ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 155 นอนด้วยกัน
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 155 นอนด้วยกัน
คนฉลาดแค่ฟังก็รู้เรื่องแล้ว หนานหว่านเยียนรู้แล้วว่าควรจะทำยังไง
นางอดทนไว้ เดินไปหากู้โม่หาน พร้อมคว้าควงแขนเขาไว้อย่างดื้อๆ ยิ้มสดใสดั่งเกลียวคลื่นสีฟ้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง”
คำว่า “ท่านอ๋อง” เรียกอย่างอ่อนโยนอ่อนหวาน
ยังไงไทเฮาเหนียงเหนียงก็เป็นผู้อุปการะของนาง คำพูดของผู้อุปการะล้วนถูกหมด ตอนนี้นางต้องกอดขาผู้อุปการะคนนี้ไว้แน่นๆ
ร่างกายกู้โม่หานแข็งทื่อ เดิมอยากที่จะสะบัดแขนของหนานหว่านเยียนออกไป
แต่สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่ลดลงเล็กน้อยของนางผ่านเข้ามาทางเสื้อผ้า เขาจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เดินต่อไปอย่างปกติ เพียงแต่ว่ามีความคลุมเครือฉายแววอยู่ในดวงตา
กู้โม่หานอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึง ครั้งแรกตอนที่พาหนานหว่านเยียนเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยง เขายังปฏิเสธที่จะแตะเนื้อต้องตัวนาง กระทั่งแทบอยากตัดมองของนางทิ้ง
แต่ตอนนี้กลับ…..
จะต้องเป็นเพราะเขาเห็นแก่หน้าเสด็จย่าไทเฮา ใช่ เสด็จย่าอายุมากแล้ว จะให้ท่านเป็นกังวลไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากเสด็จย่าโกรธขึ้นมา จะไม่มีเหตุผลยิ่งกว่าเด็ก
กู้โม่หานหาเหตุผลพูดกล่อมตนเอง จากนั้นค่อยผ่อนคลายลง ยืดเอวตรงขึ้นเล็กน้อย
หนานหว่านเยียนที่อยู่ด้านข้างก็ค่อนข้างแปลกใจ
นางไม่มีทางเลือกจึงต้องทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นใครจะอยากแตะต้องผู้ชายเหี้ยๆ คนนี้
แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก หลี่หมัวมัวก็พาทั้งสองคนมาถึงยังตำหนักหลวนเฟิ่งของไทเฮา
หนานหว่านเยียนเพิ่งก้าวข้ามประตูธรณีเข้าไป ก็สูดได้กลิ่นหอมจางๆโชยมาจากในตำหนัก
แตกต่างจากกลิ่นแป้งที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปมักใช้กัน กลิ่นหอมนี้มีกลิ่นไม้เพิ่มมา ทำให้สงบและกระปรี้กระเปร่า
ยิ่งทำให้คนหลงชอบง่ายยิ่งขึ้น
คนที่มีถุงหอมแบบนี้ ทั่วทั้งแคว้นซีเหย่มีเพียงคนเดียว….หนานชิงชิง
ในที่สุดที่โผล่หน้ามา
สายตาหนานหว่านเยียนฉายแววเย็นชา เงยหน้าขึ้นมากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เยียนเอ๋อร์ถวายพระพรเสด็จย่าไทเฮา มาช้าไปหน่อย ขอเสด็จย่าไทเฮาอย่าได้ถือสา”
ท่าทีอ่อนหวานของนาง บวกกับชุดกระโปรงสีอ่อน ยิ่งดูน่าหลงใหล
ไทเฮายิ้มกริ่มไม่หุบ รับโบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “จะถือสาเจ้าได้อย่างไร? ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่ มา มาใกล้ๆข้า ทำไมรู้สึกเหมือนผอมลงไปหน่อย?”
“วันนี้ อ๋องเฉิงสองสามีภรรยาเข้าวังมาเยี่ยมข้า ข้าก็เลยเห็นว่าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายวันแล้วเหมือนกัน จึงให้หลี่หมัวมัวไปตามเจ้ากับอ๋องอี้”
นางพูดพร้อมกับหันไปมองด้านข้าง แววตากลับไม่มีแววรักใคร่แล้ว
หนานหว่านเยียนทำเป็นตกใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับหนานชิงชิงที่อยู่ด้านข้างว่าขภ “หยา ข้าไม่ทันสังเกตเห็น ที่แท้พี่สาวก็อยู่ด้วยหรือ?”
“แล้วอ๋องเฉิงไปไหนแล้วล่ะ?ฌห ทำไมไม่เห็นเขา?”
ตอนอยู่ที่ค่ายเสินเชื่อกู้โม่เฟิงยังไม่ได้พูดขอโทษนางเลย วันนี้สองสามีภรรยาคู่นี้มาแล้ว ไม่เหมาะเจาะพอดีหรือ?
ผู้หญิงสองคนมองสบตาหัน สายตาหนานชิงชิงริบหรี่ลงอย่างไร้ร่องรอย
นางหันไปมองทางอื่นอย่างไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะมองนางกับกู้โม่หาน ความเศร้าในดวงตาหายวับไปทันที จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้มว่า “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้ว”
หนานหว่านเยียนยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย
“แบบนี้นี่เอง งั้นพี่สาวอย่าลืมเตือนอ๋องเฉิงนะว่า เขาติดค้างท่านอ๋องของข้าอย่างหนึ่ง เมื่อไหร่จะคืน?”
