ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 139 นางเป็นคนจิตใจโหดร้าย
พวกที่มุงดูตกใจจนอ้าปากค้าง
คิดไม่ถึงเลย ว่าชู้รักของหนานหว่านเยียนจะใจกล้าเช่นนี้!
ถึงขั้นกล้าพูดกับกู้โม่หานเช่นนี้ ไม่กลัวตายเสียจริง!
แต่เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวยั่วโทสะของฉางชิงหยางท่ามกลางสายฝน ทำให้ดูเหมือนว่าหนานหว่านเยียนกับเขาถึงจะเรียกว่ารักแท้
กู้โม่หานกลายเป็นคนใจร้ายที่กักขังหนานหว่านเยียนไว้ในกรง!
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น ต้องยอมรับว่า คำพูดบางคำพูดได้ดีมาก
ได้โปรดด่ากู้โม่หานให้มากกว่านี้ นางไม่พอใจเขามานานแล้ว
เซียงอวี้ท่าทางที่ไม่สนใจอะไรของหนานหว่านเยียน และไม่ได้พูดแก้ตัว เหมือนตนเองเป็นคนนอกที่กำลังมองเรื่องสนุกอยู่ นางก็แทบจะเป็นลม
กษัตริย์ไม่รีบร้อน ขันทีรีบร้อน นางกังวลใจมาก!
กู้โม่หานโกรธมากจนเส้นเลือดปูดขึ้น เขามองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างเย็นชา “หนานหว่านเยียน! อธิบายเรื่องนี้มา!”
น้ำเสียงของหนานหว่านเยียนเย็นชา นิ้วมือยังเคาะบนโต๊ะอย่างเชื่องช้า
“อ๋อ คนขับรถม้าใช่ไหม แต่ถ้าข้ามีความสัมพันธ์กับเขาจริงๆ ข้าจะไม่มีความทรงจำได้อย่างไร”
นางไม่ถอย นางมองตรงไปที่กู้โม่หาน ทั้งสองสบตากัน ระหว่างพวกเขาเหมือนมีกระแสไฟฟ้าสถิต จนมีกระแสไฟในสายตา
ถึงแม้นางจะไม่มีความทรงจำแรกพบ แต่เจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีทางที่จะสนใจผู้ชายที่ธรรมดาแบบนี้…
อีกทั้งเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีความทรงจำเรื่องคนขับรถม้าคนนี้ ดังนั้นความสัมพันธ์จึงไม่ดีแน่นอน
นอกจากนี้ นี่มันนักแสดงที่หยุนอี่ว์โหรวจัดส่งมาไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่เลือกคนที่ดีกว่านี้หน่อย
หยุนอี่ว์โหรวยกยิัมมุมปาก พริบตาเดียว นางก็ข่มกลั้นไว้ได้
นางจะคอยดู ว่าถึงขั้นนี้ หนานหว่านเยียนจะแก้ตัวอย่างไร
กู้โม่หานกำลังเตรียมจะพูด แต่ฉางชิงหยางที่อยู่ข้างนอกกลับคุกเข่าลง แล้วมองเข้ามาด้านในอย่างเจ็บปวดสิ้นหวัง เขากัดริมฝีปากล่างจนซีดเผือด ท่าทางเศร้าเสียใจยิ่งนัก
“หว่านเยียน! เจ้าเปลี่ยนใจแล้วจริงหรือ หรือเป็นเพราะว่ากู้โม่หานอยู่ที่นี่ด้วย เจ้ากลัวว่ากู้โม่หานจะทำร้ายเจ้า ดังนั้นเจ้าถึงไม่กล้าพูดความจริง!”
หนานหว่านเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ามีหลักฐานอะไร? ถึงกล้ามาที่จวนอ๋องอี้ แล้วพูดจาเลอะเทอะเช่นนนี้”
ในใจกู้โม่หานรู้สึกอึดอัดและโมโหจนยากจะพรรณนา พอคิดว่าหนานหว่านเยียนรักชายคนนี้มากถึงเพียงนี้และเพื่อเขาแล้ว ยังไม่ยอมให้เด็กทั้งสองคนยอมรับตนเองเป็นบิดา หัวใจของเขาก็บีบคั้นจนเจ็บ
เขาเป็นถึงเทพสงคราม หรือว่าจะเทียบคนขับรถม้าไม่ได้เลยหรือ?
