ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 12 จดหมายหย่าร่าง ข้าต้องการจดหมายหย่าร้าง
ดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 12 จดหมายหย่าร่าง ข้าต้องการจดหมายหย่าร้าง
กู้โม่หานพึ่งออกจากห้องเสิ่นอี่ว์ หมอหลวงก็มาถึงพอดี
พ่อบ้านกาวนำหมอหลวงรีบเข้าไปในเรือนหน้า พอไปถึง เสิ่นอี่ว์ก็ฟื้นแล้ว เขาถามขึ้นอย่างงุนงง “นี่ข้ารอดแล้วจริงๆ?”
“องครักษ์เสิ่น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” พ่อบ้านกาวตกตะลึง หมอหลวงก็รีบช่วยดูอาการให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียด
เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้วบอก “ข้าสบายดี เหมือนจะไม่ปวดบาดแผลแล้วด้วย”
หนานหว่านเยียนไม่ได้หลอกเขาจริงๆ นางช่วยเขาได้จริงๆ…
พ่อบ้านกาวไม่อยากจะเชื่อเลย ทั้งๆที่หมอในจวนบอกว่าเสิ่นอี่ว์หมดหนทางช่วยแล้ว ทำไมถึงหายแล้วล่ะ
“องครักษ์เสิ่น เจ้าได้กินยาอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ทำไมจู่ๆก็ดีขึ้นมาล่ะ?”
เสิ่นอี่ว์บอก “พระชายา พระชายาช่วยข้าไว้ แต่นางช่วยข้าอย่างไร ข้าก็ไม่รู้แล้วล่ะ”
พ่อบ้านกาวตะลึงหนักกว่าเดิม “พระชายาช่วยเจ้าไว้?! เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
เสิ่นอี่ว์บอก “พระชายาจริงๆ ข้าไม่ได้หลอกเจ้า”
ถึงพ่อบ้านกาวจะยังไงก็ไม่ยอมเชื่อ แต่หมอหลวงจับชีพจรให้เสิ่นอี่ว์ และหลังจากที่แน่ใจว่าเสิ่นอี่ว์ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ถึงได้มาที่คุกใต้ดินอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และรายงานเรื่องนี้กับกู้โม่หาน
ใครจะรู้ พอกู้โม่หานรู้ว่าเสิ่นอี่ว์ฟื้นแล้ว ในใจแอบถอนหายใจโล่งอก แต่กลับไม่เชื่อเลยสักนิดว่าหนานหว่านเยียนเป็นคนช่วย
“ทำไม สมองเสิ่นอี่ว์ก็ฟั่นเฟือนไปแล้วรึ? หนานหว่านเยียนไม่ทำร้ายเขาก็ดีมากแล้ว จะช่วยเขาได้อย่างไร?!”
หนานหว่านเยียนลุกพรวดขึ้น สภาพเธออนาถ แต่เดินย่างสามขุมเข้าหากู้โม่หาน “เจ้ากล้าพนันกับข้าไหม ถ้าข้าช่วยองครักษ์เสิ่นไว้จริงๆ ก็เอาจดหมายหย่าร้างให้ข้า? คืนความเป็นธรรมให้กับข้า!”
พอเจอเรื่องนี้ไป เธอรู้แล้วว่าอะไรเรียกว่าความจริง
ตอนนี้เธอไม่มีอำนาจไม่มีบารมี ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิด ขนาดแค่หอบหายใจยังผิดเลย
ส่วนกู้โม่หานมีอำนาจมีบารมี ต่อให้ไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่เขาควบคุมความเป็นความตายของเธอไว้อยู่ในมือ!
เธอต้องรีบ รีบพลิกสถานการณ์ในตอนนี้โดยด่วน!
กู้โม่หานยิ้มเย็น
“หนานหว่านเยียนเจ้าช่างฝันกลางวันเสียจริง! ข้ายังไม่ได้ทรมานเจ้าเท่าไหร่เลย เจ้ายังไม่ได้ทุกข์ทรมานแทบตายเลยด้วยซ้ำ! ข้าจะให้จดหมายหย่าร้างกับเจ้าได้ยังไง อีกอย่าง เจ้าไม่มีทางเป็นคนช่วยเสิ่นอี่ว์แน่ ข้าทำไมต้องให้ความยุติธรรมกับเจ้าด้วย?!”
หนานหว่านเยียนก็ยิ้มเย็นบอก “ดี จดหมายหย่าร้างวางไว้ก่อน แต่เจ้าบอกว่าข้าทำร้ายเสิ่นอี่ว์ ดังนั้นเลยลงโทษข้า ตอนนี้ข้าไม่ได้ทำร้ายคน จะขอความยุติธรรมแล้วมันผิดตรงไหน แต่เจ้ากลับไม่กล้าแม้แต่ให้ข้ากับเสิ่นอี่ว์มาประจันหน้ากัน ไม่รู้จักเหตุผลเช่นนี้ ต่างอะไรกับข้าที่เจ้าเอ่ยว่าล่ะ!”
กู้โม่หานคิดจะลงมืออีกครั้ง พ่อบ้านกาวรีบห้ามปราม “ท่านอ๋อง! ท่านออกคำสั่งให้พระชายาได้ประจันหน้ากับองครักษ์เสิ่นเถอะ!”
“นาง หนานหว่านเยียนเป็นคนอย่างไร เจ้ายังไม่รู้อีกรึ? หากนางมีจิตใจเมตตากรุณา ยังรู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นแม่หมูทั่วทั้งซีเย่คงปีนต้นไม้ได้หมดแล้วกระมัง!” กู้โม่หานปรายตามองพ่อบ้านกาวอย่างขัดใจ ส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก
พ่อบ้านกาวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า หนานหว่านเยียนชั่วช้าเลวทราม คนทั่วทั้งจวนอ๋องล้วนรู้ดี แต่บัดนี้องครักษ์เสิ่นกลับยืนกรานว่านางช่วยเขาไว้….
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยเองก็ไม่เชื่อ แต่องครักษ์เสิ่นยืนกรานว่าพระชายาช่วยเขาไว้ ข้าน้อยเลยอยากให้พาคนกลับไปประจันหน้ากันแล้วค่อยลงโทษก็ไม่สาย อีกอย่าง ท่านไม่อยากกลับไปดูอาการองครักษ์เสิ่นหน่อยรึ?”
ในที่สุดคำพูดของพ่อบ้านกาวก็ทำให้กู้โม่หานสงบลงไปได้หน่อย
เขาปรายตามองหนานหว่านเยียนที่สภาพดูไม่จืดแต่ยังคงยืดอกเชิดหน้าอย่างเดิมด้วยความเย็นชา
“ใครก็ได้! คุมตัวนางไปเรือนหน้า! ข้าจะดูสิว่า นางทำให้เสิ่นอี่ว์ยอมก้มหัวให้ด้วยหรือไม่!”
….
ในห้องเสิ่นอี่ว์
ในเวลานี้ เขายังคงนอนอิดโรยอยู่บนเตียง ในสมองกลับปรากฏภาพท่าทางตอนแทงเข็มของหนานหว่านเยียนไม่หยุด
ทำไมหนานหว่านเยียนถึงนิสัยเปลี่ยนกะทันหันได้?
ห้าปีก่อนทั้งๆที่นางเป็นลูกหลานตระกูลหนานที่ทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามจนผู้คนสาปแช่งคนหนึ่งแท้ๆ แต่บัดนี้…
ดวงตาของเสิ่นอี่ว์มีแต่แววสับสน
พระชายาคนนี้เหมือนจะไม่ได้แย่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว?
พอคิดอย่างนี้ เขามองเห็นหนานหว่านเยียนโดนคนหมู่มากคุมตัวมาไม่ไกลนัก บัดนี้ตัวนางเต็มไปด้วยเลือด และยังมีกู้โม่หานที่เดินมากับนาง
“ท่านอ๋อง…” เสิ่นอี่ว์อยากลงจากเตียงมาทำความเคารพ แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอนัก เลยไม่อาจจะขยับได้เลย
กู้โม่หานรีบก้าวเท้าขึ้นหน้า มากดเสิ่นอี่ว์ไว้กับเตียงเหมือนเดิม “เจ้าบาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องลุกขึ้นดอก”
จากนั้นเขาก็เปิดปากอีก พูดด้วยน้ำเสียงราวกับว่าได้แก้แค้นสำเร็จ
“เสิ่นอี่ว์ หนานหว่านเยียนกล้าคิดไม่ซื่อ หวังให้ร้ายเจ้า โดนพ่อบ้านกาวจับได้คาหนังคาเขาพอดี ตอนนี้นางพูดปาวๆว่านางช่วยเจ้าไว้ น่าขันยิ่งนัก! เจ้าบอกข้าสิ นางต้องการฆ่าเจ้า ข้าจะออกหน้ากำจัดนาง—ให้เจ้าเอง!”
หนานหว่านเยียนมองเสิ่นอี่ว์ด้วยสายตาสงบนิ่ง ต่อให้ร่างเต็มไปด้วยเลือด แต่กลับมีรังสีแข็งแกร่งแบบไม่ยอมคนชนิดหนึ่งอยู่
เสิ่นอี่ว์ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจมาก พระชายาถูกท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว และดูท่าทางนาง เห็นได้ชัดว่าโดนลงโทษหนักแล้วด้วย!
เขาร้อนใจนัก รีบบอก “ท่านอ๋อง พระชายาช่วยข้าน้อยไว้จริงๆ! มิได้พูดปดเลย!”
คำพูดคำนั้นหนักแน่นยิ่งนัก—-