ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่322 อีกหนึ่งคดี
ตอนที่322 อีกหนึ่งคดี
อันจื่อเตาถึงกับหน้าซีดขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าคลิปที่ฉีเล่ยพูดถึงนั้นคืออะไร น่าจะเป็นวันที่เขากับหวงเหอตี้พูดคุยเรื่องนี้กันอยู่ในห้องพัก เขาจำได้ดีว่าวันนั้นพวกเขาทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกันบ้าง
ครั้งนี้มีหลักฐานมัดตัวแน่น หากฉีเล่ยเปิดคลิปนั้นขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เฒ่าวังมังกร แม้เขาจะมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และดูใจดีมีเมตตา แต่อันจื่อเตารู้ดีว่า หากคนผู้นี้ร้ายขึ้นมา คงยากที่ใครจะนึกได้ทีเดียว
อันจื่อเตารู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก จึงได้หันไปมองทุกคนในห้องพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง “ฉันทำแล้วจะทำไม?”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็ได้พุ่งออกจากหน้าต่างห้องพักของฉีเล่ยซึ่งอยู่บนชั้นสิบสี่ในทันที
หลังจากที่ทุกคนเห็นเช่นนั้น ต่างก็คิดว่าอันจื่อเตาคงตั้งใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากร่วงหล่นไปได้ครึ่งทาง กลับมีปีกสองข้างปรากฏขึ้น และพาเขาร่อนไปกลางอากาศ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้เฒ่าวังมังกรถึงกับเดือดดาลเป็นอย่างมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาใครบางคน พร้อมกับร้องตะโกนสั่งเสียงเย็น
“ล้อมอันจื่อเตาไว้ อย่าให้หนีรอดเป็นอันขาด!”
สิ้นคำสั่งของผู้เฒ่าวังมังกร ทั่วทั้งคฤหาสน์หลังใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นในทันที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดกรูเข้าล้อมอันจื่อเตาในทันที
อันจื่อเตาที่ต้องการที่จะหนีเอาชีวิตรอด ดูเหมือนสถานการณ์จะแตกต่างจากที่เขาคิดไว้มาก
“ตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในอันตาย รีบมาช่วยฉันที่วังมังกรด่วน!”
ไม่รู้ว่าอันจื่อเตาพูดกับใครในโทรศัพท์ และเมื่อร่อนลงถึงพื้นได้ เขาก็รีบวิ่งตรงไปที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ทันที
ไม่ถึงสิบนาที ผู้เฒ่าวังมังกรและคนของเขาก็สามารถปิดล้อมอันจื่อเตาไว้ได้
“อันจื่อเตา ฉันแนะนำให้เธอยอมแพ้ดีกว่า ในเขตแดนของฉัน เธอไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่”
สีหน้าท่าทางของอันจื่อเตาในตอนนี้ ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนบางอย่างในใจอยู่แล้ว เขาจ้องมองผู้เฒ่าวังมังกร พร้อมตอบกลับไปว่า
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ผมถึงจะต้องฟังคำสั่งของคุณ?”
“ฉันเป็นใคร สามารถทำอะไรกับเธอได้บ้าง เดี๋ยวก็จะรู้เอง แต่ตอนนี้ ฉันว่าเธอตามฉันไปดีๆจะดีกว่า อย่างน้อย ฉันจะเมตตาให้เธอไม่ต้องทรมานมากนัก”
“ไร้สาระ!”
อันจื่อเตาทำสีหน้าท่าทางเย้ยหยัน ก่อนจะจ้องมองผู้เฒ่าวังมังกรพร้อมตอบโต้กลับไปว่า
“วันนี้ฉันจะปล่อยให้คนอย่างแกได้มีโอกาสอ้าปากพูดไปก่อน แต่เมื่อไหร่ที่สำนักแพทย์ผีก้าวลงจากเขา วันนั้นจะเป็นวันที่แกจะถูกทำลายล้าง!”
สำนักแพทย์ผี?
นานมากแล้วที่เขาได้ยินชื่อนี้ เมื่อได้ยินชื่อของสำนักแพทย์ผี สีหน้าของผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที
“นี่เธอมาจากสำนักแพทย์ผีงั้นรึ?”
“ฮ่าๆๆ นอกจากสำนักแพทย์ผีแล้ว ยังมีใครสามารถหลอมผงห้าพิษสลายกระดูกได้อีกล่ะ?”
อันจื่อเตาเผยธาตุแท้แห่งความชั่วร้ายออกมาให้เห็นมากยิ่งขึ้น
“จะต้องมีสักวันที่วงการแพทย์แผนจีนจะถูกเขียนขึ้นใหม่ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่า คุณสร้างวังมังกรแห่งนี้ขึ้นมาด้วยจุดประสงค์อะไร? รอให้วันนั้นมาถึงก่อน พวกคุณทุกคนต้องจบแน่!”
ทันทีที่อันจื่อเตาพูดจบ เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ก็ปรากฏขึ้น หลังจากที่ลงจอดแล้ว ก็มีชายฉกรรจ์หลายคนกรูลงมา อันจื่อเตาจึงได้หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ลาก่อน! ครั้งหน้าที่ได้พบกัน หวังว่าคุณจะไม่กลายเป็นขอทานข้างถนนไปซะก่อน!”
