ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่317 สืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่317 สืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
จู่ๆฮวาโหล่วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือเช็ดคราบน้ำตาออก ก่อนจะต้องตะโกนออกมาคล้ายเพิ่งนึกอะไรได้
“ใช่แล้ว! ฉันต้องหาคนมาช่วย ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี!”
หลังจากนั้นวางสายจากใครบางคนไปแล้ว สีหน้าของฮวาโหล่วก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นในทันที ปากก็พึมพำออกมาว่า
“ในเมื่อพวกแกโหดเหี้ยมก่อน ก็ยังหาว่าฉันใจดำก็แล้วกัน!”
วันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน ก็ได้มีประกาศออกมาว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ผู้จัดการจึงขอเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกหนึ่งวัน
ใช่ว่าทุกคนจะเป็นห่วงฉีเล่ย หลายคนที่ได้ยินประกาศต่างก็พากันทำสีหน้าไม่พอใจ
“อะไรกันน่ะ?! ทำไมต้องให้เรื่องส่วนตัวกระทบส่วนรวมด้วย แล้วถ้าวันพรุ่งนี้มีคนไม่สบายขึ้นมาอีก ไม่ต้องเลื่อนการแข่งขันไปอีกหนึ่งวันงั้นเหรอ?”
ใครบางคนร้องบอกเจ้าหน้าที่ที่ออกมาประกาศด้วยสีหน้าไม่พอใจ และหลายๆคนก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย
“นั่นน่ะสิ! ควรให้คนๆนั้นถอนตัวออกจากการแข่งขัน แทนที่จะมาเลื่อนการแข่งขันออกไป!”
หลายคนในที่นี้ต่างก็รู้จักความสามารถ และชื่อเสียงของฉีเล่ยดี หากสามารถกำจัดเขาออกจากการแข่งขันครั้งนี้ได้ โอกาสที่พวกเขาจะได้เป็นแชมป์ก็มีมากขึ้นด้วย
หลังจากนั้น ก็มีผู้แข่งขันคนอื่นๆร้องตะโกนสนับสนุนกันอย่างมากมาย
ดูเหมือนเจ้าหน้าที่เองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จึงได้แต่อึ้งไป และไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
ในระหว่างนั้นเอง ฮวาโหล่วก็ได้เดินขึ้นไปบนเวที เธอจ้องมองหมอสูงอายุสองสามคนที่สร้างปัญหา ก่อนจะร้องตะโกนถามออกไปว่า
“พวกคุณต้องแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ?”
หลายคนก้มหน้าไม่กล้าตอบ แต่แพทย์สูงวัยคนหนึ่งกลับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า
“ใช่! แล้วจะทำไม?”
หวงฝูหัวเองก็ได้แต่ยืนนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนข้างเขาถึงกับต้องหันไปถามว่า
“คุณรู้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมถึงได้ดูจองหองอวดดีแบบนั้น?”
หวงฝูหัวหัวเราะออกมาก่อนจะกระซิบตอบไปว่า “คนบ้าดีเดือดน่ะ ลองดูต่อไปเดี๋ยวก็รู้เอง!”
ชายหนุ่มคนนั้นได้แต่ทำสีหน้างุนงง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรเพิ่มเติม เสียงของฮวาโหล่วก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“จะทำไมน่ะเหรอ? ฉันจะบอกอะไรพวกคุณทุกคนให้ ถ้าฉันยังหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ได้ พวกคุณก็อย่าได้หวังว่าจะแข่งต่อได้เลย ต่อให้เจ้าของวังมังกรอยู่ตรงนี้ ฉันก็จะพูดเดียวกันนี้ล่ะ!”
ฮวาโหล่วหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ว่า “นี่คือคำพูดของฉันฮวาโหล่ว”
หลังจากที่ฮวาโฆล่วพูดจบ ก็มีเสียงดังอื้ออึงมาจากท้องฟ้า จากนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งร่อนลงจอดใกล้ๆกับหน้าทางเข้าวังมังกร จากนั้น ทหารติดอาวุธมากกว่าสิบนายก็ค่อยๆ ก้าวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น
เมื่อแพทย์อาวุโสผู้นั้นเห็นเข้า ก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับฮวาโหล่วอย่างแน่นอน เขาจึงได้หันไปถามฮวาโหล่วว่า
“นี่ฝีมือของเธอสินะ?”
