ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่319 สำนักแพทย์ผี
ตอนที่319 สำนักแพทย์ผี
เมื่อได้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังของฉีเล่ย ฮวาโหล่วก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ปัญหาเล็กๆธรรมดาอย่างแน่นอน
“นี่นายกำลังจะบอกว่า…”
ฉีเล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใช่! ผมหมายถึงหวงเหอตี้!”
ความจริงแล้ว ชื่อของหวงเหอตี้ก็เคยอยู่ในหัวของฮวาโหล่วเช่นกัน ไม่เพียงเรื่องของการเดิมพันระหว่างคนทั้งคู่ แต่อุปนิสัยและบุคลิกของหวงเหอตี้นั้น ยังไม่ใช่คนที่ทำอะไรตรงไปตรงมาอีกด้วย
“ในวันที่ผมถูกวางยา ปฏิกิริยาของหลายๆคนก็ล้วนแตกต่างกันไป”
ฉีเล่ยเอ่ยบอกพร้อมกลับนึกถึงภาพฉากในวันนั้น
ความจริงแล้วในคืนนั้น หลังจากที่ได้ลิ้มรสหวาน และได้กลิ่นหอมหวนจากเครื่องดื่มในแก้วใบนั้น ฉีเล่ยเองก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่หลังจากที่มั่นใจว่า ผงห้าพิษสลายกระดูกจะไม่เป็นอันตรายต่อตนเองมากจนเกินไป เขาจึงได้ตัดสินใจดื่มมันเข้าไปจนหมดแก้ว
ฉีเล่ยเคยอ่านพบเกี่ยวกับอาการของผู้ที่ถูกผงห้าพิษสลายกระดูกเข้าไป ดังนั้น เขาจึงแสดงออกมาได้อย่างสมจริง แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้ ทุกคนล้วนเชื่อเขาอย่างสนิทใจ
ความรู้สึกของแต่ละคนที่มีต่อฉีเล่ยในเวลานั้นล้วนแตกต่างกันไป แม้เบื้องหน้า บางคนจะแสดงออกมาว่าเศร้าเสียใจ แต่ภายในใจกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็เป็นได้
ส่วนแพทย์อาวุโสจำนวนหนึ่ง ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ใช่คนที่ลงมือ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
แต่ดูเหมือนสีหน้าท่าทางของหวงเหอตี้นั้น จะเป็นที่สะดุดตาของฉีเล่ย และน่าสนใจกว่าใคร
หลังจากที่ฮวาโหล่วประกาศสืบหาความจริงในเรื่องนี้ ฉีเล่ยก็แอบลุกขึ้นจากเตียง แล้วแอบเข้าไปในห้องพักของหวงเหอตี้เพื่อสืบหาความจริงเช่นกัน
ปรากฏว่าผลที่ได้นั้น ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อค!
ห้องพักของหวงเหอตี้นั้นอยู่ชั้นสิบสี่เช่นเดียวกับห้องของฉีเล่ย เขาจึงสามารถปีนระเบียงข้ามไปยังห้องพักของหวงเหอตี้ได้ไม่ยากนัก และเมื่อไปถึง เขาก็ได้ยืนแอบฟังบทสนทนาของคนที่อยู่ในห้อง
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่หน้าหวงเหอตี้ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
“ลุงครับ! ครั้งนี้ลุงไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอครับ?”
หวงเหอตี้จ้องมองชายวัยกลางคนด้วยความโมโห พร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง
“เกินไปตรงไหน? นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะเห็นงั้นเหรอ?”
ชายวัยกลางคนจ้องมองหวงเหอตี้แน่นิ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ลองคิดดูให้ดี เธอเองก็อยากให้ฉีเล่ยพ่ายแพ้ในการแข่งขันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หวงเหอตี้ไม่รู้จริงๆว่า ชายวัยกลางคนจะทำรุนแรงถึงเพียงนี้ และหากเขารู้ล่วงหน้า เขาจะไม่มีทางขอให้ลุงของเขาช่วยอย่างแน่นอน
แต่ในเมื่อเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว และเลยเถิดมาไกลถึงขนาดนี้ ต่อให้เขาจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!
