ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 102 แท้จริงแล้วเจ้ายังปิดบังอะไรข้า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 102 แท้จริงแล้วเจ้ายังปิดบังอะไรข้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็ก้มหน้าและไม่กล้าพูดอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องโกรธมากเช่นนี้
ตอนนี้ใครรนหาที่ตายก็จะโชคร้ายไปแปดชั่วอายุคน
ในที่เกิดเหตุไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหมอเจิ่งแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กู้โม่หานเหมือนกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด ไอสังหารของเขารุนแรง และตะโกนใส่พ่อบ้านกาวอย่างเฉียบขาด “เจ้า! ไปสืบมาให้ข้าว่าแท้ที่จริงแล้วใครจัดการกับสาวใช้ผู้นี้ ทุกคนต้องถูกสอบปากคำ หลังจากจับได้แล้ว นำตัวเขามาให้ข้า ข้าจะบั่นคอเขาต่อหน้าสาธารณชน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง!”
หนานหว่านเยียนเจ็บใจ แต่ในตอนนี้ความจำเป็นเร่งด่วนต้องได้รับการแก้ไข
นางต้องหาคนผู้นี้ออกมาให้ได้!
ไม่ใช่แค่เพื่อตัวนางเอง แต่เพื่อชีวิตที่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม!
พ่อบ้านกาวน้อมรับคำสั่ง ปาดเหงื่อบนหน้าผาก และรีบถอยออกไป
เซียงอวี้ที่อยู่ข้างๆ ไม่กล้าหายใจแรง เสี่ยวหลินหวาดกลัวจนเป็นลมล้มลงกับพื้น และกู้โม่หานก็สั่งให้ลากตัวออกไป
หมอเจิ่งก็ยอมถอยออกไป สาวใช้ที่นำยามาส่งก็เดินออกจากห้องไปเช่นกัน
ในห้องเหลือเพียงแค่หนานหว่านเยียนสี่คน
หนานหว่านเยียนเดินไปที่ข้างๆ เสิ่นอี่ว์ และตรวจชีพจรให้เขาอีกครั้ง
นางรู้สึกว่าชีพจรของเสิ่นอี่ว์ค่อนข้างคงที่ ยาเม็ดเมื่อครู่มีสรรพคุณในการต่ออายุ แต่ก็ต้องเตรียมล้างท้องให้เขาโดยเร็ว มิเช่นนั้นพิษนี้จะไม่ถูกกำจัดอย่างหมดจด และจะมีปัญหาอื่นๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของหนานหว่านเยียน หัวใจของกู้โม่หานก็บีบแน่น “เขาเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ารีบช่วยเขาสิ”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วและยิ้มเยาะ
“เจ้าไม่ต้องบอก แน่นอนว่าข้าต้องช่วยชีวิตเขา กู้โม่หาน หากเจ้าไม่ตำหนิข้าอย่างไม่แยกแยะถูกผิดและไม่ไว้ใจข้า พวกเราคงจะได้กลับไปตั้งนานแล้ว!”
“ข้าไม่สนว่าท่านจะคิดอย่างไรกับข้า แต่ต่อไปได้โปรดฉลาดสักหน่อย หากเกิดอะไรขึ้นก็อย่าโทษข้า! ข้าไม่ใช่เพชฌฆาตที่ต้องการชีวิตผู้คน! ”
แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ “ออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะรักษาเสิ่นอี่ว์”
หลังจากปะทะกัน กู้โม่หานก็ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “เหตุใดข้าต้องออกไป?”
เรื่องนี้เป็นความผิดของเขา หนานหว่านเยียนพูดถูก แต่ใครใช้ให้หญิงผู้นี้ทำความเลวเอาไว้มาก
จู่ๆ ตอนนี้ก็มีฝีมือในการรักษาโรคและอุบาย ไม่มีใครสามารถเชื่อได้
หลังจากครุ่นคิด เขาก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ดวงตาอันดำขลับกดเก็บความโกรธไว้ “เจ้าเริ่มเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่เฉยๆ”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านไม่ได้ยินหรือ? ข้าบอกว่าข้าจะรักษาบาดแผลให้เขา ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเชิญออกไป”
เสิ่นอี่ว์เป็นเช่นนี้ จะไม่ล้างท้องไม่ได้
แต่จะให้ใครรู้เรื่องห้วงเวลาของนางไม่ได้ เซียงอวี้สามารถออกไปได้ แต่หากกู้โม่หานดื้อรั้นจะอยู่ที่นี่ นางคงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เซียงอวี้กระดกลิ้น และตกใจจนคางเกือบจะตกลงไปที่พื้น
อิทธิพลของท่านอ๋องตอนนี้ หากเป็นนาง วันนี้คงจะหวาดกลัวจนไม่กล้าระบายความโกรธออกมา แต่พระชายาไม่เพียงไม่เกรงกลัว แต่ยังกล้าพูดกับท่านอ๋องเช่นนี้? !
พระชายาช่างน่าทึ่ง!
กู้โม่หานขมวดคิ้วด้วยความสับสน แต่ในที่สุดก็กัดฟัน ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น
“ได้ ข้าจะออกไป! แต่จำเอาไว้ว่าข้าต้องเห็นเสิ่นอี่ว์ยังมีชีวิตอยู่!”