สิ่งที่หยุนอี่ว์โหรวกำลังรอคอย ก็คือคำพูดนี้ของหนานหว่านเยียน
“ใช่แล้ว เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับพระชายา แต่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน แล้วใครจะเชื่อเจ้า”
ฉางชิงหยางเหมือนจะถูกกระตุ้นเส้นประสาท เขาเบิกตาโต แล้วมองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะพูดว่า “หลักฐาน เหตุใดข้าจะไม่มี! เมื่อห้าปีที่แล้ว เจ้าสารภาพความรู้สึกต่อกู้โม่หาน แต่ถูกเขา ปฏิเสธ คืนนั้นเจ้าเสียใจมาก จึงดื่มเหล้าเพื่อลืมความเสียใจ เจ้าลืมไปแล้วหรือ!”
เขาพูดเสียงดังฟังชัด
“วันนั้นเจ้าขอให้ข้าไปเป็นเพื่อน เจ้าบอกว่าว่าไระหว่างเราไม่ใช่การล่วงเกิน เจ้าสารภาพความในใจกับข้า คืนนั้นเราใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในห้องนอนของเจ้า! นั่นเป็นครั้งแรกของเจ้า ข้ายังจำได้ชัดเจน ตรงไหล่ซ้ายของเจ้ามีปานยาวอยู่”
“เจ้ากอดข้าไว้ แล้วบอกว่ากู้โม่หานเป็นคนใจร้าย อ๋องอี้ผู้ยิ่งใหญ่อะไรกัน ยังสู้ข้าที่เป็นแค่คนขับรถม้าไม่ได้เลย เจ้าบอกให้ข้าอย่าหักหลังเจ้า ให้ข้าเก็บเงินแล้วพาเจ้าหนีไปจากที่นี่!หรือว่าทั้งหมดนี้ข้าจะคิดไปเอง?!”
ฟังแล้วน่าอับอายยิ่งนัก!
บรรดาคุณหนูตระกูลดังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ พอฟังคำพูดเหล่านี้ของฉางชิงหยาง พวกนางก็รู้สึกว่าหนานหว่านเยียนช่างไร้ยางอายและยิ่งดูถูกหนานหว่านเยียนมากยิ่งขึ้น
หนานหว่านเยียนอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ
ว้าว
บทละครรักเรื่องนี้ช่างน่าตะลึงมาก!
สีหน้าของพ่อบ้านกาวกับเซียงอวี้ดูไม่ดีมาก หัวใจของพวกเขาแทบจะสิ้นหวัง
แนวป้องกันสุดท้ายในใจของเซียงอวี้พังทลายลงลงเช่นกัน
จะทำอย่างไรดี พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว พระชายาจะรับมืออย่างไร!
นางรู้ว่าวันนี้หนานหว่านเยียนอยู่ในจวนทั้งวัน จึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ตอนนี้มีพยานหลักฐานครบ แล้วยังมีพวกที่คอยพูดยุยงอีกสองคน…
คราวนี้พระชายาต้องแย่แน่ๆ!
สีหน้าของกู้โม่หานเย็นชาได้น่ากลัวมาก และกำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากภายในสู่ภายนอก
กู้โม่หานรู้ว่าบนไหล่ของหนานหว่านเยียนมีปานจริง และสิ่งที่ฉางชิงหยางพูดนั้นตรงตามความจริง ในเวลานี้ เขารู้ว่าฉางชิงหยางไม่ได้พูดโกหก
คนขับรถม้านผู้นี้เป็นชู้รักของหนานหว่านเยียนจริงๆ!
