ไม่มีกฏเกณฑ์ควบคุมผู้คน อีกทั้งความใหญ่โตของมัน สถานที่แห่งนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นสถานที่สะสางความแค้น
หากเป็นข้างนอก การจะฆ่าใครสักคนต้องคิดใคร่ครวญให้ดี เพราะหากถูกจับได้ ไม่เพียงจะส่งผลต่อตัวเอง แต่ยังจะส่งผลกระทบถึงคนในครอบครัวอีกด้วย แต่ที่นี่.. อยู่บนภูเขาที่สูงใหญ่ อีกทั้งยังตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง กระทั่งเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ยังพูดเองว่า คนภายนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่มย่าม
“อย่าทิ้งร่องรอยให้คนอื่นเห็นล่ะ เข้าใจมั้ย?”
ต่อให้จือหยางจะบ้าบิ่นแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อย่างโจ่งแจ้งแน่ เพราะนั่นย่อมหมายถึงการไม่ให้เกียรติเจ้าบ้าน อีกทั้งหลายๆคนต่างก็พูดกันว่า ผู้เฒ่าที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปีผู้นี้ ไม่ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นด้วยได้ง่ายๆ
“พวกเราเข้าใจดีพี่หยาง พวกเราจะระมัดระวังให้ดีที่สุด พี่สบายใจได้!”
หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันแล้ว ทั้งฉีเล่ยและฮวาโหล่วก็ได้เดินกลับไปที่โรงแรมด้วยกัน
“การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ นายมีความมั่นใจมากแค่ไหน?”
“ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก แต่ยังไม่ถึงเวลาก็อย่าคิดมากไปเลยดีกว่า อีกอย่าง ผมมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ถูกคัดออกแน่ๆ”
ฮวาโหล่วมองหน้าฉีเล่ยพร้อมกับหัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฉันก็หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
ทั้งคู่เดินคุยกันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ฉีเล่ยก็รู้สึกหิวขึ้นมา จึงได้หันไปบอกกับฮวาโหล่วว่า “พวกเราไปหาอะไรกินหน่อยดีกว่า ผมรู้สึกหิวแล้วล่ะ!”
ฮวาโหล่ตอบกลับยิ้มๆ “ได้สิ! ฉันจำได้ว่าโรงแรมที่เราพักก็มีร้านอาหารอยู่ด้วย”
โรงแรมแห่งนี้นับว่าเป็นโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างเพียบพร้อมมากจริงๆ หลังจากเข้าไปนั่งในร้านอาหารแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งคุยกันไปพลางในระหว่างที่รอให้อาหารที่สั่งเข้ามาเสิร์ฟ
ในระหว่างนั้นเอง บริกรคนหนึ่งก็ได้เดินถือเครื่องดื่มมาที่โต๊ะของพวกเขาทั้งสองคน พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย เครื่องดื่มสองแก้วนี้ สุภาพบุรุษท่านนั้นเป็นคนสั่งให้พวกคุณสองคนครับ ขอเชิญรับประทานอาหารให้อร่อยนะครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่คนสั่งเครื่องดื่มให้กับเขา ฉีเล่ยจึงได้หันไปมอง และส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มเจ้าของเครื่องดื่ม ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามกับเขา
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสั่งน้ำให้ด้วย คิดไม่ถึงจริงๆ!”
ฮวาโหล่วส่งสายตาค้อนพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่เห็นจะต้องดีอกดีใจขนาดนั้นเลย!”
ฉีเล่ยหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าการจะรับความตั้งใจดีของผู้อื่น โดยไม่เข้าไปเอ่ยขอบคุณด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควร จึงได้ตัดสินใจจะลุกขึ้นเดินไปทำความรู้จักกับอีกฝ่าย
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้าให้ตนแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ฉีเล่ยได้เข้าไปทำความรู้จักด้วยเลย
“ตลกดี! สั่งเครื่องดื่มให้เราสองคนแล้ว แต่กลับลุกหนีออกไปดื้อๆซะงั้น!”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉีเล่ยจึงได้นั่งกลับลงไปตามเดิม และอาหารที่เขาสั่งไปก็ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี
ฉีเล่ยยอมรับว่า เครื่องดื่มที่อีกฝ่ายสั่งให้เขานั้น รสชาติค่อนข้างดี แล้วก็มีกลิ่นหอมแปลกๆ เป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเขาไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนเลย
“คุณไม่ลองดื่มดูบ้างล่ะ รสชาติแปลกดีนะ”
ฉีเล่ยเห็นว่าเครื่องดื่มมีรสชาติค่อนข้างดี จึงได้แนะนำให้ฮวาโหล่วลองดื่มดูบ้าง แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้า และเธอก็ไม่รู้สึกว่า เครื่องดื่มในแก้วของเธอจะมีกลิ่นหอมอะไรอย่างที่ฉีเล่ยบอกเลยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกว่า มันก็เหมือนกับเครื่องดื่มตามร้านทั่วๆไป
แต่ดูเหมือนฉีเล่ยจะไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เพราะมั่วแต่ติดใจในกลิ่นหอมของมัน
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะเดินกลับห้อง จู่ๆฉีเล่ยก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“นี่นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
ฮวาโหล่วเห็นฉีเล่ยสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างแบบนั้น เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน จึงรีบถามย้ำอีกครั้งว่า
“ฉีเล่ย นี่นายเป็นอะไร?”