ฮวาโหล่วหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะตอบกลับไปว่า “หากไม่มีการสอบสวนเรื่องของฉีเล่ยให้กระจ่างชัดล่ะก็ อย่าหวังว่าจะมีการแข่งขันเกิดขึ้นได้เลย”
หวงฝูหัวได้แต่จ้องมองฮวาโหล่วยิ้มๆ พร้อมกับพึมพำออกมาว่า “ดูท่านี่จะไม่ใช่ฮวาโหล่วที่ฉันรู้จักสินะ!”
ชายหนุ่มคนเดิมถึงกับหน้าซีด ปากก็พึมพำเสียงสั่น “ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้วรึไง?”
ใช่! ฮวาโหล่วบ้าไปแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับฉีเล่ย เธอก็กลายเป็นคนไร้เหตุผลขึ้นมาทันที
“ถ้าทุกคนยังอยากจะแข่งขันต่อ ก็ช่วยกันหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกมาให้ได้โดยเร็ว แล้วถ้าจับได้เมื่อไหร่ ฉันฮวาโหล่ว จะไม่ปล่อยมันไว้แน่!”
ฮวาโหล่วหยุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันอยากให้คนๆนั้นได้เห็นคนในครอบครัวของเขา ค่อยๆหายจากโลกนี้ไปทีละคน แล้วหลังจากนั้น ถึงจะเป็นวันตายของเขา!”
ผงห้าพิษสลายกระดูกนับเป็นสิ่งต้องห้ามในวงการแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่โบราณ อีกทั้งพิษชนิดนี้ก็ได้หายสาบสูญไปนานหลายสิบปีแล้ว แม้แต่ชื่อยังไม่เคยปรากฏให้ได้ยิน แต่จู่ๆ กลับมีคนนำมาใช้ทำร้ายฉีเล่ยภายในวังมังกรแห่งนี้
แต่แล้วจู่ๆ ร่างของชายชราอายุหลายร้อยปีก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าฮวาโหล่ว พร้อมกับประกาศก้องว่า
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะขอให้ฮวาโหล่วเป็นคนสืบสวนหาความจริงในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนร่วมมือกับเธอด้วย!”
และนี่เป็นระเบิดอีกลูกหนึ่งของการประชุมในวันนี้ การที่เจ้าของวังมังกรประกาศมอบอำนาจในการสืบสวนหาความจริงให้กับฮวาโหล่ว ซึ่งกระทั่งเธอเองก็ไม่คาดคิดนั้น ยิ่งแสดงให้ทุกคนเห็นถึงแรงสนับสนุนแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลัง
จังหวะที่ฮวาโหลว่าเก็บโมโครโฟนในมือไว้ที่เดิมนั้น เจ้าของวังมังกรก็ได้บอกกับฮวาโหล่วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะช่วยเธอเอง”
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่มุมมืดแห่งหนึ่งของโรงแรม ซึ่งไม่อาจมองเห็นใบหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ชัดเจนนัก ก็มีเสียงพูดเบาๆดังขึ้น
“ทำไมถึงได้ใช้วิธีนี้?”
“แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถฆ่าหมอนั่นให้ตายในทันทีได้! แต่คิดไม่ถึงว่าฮวาโหล่วจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่บอกให้ชัดกว่านี้ตั้งแต่แรกว่า สองคนนั้นมีความสนิทสนมกันมากแค่ไหน?”
“ช่างมันเถอะ! ทุกอย่างก็ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ว่าแต่มีใครรู้เรื่องของเราบ้างรึเปล่า?”
“นอกจากฉันก็ไม่มีแล้ว ส่วนเด็กหนุ่มที่ฉันใช้ให้ไปใส่ยา ฉันก็จัดการเรีcยบร้อยแล้ว”
“ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่า ฮวาโหล่วจะไม่พบเบาะแสอะไร!”
…….