จากนั้น ร่างของอันจื่อเตาก็ได้กระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ หนีออกจาไปจากวังมังกรได้อย่างง่ายดาย
การจากไปของอันจื่อเตาครั้งนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของผู้เฒ่าวังมังกรมาก เขาจึงทำอะไรไม่ได้ และได้แต่ยืนมองเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นบินจากไป
“ท่านผู้เฒ่า แล้วนี่จะทำยังไงต่อดีครับ?”
แม้ว่าผู้เฒ่าวังมังกรจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ เพราะการแข่งขันแพทย์แผนจีนยังคงต้องดำเนินต่อไป
หลังจากที่อันจื่อเตาจากไปแล้ว หวงเหอตี้ก็รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่นับว่าโชคดีที่อันจื่อเตาไม่ได้เอ่ยชื่อสกุลหวงออกมาจากปากเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เช่นนั้น ความเสียหายใหญ่หลวงคงต้องเกิดขึ้นกับสกุลหวงเป็นแน่
ไม่เพียงอันจื่อเตาไม่พูด กระทั่งฉีเล่ยที่มีคลิปสนทนาระหว่างเขากับอันจื่อเตา ก็ไม่ได้นำออกมาเปิดให้ทุกคนฟัง เพียงแค่พูดข่มขู่อันจื่อเตาเท่านั้น เกือบจะทุกคนในที่นี้ จึงเข้าใจว่าการกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำของอันจื่อเตาคนเดียวลำพังเท่านั้น
เวลานี้ หวงเหอตี้กำลังรู้สึกสับสนและวุ่นวายใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไร หรือควรต้องทำอย่างไร เขาอยากจะเดินออกไปเอ่ยปากขอโทษฉีเล่ย แต่ก็ยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้เสียที
สภาพว่าเช่นนี้ ทำให้หวงเหอตี้รู้สึกกระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จิตใจปั่นป่วนสับสนไม่อาจสงบนิ่งได้
การแข่งขันแพทย์แผนจีนกำลังจะเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง หลังจากล่าช้าไปหลายวันเพราะอาการบาดเจ็บของฉีเล่ย การแข่งขันจึงต้องรีบเร่งจัดขึ้นใหม่โดยเร็วที่สุด
แม้ว่าเวลานี้ จะมีคนของฮวาโหล่วคอยดูแลอารักขาอยู่ทั่วบริเวณ แต่ผู้เฒ่าวังมังกรก็ยังคงไม่สบายใจนัก เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อชื่อเสียงของวังมังกรอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้สั่งให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนให้มารวมตัวกัน เขาจำเป็นต้องประกาศเริ่มการแข่งขันขึ้นอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันพร้อมแล้ว ผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้ประกาศพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เอาล่ะ ทุกคนต่างก็เสียเวลากันมามากแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการแข่งขันแพทย์แผนจีนที่จะต้องดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้”
ทุกคนต่างก็ปรบมือเห็นด้วย แต่ผู้เฒ่าวังมังกรก็ได้พูดต่อว่า
“ในเมื่อผงห้าพิษสลายกระดูกได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ฉันจะขอประกาศชื่อของผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคคนยังคงสบายและปลอดภัยดี”
จากนั้น ผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้เปิดรายชื่อผู้เข้าแข่งขันในมือขึ้นขานทีละชื่อ จนกระทั่งถึงชื่อของผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่ชื่อจือหยาง
“จือหยาง!”
แต่กลับไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาเหมือนเช่นก่อนหน้า ผู้เฒ่าวังมังกรต้องเรียกใหม่อีกถึงสองสามครั้ง แต่ก็ยังคงเงียบกริบเช่นเคย
จนกระทั่งผ่านครู่ใหญ่ จึงมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยกมือขึ้นด้วยท่าทีเขินอาย พร้อมกับเอ่ยตอบขึ้นว่า
“ท่านผู้เฒ่า ผมรู้จักกับจือหยางครับ”
ผู้เฒ่าวังมังกรหันไปมอง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วรู้มั้ยว่าทำไมเขาถึงไม่มารวมตัวกับทุกคนที่นี่?”
“ผมเองก็ไม่รู้ครับ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้จือหยางอยู่ที่ไหน ผมพบจือหยางก่อนหน้านี้สองสามวัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เห็นเขาอีกเลย”
“อะไรนะ?!”
ผู้เฒ่าวังมังกรเริ่มรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปว่า
“คุณพบจือหยางครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
“ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับประธานฉีครับ” ชายผู้นั้นเอ่ยตอบทันที
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าวังมังกรจึงหันไปร้องบอกฉีเล่ยกับฮวาโหล่วทันที “ฮวาโหล่ว ฉีเล่ย พวกคุณสองคนตามฉันมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็เดินตรงไปที่ห้องพักของจือหยางทันที หลังจากเคาะประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้หันไปบอกฉีเล่ยว่า
“พังประตูเข้าไปเลย!”