เขาผลักประตูออกไป แต่ไม่ได้จากไป เข้ายืนอยู่ที่หน้าประตู และยื่นมือไปกระทุ้งหน้าต่าง
ไม่ได้บอกว่าห้ามแอบดู คราวที่แล้วเขาไม่เห็นว่านางช่วยชีวิตคนไว้ได้อย่างไร วันนี้เขาต้องการดูว่าหนานหว่านเยียนเล่นกลอะไรกันแน่ และมีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกใครได้!
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว
แม้ว่าหลังของนางจะหันไปทางประตู แต่นางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงสายตาที่แผดเผาและสอดส่องอยู่นอกประตู
นางสั่งเซียงอวี้ในทันที “เซียงอวี้ เจ้าไปเฝ้าที่หน้าประตู อย่าให้ใครมารบกวนข้า และอย่าให้คนเหล่านั้นมาแอบมา! ”
“เพคะ พระชายา” เซียงอวี้เดินออกจากห้องในทันที และทันทีที่ออกไป นางก็เห็นกู้โม่หานยืนตัวตรง
กู้โม่หานทำให้ใบหน้าที่เป็นภูเขาน้ำแข็งเป็นปกติ “ข้าไม่วางใจ จึงต้องการอยู่ตรงนี้”
“เพคะ” เซียงอวี้พยักหน้า และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ยืนอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้ายับยู่ยี่เล็กน้อย
คนแอบมองที่พระชายากล่าวถึง คงไม่ใช่ท่านอ๋องใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เซียงอวี้ไม่ได้คิดลึกมากนัก นางคิดว่ากู้โม่หานเพียงแค่เป็นห่วงเสิ่นอี่ว์เท่านั้น ดังนั้นจึงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านอ๋องทรงอย่ากังวลไปเลยเพคะ บ่าวเชื่อว่าพระชายาต้องช่วยองครักษ์เสิ่นได้อย่างแน่นอน”
แม้ว่าจะพูดประโยคนี้ แต่นางก็จำใจและต้องรวบรวมความกล้าอย่างมาก
กู้โม่หานไม่ได้ใส่ใจ และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าชอบพูดสิ่งดีๆ แทนหนานหว่านเยียน นางใช้วิธีใดทำให้เจ้าศรัทธานางได้ขนาดนี้?”
สีน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนไปราวกับท้องฟ้าเปลี่ยนสี เซียงอวี้สะดุ้งตกใจ เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว?
เขาจ้องมองไปที่เซียงอวี้ เซียงอวี้หวาดกลัวและแทบอยากจะวิ่งหนี
ทันใดนั้นเขาก็กล่าวด้วยเสียงทุ้ม “ในเมื่อเจ้าเข้าใจหนานหว่านเยียนเป็นอย่างดี เช่นนั้นนางไปรู้เรื่องประหลาดเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
คำถามนี้ค้างอยู่ในใจมานาน และเขาก็ไม่สามารถตอบได้ ไม่ง่ายเลยที่วันนี้จะได้ถามสาวใช้คนสนิทของหนานหว่านเยียน
เซียงอวี้บ่นในใจไม่หยุดหย่อน นางกัดฟันตอบว่า “กราบทูลท่านอ๋อง บ่าว บ่าวไม่รู้แน่ชัดเพคะ”
นางเป็นสาวใช้ของพระชายามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ เพิ่งถูกส่งมาที่เรือนเซียงหลินได้ไม่นานนัก นางมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับความวิเศษของหนานหว่านเยียน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะถามนาง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
แต่แล้วนางก็เปลี่ยนความคิด รวบรวมความกล้ากล่าวว่า “แต่หลังจากที่บ่าวได้อยู่กับพระชายาในช่วงนี้ บ่าวก็เข้าใจเหตุผลอย่างหนึ่งเพคะ”
“คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัด เมื่อก่อนบ่าวเชื่อข่าวลือเกี่ยวกับพระชายา แต่ตอนนี้บ่าวคิดแค่ว่าพระชายาไม่ได้เป็นดังข่าวลือ อีกทั้งยังเป็นคนใจดี ตรงไปตรงมา กล้าทำกล้ารับ”
หากท่านอ๋องสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพระชายาได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้โม่หานก็เหลือบมองนางอย่างลึกซึ้ง เซียงอวี้คิดว่าพูดอะไรผิดไป จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวว่า “บ่าวล่วงเกินเกินไปแล้ว ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยเพคะ!”
กู้โม่หานไม่พูดอะไรมากนัก ตะคอกอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อและนั่งลงบนม้านั่งหินในลานบ้าน
นึกไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะซื้อใจผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ในระยะเวลาอันสั้น
คนแรกคือองครักษ์ที่ติดตามนาง จากนั้นก็เสิ่นอี่ว์ แล้วก็สาวใช้ผู้นี้
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย และดุมีความลับบางอย่าง
หนานหว่านเยียน เจ้ายังมีอะไรที่ข้าไม่รู้อีกกันแน่?
สักวันหนึ่ง ข้าจะกระชากหน้ากากของเจ้า!