การสืบหาความจริงของฮวาโหล่วได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฮวาโหล่วเริ่มสืบหาความจริงจากชายหนุ่มที่เป็นคนให้บริกรนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟให้ฉีเล่ยในวันนั้น แต่กลับพบว่า เขาได้กลายเป็นศพไปแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่า ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นเพียงแค่คนถูกหลอกใช้
คนที่รู้จักกับชายหนุ่มผู้นี้ ได้บอกกับฮวาโหล่วว่า เขาเป็นศิษย์ของสำนักตระกูลแพทย์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้แห่งหนึ่ง ทักษะทางการแพทย์ไม่เลวทีเดียว แต่น่าจะทำไปเพราะถูกสินบนบังตา
ฮวาโหล่วนึกถึงเหตุการณ์ที่ที่จือหยางกับฉีเล่ยทะเลาะในร้านกาแฟขึ้นมาได้ เธอจึงรีบตรงไปหาจือหยางที่ห้องพักทันที
ระหว่างนั้น คนของฮวาโหล่วก็ได้ปิดทางเข้าทางออกของวังมังกรไว้หมดแล้ว และไม่อนุญาตให้ใครออกไปได้ ใครฝ่าฝืนยืนกรานจะออกไปให้ได้ ย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
“พูดมา! คุณเป็นคนทำรึเปล่า?”
แม้น้ำเสียงของฮวาโหล่วจะไม่ดังนัก แต่ใบหน้านั้นบ่งบอกถึงความเคียดแค้นอย่างมาก
“มะ.. ไม่ใช่ผมนะ!” จือหยางที่นั่งอยู่บนเตียง ระล่ำระลักตอบกลับเสียงสั่น
“ค้นให้ทั่วห้อง!”
แต่หลังจากที่คนของฮวาโหล่วค้นจนทั่ว ก็ไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับผงห้าพิษสลายกระดูกเลยแม้แต่น้อย
“จะยอมบอกดีๆมั้ยว่าซ่อนหลักฐานไว้ที่ไหน?”
ฮวาโหล่วร้องตะโกนถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ผมไม่ได้จริงๆนะครับ! ผมยอมรับว่ามีความคิดที่จะทำ แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มีคนชิงลงมือตัดหน้าไปก่อน!”
จือหยางจ้องหน้าฮวาโหล่วด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะอธิบายต่อว่า
“ผมกับฉีเล่ยเพิ่งจะมีเรื่องกันในวันนั้น แต่ผงห้าพิษสลายกระดูกเป็นพิษที่สูญหายไปตั้งนานแล้ว ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ คนที่มีจะต้องเตรียมการมาล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดของจือหยางฟังดูมีเหตุมีผลไม่น้อย!
จือหยางรู้ดีว่าไม่สามารถล้อเล่นกับฮวาโหล่วได้ เพราะเพียงแค่เฮลิคอปเตอร์และกองกำลังส่วนตัวของเธอ ก็พอจะบ่งบอกภูมิหลังที่แข็งแกร่งของหญิงสาวได้ในระดับหนึ่ง
เพื่อให้ฮวาโหล่วเชื่อคำพูดของตนเองมากขึ้น จือหยางถึงกับยื่นขวดยาเล็กๆให้กับฮวาโหล่วดู พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ถ้าผมจะทำ ผมก็ตั้งใจที่จะใช้พิษนี้ ไม่ใช่ผงห้าพิษสลายกระดูก!”
ฮวาโหล่วยกขึ้นมาดมดู และรู้ว่านี่ไม่ใช่พิษร้ายแรงอะไร หากเทียบกับผงห้าพิษสลายกระดูก เธอจึงตอบกลับไปว่า
“ได้! ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง!”
ทันทีที่ฮวาโหล่วออกไปจากห้อง จือหยางก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาใครบางคน
“ฉันว่าเราควรหยุดแผนการทั้งหมดไว้ก่อน ขืนให้นังผู้หญิงบ้าดีเดือดพบเข้า ต้องไม่ส่งผลดีแน่ๆ”
เสียงของจือหยางยังคงสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ลงมือกับฉีเล่ย แต่หากให้ฮวาโหล่วค้นพบแผนการของเขา ผลที่ตามมาคงจะต้องเลวร้ายมากอย่างแน่นอน
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า สาวน้อยข้างกายฉีเล่ยจะมีอำนาจแล้วก็แข็งแกร่งมากขนาดนี้ และหากเขารู้ตั้งแต่แรก เขาก็จะไม่ไปมีเรื่องกับฉีเล่ยแน่