ฉีเล่ยรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เขาจ้องมองไปที่แก้วเครื่องดื่มซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมเอ่ยตอบหญิงสาวไปว่า “ผมคิดว่าตัวเองน่าจะถูกวางยาแล้วล่ะ!”
หลังจากที่พูดจบ ฉีเล่ยก็หมดสติล้มฟุบลงไปกองกับพื้นในทันที!
ริมฝีปากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ แล้วร่างของฉีเล่ยก็เริ่มสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
แม้ว่าฮวาโหล่วจะเป็นหมอเช่นกัน แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างกะทันหัน อีกทั้งคนไข้ก็ยังเป็นฉีเล่ยด้วย เธอจึงทำอะไรไม่ถูก และได้แต่ร้องตะโกนเสียงดัง
“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
นับเป็นความโชคดีที่ภายในร้านอาหารมีแพทย์แผนจีนคนอื่นๆ นั่งทานอาหารอยู่ในร้านไม่น้อย หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของความช่วยเหลือ พวกเขาก็รีบลุกจากโต๊ะ แล้ววิ่งเข้าไปทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ใครคนหนึ่งวิ่งเข้าไปประคองร่างของฉีเล่ยไว้ พร้อมกับร้องตะโกนถามด้วยความร้อนใจ
“พวกเรากำลังกินข้าวกันอยู่ดีๆ แต่จู่ๆเขาก็กลายเป็นแบบนี้!”
เมื่อเห็นฉีเล่ยตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หญิงแกร่งอย่างฮวาโหล่วก็ถึงอ่อนปวกเปียก และเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่ต้องกังวลไปครับ ที่นี่มีหมออยู่ตั้งหลายคน พวกเราไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปหรอกนะครับ!”
ไม่นานนัก ข่าวเรื่องที่ฉีเล่ยถูกวางยาก็ได้แพร่สะพรัดออกไป กระทั่งเจ้าของวังมังกรก็ได้ยินข่าวนี้ด้วย
“อะไรนะ?! โดนพิษชนิดไหนเข้าไปล่ะ?”
“ผงห้าพิษสลายกระดูก!”
ใช่แล้ว! พิษชนิดนี้แตกต่างจากพิษชนิดอื่นตรงที่ กลิ่นของมันนั้นจะมีความหอมหวนน่าพึงพอใจ จึงมักไม่มีใครสงสัย และในที่สุดฉีเล่ยก็ถูกพิษของมันเข้าแล้วจริงๆ
ร่างของฉีเล่ยถูกนำส่งสถานพยาบาลชั่วคราวของทางวังมังกร ฮวาโหล่วจ้องมองหน้าหมอที่รับผิดชอบดูแล พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า
“พอมีวิธีถอนพิษบ้างมั้ยคะ?”
แต่หมอท่านนั้นกลับส่ายหน้าไปมา พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ว่า…”
ฮวาโหล่วดูเหมือนจะเข้าใจความหมายได้ดี เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “บอกมาเถอะค่ะ ผลจะเป็นยังไง ฉันก็ยอมรับได้ค่ะ ขอแค่คุณหมอพยายามอย่างสุดความสามารถก็พอ”
“ต่อให้เขารอดชีวิตได้ ร่างกายก็อาจจะพิการ”
ความจริงใช่ว่าฮวาโหล่วจะไม่รู้จักฤทธิ์ของผงห้าพิษสลายกระดูก เธอรู้จักมันเป็นอย่างดีด้วยซ้ำไป
“ผมหวังว่าประธานฉีจะรู้สึกตัวในไม่ช้า”
คืนนั้นทั้งคืน ภายในวังมังกรดูเหมือนจะโกลาหลไม่น้อย ฉีเล่ยเป็นถึงประธานสภาแพทย์แผนจีน อีกทั้งยังมีชื่อเสียงไม่น้อย การที่มาถูกวางยาในร้านอาหารแห่งนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ กระทั่งเจ้าของวังมังกรถึงกับออกคำสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด
ทางด้านฮวาโหล่วก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องพักของตนเอง แต่ได้นั่งเฝ้าฉีเล่ยอยู่ข้างๆตลอดเวลา และกำลังรอคอยให้เขาฟื้นคืนสติขึ้นมา
ผงห้าพิษสลายกระดูกนี้ ประกอบไปด้วยพิษของงู แมงป่อง ตุ๊กแก คางคก และตะขาบ พิษจากสัตว์ทั้งห้าชนิดจะถูกนำมาสกัดรวมกันด้วยกรรมวิธีเฉพาะตัว
“ฉีเล่ย ไม่ต้องห่วง ฉันต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้พบ แล้วฉันจะช่วยแก้แค้นแทนนายเอง!”