“เป็นเพราะชื่อเสียงของผงห้าพิษสลายกระดูกที่โด่งดัง ลุงรู้มั้ยครับว่า ตอนนี้มีสายตากี่คู่ที่กำลังจ้องจะสืบหาความจริงเรื่องนี้อยู่?”
หวงเหอตี้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าเขามีความกังวลใจไม่น้อย
“ไม่ต้องห่วง แล้วก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรด้วย! รับรองว่าเรื่องนี้สาวมาไม่ถึงตัวเธอแน่ มีเพียงสวรรค์เบื้องบนที่รู้ คนอื่นนอกจากเราสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว”
สีหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ บ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจอย่างมาก
“ลุงแน่ใจนะครับ?”
หวงเหอตี้จ้องมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแน่นิ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวงสงสัย และแทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย
“อย่าลืมว่าคนที่จะใช้ผงห้าพิษสลายวิญญาณได้ จะต้องเป็นคนที่สามารถหลอมกลั่นพิษชนิดนี้ได้เท่านั้น รับรองว่าไม่มีใครคาดคิดได้แน่ว่า สำนักของฉันจะสามารถหลอมกลั่นพิษชนิดนี้ได้ เพราะฉะนั้น พวกเขาจะต้องคิดไม่ถึงว่าเป็นเราแน่ๆ เธอสบายใจได้”
ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหวงเหอตี้พร้อมกับพูดให้ความมั่นใจว่า
“ไม่ต้องกังวลใจไป ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้าจริงๆ ฉันจะเป็นคนแบกรับความผิดทั้งหมดไว้เอง แต่ถ้าฉีเล่ยตาย ก็เท่ากับว่าแผนการของเราสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“ลุงครับ ทำไมสำนักของลุงถึงได้เกลียดฉีเล่ยมากขนาดนี้? มีความแค้นอะไรกันแน่? หรือเป็นเพราะสภาแพทย์แผนจีนที่ฉีเล่ยก่อตั้งขึ้น ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการงาน แล้วก็ธุรกิจของลุง?”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล ในเมื่อจุดประสงค์ของสำนักฉันกับตระกูลหวงตรงกัน ฉันก็เป็นเพียงแค่คนกลางที่เข้ามาทำหน้าที่นี้ให้เท่านั้น”
จากนั้น ชายวัยกลางคนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีกไม่เกินสองวัน พวกเราจะได้รับข่าวการตายของฉีเล่ยอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่หวงเหอตี้ได้เห็นด้านที่ดุร้ายโหดเหี้ยมของชายวัยกลางคนผู้นี้ และมันทำให้เขาถึงกับรู้สึกหวาดกลัวชายวัยกลางคนผู้นี้ขึ้นมาไม่น้อย จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อยู่นาน
“ก็แค่ทำให้เขาหายไปจากโลกใบนี้ นี่เธอกลัวอะไรงั้นเหรอ?”
ชายวัยกลางคนจ้องมองหวงเหอตี้ด้วยแววตาเหยียดหยัน พร้อมกับพูดต่อว่า
“หากไม่กำจัดคนแบบฉีเล่ยออกไป เขาก็จะเป็นเสมือนหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงใจของเราไปตลอดชีวิต!”
หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็ดูเหมือนคร้านที่จะใส่ใจกับความวิตกกังวลของหวงเหอตี้อีก เขาบอกกับชายหนุ่มไปว่า
“เอาล่ะ! หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันได้แล้ว”
แต่แล้วจู่ๆชายวัยกลางคนก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับหันมองไปทางระเบียงห้อง คล้ายกับสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่างเข้า จึงรีบพุ่งตรงไปที่ระเบียงห้องอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อออกไปดูก็ไม่พบเห็นอะไรที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาคลายความกังวลใจไปได้มาก
หลังจากที่เห็นชายวัยกลางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน จังหวะนั้น ฉีเล่ยก็ได้ปีนหนีออกจากระเบียงห้องของหวงเหอตี้ไปแล้ว และไปเกาะอยู่บนกำแพงด้านบนราวกับตุ๊กแก
ฉีเล่ยเล่าเหตุการณ์ที่เขาได้ยินได้ฟังมาทั้งหมดในวันนั้นให้ฮวาโหล่วฟังอย่างละเอียด หลังจากนั้นจึงได้พูดขึ้นว่า
“ความจริงกระจ่างชัดเจนแล้ว แม้หวงเหอตี้จะต้องการเล่นงานผมด้วยการแทงข้างหลังก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะถึงกับเอาชีวิตผม แต่เป็นชายวัยกลางคนนั่นต่างหาก...”
ฮวาโหล่วได้แต่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบอกฉีเล่ยไปว่า “ฉันรู้จักชายวัยกลางคนที่นายพูดถึง!”
“คุณรู้จักเขางั้นเหรอ?”
“ใช่! เขาชื่อว่าอันจื่อเตา เป็นคนที่ตระกูลหวงรับเข้ามาอุปการะเลี้ยงดู แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น คนๆนี้ก็ฉายแววถึงความสามารถเก่งกาจรอบตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าคนๆนี้จะนำความเจิรญมาสู่ตระกูลหวง หรือว่าลากตระกูลหวงลงเหวกันแน่?”
ฮวาโหล่วยังคงเล่าต่ออย่างช้าๆ “ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเขาเองล้วนๆ นั่นก็หมายความว่า นี่ต้องไม่ใช่ความคิดของเขา แต่น่าจะเป็นสำนักของเขาต่างหากที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ฉีเล่ยใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินมาบ้างว่า ความมีชื่อเสียง และความโดดเด่นในทักษะทางการแพทย์แผนจีนของตนนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อตระกูลหวงและสำนักของอันจื่อเตาจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด
“นี่นอกจากจะมีแพทย์แผนจีนจากตระกูลเก่าแก่ กับแพทย์แผนจีนตามโรงพยาบาลทั่วไปแล้ว ยังมีสำนักอะไรแบบนี้อยู่อีกด้วยเหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเล่ยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และคิดอะไรไม่ออก
“ใช่! นายคงจะไม่เคยได้ยินสินะว่า หลายๆตระกูลก็แยกตัวมาจากสำนักเหล่านี้ ในประเทศเรามีสำนักที่เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนอยู่ทั้งหมดสามสำนักคือ สำนักแพทย์ผี สำนักเข็มเงิน และสำนักซุนเหมี่ยว ซึ่งแต่ละสำนักต่างก็มีเอกลักษณ์ทางการแพทย์เฉพาะตน”
ฮวาโหล่วยังคงอธิบายให้ฉีเล่ยฟังอย่างช้าๆ
“ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสำนักแพทย์ผี แน่นอนว่าวิธีการรักษาต้องไม่ใช่วิธีปกติทั่วไปอย่างแน่นอน และวิธีการรักษาที่ขึ้นชื่อที่สุดของสำนักนี้ก็คือการใช้พิษรักษาโรค และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงใช้ชื่อว่าสำนักแพทย์ผี!”
ฮวาโหล่วจ้องหน้าฉีเล่ยแน่นิ่งก่อนจะเอ่ยบอกไปว่า “แล้วลุงของหวงเหอตี้คนนี้ ก็มาจากสำนักแพทย์ผี”
สำนักแพทย์ผีงั้นเหรอ?!
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่ฮวาโหล่วเล่า ฉีเล่ยก็ถึงกับขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว เขาเริ่มรู้สึกว่า ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ได้มุ่งเน้นที่จะทำร้ายเขาโดยตรง…
“เป็นไปได้มั้ยว่า จะมีเรื่องอื่นที่อยู่เบื้องหลังอีก?”
ฉีเล่ยเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด