ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 137 มีคนคิดจะหนีไปกับพระชายา
เจียงหรูเยว่ตัวสั่น จากนั้นสีหน้าของนางก็ซีดเผือด
“ไม่ ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนี้…” นางโบกมือปฏิเสธด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
เหตุใดกู้โม่หานถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้? !
เขา หรือว่าเขาจะไม่คิดว่า ที่นางพูดนั้นถูกต้อง?
ทุกคนต่างก็ตกใจเช่นกัน
นี่พวกนางเห็นผีกลางวันแสกๆ หรือ
พวกนางถึงได้ยินกู้โม่หานช่วยพูดแทนหนานหว่านเยียนเช่นนี้? !
แม้แต่หนานหว่านเยียนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายอย่างกู้โม่หานจะช่วยพูดแทนนาง?
ดูเหมือนว่าการเดินทางไปยังค่ายทหารครั้งนั้นจะไม่ถือว่าไร้ประโยชน์
ถือว่าเขาจะยังมีความซาบซึ้งในบุญคุณอยู่
รูม่านตาของหยุนอี่ว์โหรวสั่นสะท้าน ดวงตาของนางลุกโชนด้วยความอิจฉาริษยา
แต่นางระงับความเกลียดชังในใจไว้ บนใบหน้ายังคงยิ้มบาง รีบกล่าวโทษเจียงหรูเยว่
“ท่านอ๋องพูดถูก คุณหนูเจียง ห้ามพูดเรื่องไร้สาระ พระชายาคือภรรยาเอกของท่านอ๋อง และเป็นนายหญิงของจวนอ๋องอี้เจ้าพูดเช่นนี้ ก็ถือว่ากำลังดูถูกทุกคนในจวนอ๋องอี้ด้วย”
นางคิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะช่วยพูดแทนหนานหว่านเยียน แต่ไม่เป็นไร อีกไม่นานหนานหว่านเยียนก็จะต้องตายแล้ว ดังนั้นให้นางดีใจสักพัก
กู้โม่หานมองเจียงหรูเยว่อย่างเย็นชา แผ่รังสีกดดันอย่างรุนแรง
เจียงหรูเยว่หดตัวลงและตัวสั่นเทา หยุนอี่ว์โหรวนางชั่วร้ายคนนี้ ถึงขั้นกล้าพูดเช่นนั้นกับนาง!
นางโมโหมาก ในขณะที่กำลังจะเริ่มด่าว่าหยุนอี่ว์โหรว ด้านหลังก็มีเสียงอันเคร่งขรึมของหนานหว่านเยียนดังขึ้นมา “ดูเหมือนว่า ข้าจะมาสายไป?”
พอได้ยินน้ำเสียงนี้ เจียงหรูเยว่ก็นึกถึงสิ่งที่หนานหว่านเยียนพูดข้างหูของนางที่งานเลี้ยงในวันนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความขุ่นเคืองในใจของนางก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
นางเม้มปากแล้วมองไปข้างหลัง แล้วเห็นหนานหว่านเยียนสวมชุดสีดำ บุคลิกท่าทางสง่างาม ทุกการขมวดคิ้วและทุกรอยยิ้มเหมือนดอกบัวสีดำที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
กู้โม่หานเห็นรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของนาง ดวงตาของกู้โม่หานก็เป็นประกายด้วยความประหลาดใจและความตกใจ
หยุนอี่ว์โหรวเห็นเช่นนั้น มือทั้งสองข้างของนางก็จิกเนื้อแน่น ในใจยังคงสงบนิ่ง
ก็แค่ช่วงเวลาที่สวยงาม มักจะปรากฏเพียงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้นเอง แล้วอย่างไรล่ะ?
หนานหว่านเยียนเหลือบมองไปทางเจียงหรูเยว่ที่ไม่เต็มใจและอิจฉาริษยา ก่อนจะยิ้มเยาะ “คุณหนูเจียงดูเหมือนว่าจะลืมบทเรียนจากงานเลี้ยงในวันนั้นไปแล้ว?”
เจียงหรูเยว่โกรธมาก แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและพูดว่า “หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระชายากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
เรื่องในงานเลี้ยงวันนั้นเป็นความอัปยศที่สุดของนาง!
การกระทำของหนานหว่านเยียน ทำให้พอกลับถึงบ้านนางก็ถูกเจียงไท่ฟู่ลงโทษให้คุกเข่าเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน!
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกโมโหมาก!
หนานหว่านเยียนดวงตาเย็นชา น้ำเสียงของนางเยือกเย็น “เจอข้าต้องคุกเข่าเคารพสามครั้ง เรื่องนี้ เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
เจียงหรูเยว่ไม่อยากยอมแพ้
กู้โม่หานเอ่ยพูดอย่างเย็นชา “คุณหนูเจียง ไม่ได้ยินที่พระชายาพูดหรือ?”
เจียงหรูเยว่ใจสั่น นางมองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะเดินไปหาหนานหว่านเยียน แล้วคุกเข่าคำนับ “หม่อมฉัน เจียงหรูเยว่ คารวะพระชายา!”