หนานหว่านเยียนโกหกปกปิดเรื่องนี้มาห้าปีเต็มๆ!
เจียงหรูเยว่เกือบจะปรบมือให้ เป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมาก “โธ่ นี่เขาพูดออกมาชัดเจนถึงเพียงนี้ ยีงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร”
ในเวลานี้เอง หยุนอี่ว์โหรวก็ลุกขึ้นยืนกะทันหัน และพูดกับบรรดาคุณหนูตระกูลดังที่อยู่ข้างๆ ว่า “ทุกท่าน ได้โปรดอย่าเอาเรื่องในวันนี้ออกไปพูดให้ใครฟัง! อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าอับอายในครอบครัวไม่ควรถูกเผยแพร่ออกไปภายนอก”
“ใครอยู่แถวนี้! ลากชายผู้นี้ไปขังคุกใต้ดินเดี๋ยวนี้!”
หยุนอี่ว์โหรวจัดการอย่างรวดเร็ว เหมือนคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมและเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด มีความเป็นนายหญิงของตระกูล
ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะยืนยันว่าหนานหว่านเยียนกับฉางชิงหยางคบชู้กันจริงๆ และยิ่งยืนยันได้ว่ากู้โม่หานถูกนอกใจ
“ใครกล้า!” กู้โม่หานตะโกนสั่งอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะมองไปทางหนานหว่านเยียน “นางไม่เสียความบริสุทธิ์ไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ตอนนี้นางมีอะไรต้องอับอายอีก? นางกล้าที่จะทำ แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับกับสิ่งที่นางทำลงไปหรือไง!”
เสียงฟ้าร้องดังก้อง และดังต่อเนื่องกัน กดดันจนทำให้ผู้คนเหงื่อแตก
หนานหว่านเยียนไม่พอใจขึ้นมาทันที “ที่ข้าไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าข้ามีอะไรกับเขา ท่านอย่ามาพูดไร้สาระ”
ครั้งแรกของเจ้าของร่างเดิมไม่รู้ว่าให้ใครไป แต่นางมั่นใจว่าไม่ใช่คนขับรถม้าตรงหน้าแน่นอน
กู้โม่หานดึงดาบของเขาออกอย่างรวดเร็ว แสงเย็นจากดาบที่คมกริบส่องประกาย เขามองไปที่หนานหว่านเยียน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าเสียเวลา! เจ้าไม่ได้มีชู้รักเพียงคนเดียว แต่มีหลายคนใช่หรือไม่ ?”
ในตอนนี้ เขาแค้นใจจนแทบอยากบดขยี้สองคนนี้ให้แหลกเป็นผุยผง!
เขาอุตส่าห์มองหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไป แต่วันนี้ นางกลับทำให้เขาต้องตกใจถึงเพียงนี้!
หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ “กู้โม่หาน ข้าบอกไปแล้ว ว่าข้าไม่ได้ทำ”
กู้โม่หานไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของนางอีก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน และพุ่งปลายดาบเข้าใส่ฉางชิงหยางหยุนอี่ว์โหรวแอบบิดผ้าเช็ดหน้าแน่น และยกยิ้มอย่างเย็นชา
หนานหว่านเยียน คราวนี้ เจ้าคงไม่รอดแล้วสินะ!
ฉางชิงหยางตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยน เขาอดที่จะตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวไม่ได้ รังสีสังหารที่น่ากลัวของกู้โม่หานทำให้ทุกคนจับแขนเสื้อไว้แน่น
หนานหว่านเยียนเคลื่อนไหวเร็วกว่า นางเข้ามาขวางหน้าฉางชิงหยางไว้ อย่างไม่หวาดกลัว
“ช้าก่อน!”
ด้านนอกฝนกำลังตกหนัก แต่ด้านในจวนอ๋องอี้ ฉางชิงหยางกำลังคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น ในขณะที่หนานหว่านเยียนยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขา
พอกู้โม่หานเห็นเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกขัดตา!
เขาตะโกนเสียงแหบห้าว “หลบไป!”