ฉีเล่ยยกเท้าขึ้นถีบประตูห้องอย่างแรง แต่พบเพียงแค่ห้องว่างเปล่า ไร้ร่องรอยของจือหยาง
หลังจากค้นหาจนทั่วแล้วไม่พบ ทั้งสามคนจึงเตรียมที่จะหันหลังกลับ แต่เมื่อแล้วจู่ๆฮวาโหล่วก็ร้องออกมา
“เดี๋ยวนะ! นั่นใช่จือหยางรึเปล่า?”
ฉีเล่ยรีบเดินเข้าไปหาฮวาโหล่ว พร้อมกับหันมองไปตามนิ้วของเธอที่กำลังชี้อยู่ และพบร่างของจือหยางซุกอยู่ใต้เตียง
“ตายแล้วงั้นเหรอ?!”
ฉีเล่ยพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ในขณะที่ฮวาโหล่วยังคงอยู่ในอาการช็อค!
เธอยังจำได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอยังมาสอบถามจือหยางเกี่ยวกับเรื่องของฉีเล่ยอยู่เลย เขาก็ดูปกติดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่ทำไมจู่ๆถึงได้เสียชีวิตแล้วล่ะ?
“อย่าบอกนะว่าเป็นเคสถูกฆาตกรรมอีกรายในวังมังกร?! เฮ้อ.. นี่ฉันต้องมาสืบหาคนทำอีกครั้งแล้วเหรอนี่?”
ผู้เฒ่าวังมังกรร้องถามออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
แม้จือหยางจะมีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมสมุนไพรท้องถิ่น แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นในสายตาของแพทย์แผนจีนคนอื่นๆ
ที่สำคัญ จือหยางเป็นคนที่นิสัยน่ารังเกียจ แทบไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาด้วยซ้ำ จะมีก็เพียงแค่ลูกน้องเห็นแก่เงินไม่กี่คน ที่คอยติดตามป้อยอเขาเพื่อหวังสิ่งเหล่านี้
หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ช่วยกันค้นห้องพักของจือหยางอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ฉีเล่ยจึงพบเห็นสมุนไพรบางชนิดเข้า
“นี่มันหญ้าสลายวิญญาณนี่? ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ได้?”
“จือหยางเป็นถึงประธานสมาคมสมุนไพรท้องถิ่น จะพบสมุนไพรในห้องเขาก็ไม่แน่แปลกอะไร แต่เรื่องด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องรีบสืบสวนหาคนร้ายให้พบก่อน!”
เรื่องนี้ดูเหมือนจะซับซ้อนไม่น้อย ในที่สุดผู้เฒ่าวังมังกรจึงได้แต่เอ่ยต่อว่า “ดูท่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนคงต้องถูกเลื่อนออกไปอีกแล้วสินะ?”
……
แต่เมื่อประกาศเรื่องของจือหยางให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนฟังอีกครั้ง และได้แจ้งว่าจำเป็นต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอีก ใครคนหนึ่งถึงกับร้องตะโกนสวนขึ้นมาทันที
“เลื่อนไม่ได้อีกแล้ว! ครั้งก่อนเพราะเรื่องของประธาน ก็เลื่อนออกมาสองสามวันแล้ว”
เจ้าภาพจัดการแข่งขันร่วมครั้งนี้ประกาศกร้าวเด็ดขาด จนผู้เฒ่าวังมังกรต้องหันไปจ้องมอง พร้อมกับร้องบอกด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ตอนนี้มีคนถูกลอบทำร้ายถึงสองคน แล้วคนหนึ่งเสียชีวิต คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่า มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ผู้เฒ่าวังมังกรสูดลมหายใจลึก ก่อนจะประกาศย้ำอีกครั้งว่า “การแข่งขันจำเป็นต้องหยุดไว้ก่อน จนกว่าจะสืบสวนหาความจริงเรื่องนี้ได้!”
“ไม่ได้! จะเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกไม่ได้แล้ว ที่นี่มีแพทย์แผนจีนอยู่ตั้งมากมาย ยังจะต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก?”
ดูเหมือนเจ้าภาพร่วมคนนี้จะมีใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ถึงได้กล้าโต้แย้งผู้เฒ่าวังมังกรอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้
“ก็แล้วถ้ามีล่ะ…”
ผู้เฒ่าวังมังกรยังไม่ทันจะพูดจบประโยค อีกฝ่ายก็สวนขึ้นในทันที “ผมจะรับผิดชอบเอง!”
ผู้เฒ่าวังมังกรถึงกับโกรธจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก “อวิ๋นเช่อ! อย่าโอหังอวดดีให้มันมากนัก!”
“ยังไงการแข่งขันก็ต้องเริ่มในวันพรุ่งนี้เหมือนเดิม! จะไม่มีการเลื่อนออกไปอีกเด็ดขาด เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามนี้”
หลังจากพูดจบ อวิ๋นเช่อก็หันหลังเดินจากไปทันที ผู้เฒ่าวังมังกรได้แต่มองตามด้วยความโมโหจนพูดไม่ออก