คนเราไม่ควรทำผิดพลาดในเรื่องเดิมๆ หนานหว่านเยียน รอก่อนเถอะ! ถ้าแค้นนี้ไม่ชำระ นางจะไม่ชื่อเจียงหรูเยว่อีกต่อไป!
หนานหว่านเยียนหาวอย่างเบื่อหน่าย เหมือนมองไม่เห็นอีกฝ่าย นางเดินผ่านเจียงหรูเยว่ไปนั่งที่ด้านข้างกู้โม่หานก่อนจะยกยิ้มอย่างสวยงาม “ให้ท่านอ๋องต้องรอแล้ว”
กู้โม่หานชำเลืองมองมาที่นาง แต่ไม่ได้พูดอะไร
หนานหว่านเยียนนั่งลงเอง ไม่มีความคิดจะบอกให้เจียงหรูเยว่ลุกขึ้นได้
เซียงอวี้แอบปรบมือชอบใจอยู่ในใจ นางดีใจอย่างอธิบายไม่ถูก
บรรดาคุณหนูเหล่านั้นต่างก็ถูกความกล้าหาญของหนานหว่านเยียนทำให้ตกใจกลัว พวกนางต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกใจไปชั่วขณะ
เจียงหรูเยว่ที่กำลังคุกเข่าโมโหมาก หนานหว่านเยียนจะทิ้งนางให้คุกเข่าเช่นนี้หรือ? !
นางสารเลวนั่น ทำให้นางต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้!
หยุนอี่ว์โหรววางถ้วยชาลง แล้วพูดเสียงเบา “พระชายา แม้ว่าคุณหนูเจียงจะไร้เหตุผลเพียงใด นางก็เป็นถึงบุตรสาวของไท่ฟู่ ท่านทำเช่นนี้…”
หนานหว่านเยียนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “อ๊ะ พระชายารองหยุนพูดถูก ฉันลืมไปเลย คุณหนูเจียง ถ้าไม่มีอะไรก็ลุกขึ้นมาเถอะ พื้นแข็ง อย่าเอาแต่คุกเข่าเช่นนี้”
หลังจากที่พูดจบ นางก็เม้มริมฝีปากด้วยความไม่เข้าใจ
เจียงหรูเยว่โกรธมากจนแทบกระอักเป็นเลือด สิ่งที่หนานหว่านเยียนพูดดูเหมือนตนเองไม่ใช่คนที่ทำให้นางต้องคุกเข่าเช่นนี้!
เจียงหรูเยว่กัดฟันกรอด แล้วพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก “ขอบคุณพระชายา!”
บรรดาคุณหนูตระกูลดังถอนหายใจ ทุกคนต่างรู้สึกสงสารเจียงหรูเยว่ แต่พวกนางก็อดที่จะแอบสะใจไม่ได้
หนานหว่านเยียนไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง และส่งยิ้มให้คนอื่นๆ
“หลายวันก่อนท่านอ๋องช่วยข้าจัดการปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง ดังนั้นวันนี้ข้าจึงจัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณท่านอ๋อง ในเมื่อทุกคนมาร่วมงานด้วย ก็มาทานข้าวด้วยกันเถอะ”
“ข้าเห็นว่าอาหารมื้อเที่ยงเตรียมพร้อมแล้ว ถ้าการสนทนาจบลง เรามาเริ่มทานอาหารเย็นกันเถอะ!”
เรื่องหลักยังมาไม่ถึง!
กู้โม่หานเลิกคิ้ว และจ้องมองไปทางหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนไม่เคยทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ งานเลี้ยงในครั้งนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ดวงตาของหยุนอี่ว์โหรวดุร้าย พอเห็นหนานหว่านเยียนท่าทางมีหน้ามีตา ในใจก็อดที่จะหัวเราะเยาะไม่ได้
คิดในใจ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
นางเพิ่งคิดจบ ก็ได้ยินเสียงเดินที่เร่งรีบของพ่อบ้านกาว
สีหน้าของเขาแปลก ๆ ก่อนจะกล่าวรายงาน “ท่านอ๋อง! แย่แล้วขอรับ!”
หนานหว่านเยียนกับเซียงอวี้เห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่สบายใจที่ปกคลุมหนานหว่านเยียนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
กู้โม่หานสีหน้ายิ่งเย็นชา “มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าต้องรีบร้อนเช่นนี้”
พ่อบ้านกาวมองไปที่หนานหว่านเยียน และกลืนน้ำลายอย่างกระวนกระวายใจ “ข้างนอก ข้างนอกมีชายผู้หนึ่งอ้างว่า อ้างว่าเป็นชู้รักของพระชายาขอรับ!”
ทันทีที่คำพูดนี้จบลง ก็มีเสียงเหมือนฟ้าร้องที่น่าตกใจดังขึ้น เหมือนมีฟ้าผ่าลงบนจวนอ๋องอี้
พ่อบ้านกาวหอบหายใจ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้เขากำลังส่งเสียงดังขอพบพระชายา! แล้วยังบอกด้วยว่าเขาจะพาพระชายาหนีไปจากที่นี่! ไม่ปล่อยให้พระชายาต้องถูกท่านอ๋องทำร้ายอีกขอรับ”