กู้โม่หานไม่พูดห้ามอย่างหาได้ยาก
หัวใจหนานชิงชิงบีบแน่นขึ้นมา ปากของหนานหว่านเยียน ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่ารังเกียจ
ไม่สามารถทำอะไรได้ง่ายๆเหมือนอย่างเมื่อห้าปีก่อน
แต่นางยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม ยึดมั่นในท่าทีของความเป็นคุณหนู
“อ๋องเฉิงติดค้างอะไรน้องหกหรือ? ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง ในฐานะที่น้องสาวเป็นหลานสะใภ้ ควรที่จะมาเยี่ยมเสด็จย่าบ่อยๆถึงจะถูก”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว หันไปพูดกับไทเฮาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงว่า “เสด็จย่าไทเฮาโกรธเยียนเอ๋อร์หรือ?”
ไทเฮาไม่สนใจหนานชิงชิงญข หันมาพูดกับหนานหว่านเยียนว่า “ใครพูด? ข้าชอบเยียนเอ๋อร์ที่สุด ส่วนอ๋องอี้ ข้าให้เจ้าพาเยียนเอ๋อร์กลับจวนเฉิงเซี่ยง อยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยง เจ้าดูแลเยียนเอ๋อร์เป็นอย่างดีไหม?”
พูดเสร็จ หนานหว่านเยียนรู้สึกถึงการสังหารพวยพุ่งขึ้นมาในอากาศทันที กระแสคลื่นมืดกระหน่ำจนหายใจไม่ออก…..
หนานชิงชิงอมยิ้มอย่างไร้ร่องรอย แท้จริงแล้วมีคมมีดซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้างดงามนั้น
จวนเฉิงเซี่ยง เป็นเส้นตายของกู้โม่หานมาตลอด
แล้วสายตากู้โม่หานก็หรี่ลง คลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก เงียบไม่พูดตอบ
หนานหว่านเยียนเห็นแบบนี้แล้ว จึงขยับไปบีบนวดไหล่ให้ไทเฮาอย่างออดอ้อน พร้อมพูดขึ้นว่า “เรียนเสด็จย่า ท่านอ๋องดูแลข้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
“วันนั้น หลานสะใภ้ดื่มเหล้า ท่านอ๋องอุ้มหลานสะใภ้กลับห้องด้วยตนเอง ยังเฝ้าดูแลทั้งคืน”
“อีกอย่าง เช้าวันที่สอง ท่านอ๋องเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลข้าเป็นอย่างดี จึงให้ฮูหยินของเฉิงเซี่ยงชดเชยสินสอดที่ควรเป็นของข้าให้กับข้า”
นางนวดไหล่ไปด้วย แอบส่งสายตาให้กู้โม่หานไปด้วย
รีบพูดช่วยด้วยสิ
หนานชิงชิงเห็นการกระทำของนาง กลับกลายเป็นเล่นหูเล่นตา
ใบหน้าของนางยังคงยิ้มแย้มอ่อนหวาน ในใจกลับอิจฉาจนเลือดซิบๆ
หนานหว่านเยียน ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้
นางไม่คู่ควรกับกู้โม่หานเลย หยุนอี่ว์โหรวก็ไม่คู่ควร
หากไม่ใช่เพราะตอนนั้น….
ดวงตาของนางสั่นไหวหบ แต่ความรู้สึกกลับซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ
ไทเฮาได้ยินคำตอบของหนานหว่านเยียน สายตาเป็นประกาย ผงกหัวอย่างพอใจมาก
“ไม่เลว ในฐานะที่อ๋องอี้เป็นภรรยา นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาควรทำ ข้าเห็นพวกเข้าสองคนรักกัน ก็วางใจแล้วไม่น้อย”
นางปัดมือหนานหว่านเยียนที่วางอยู่บนไหล่ของนาง บ่งบอกให้นางหยุด แล้วให้นางมานั่งด้านข้าง
กู้โม่หานหวนคิดถึงภาพคืนนั้น หัวใจกระสับกระส่ายอย่างบ้าคลั่งของเขา กับการกระทำที่ทำกับหนานหว่านเยียน เรียกว่าจูบก็ไม่ใช่ เรียกว่ากัดก็ไม่ใช่….
จูบ
กลิ่นแอลกอฮอล์ของผู้หญิงดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ยิ่งคิด ริมฝีปากของกู้โม่หานก็ยิ่งแดงระเรื่อ ร้อนผ่าวจนเขาค่อนข้างเขินอาย
เขาหลับตาลง พยายามระงับความไม่ชอบมาพากลภายในใจไว้ แล้วหันไปถามไทเฮว่า “ไม่ทราบว่าวันนี้ที่เสด็จย่าตามหลานกับหนาน….เยียนเอ๋อร์มา มีธุระอะไรหรือ?”
ไทเฮายิ้มหัวเราะอย่างลึกซึ้ง สายตาของนางจับจ้องมองตรงไปที่ทั้งคู่ เงียบอยู่นานสักพัก
รอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเหล่าไท่ไท่ หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานต่างไม่สบายใจ
ไทเฮามีแผนอะไรบางอย่างแน่
เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องอี้เมื่อหลายวันที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชายชู้ ล้วนไม่สามารถที่จะรอดพ้นหูพ้นตาของนางได้
ไทเฮาคิดว่า ล้วนเป็นเพราะกู้โม่หานยังดูแลหนานหว่านเยียนได้ไม่ดีพอ ดังนั้นจึงเกิดเรื่องในวันนี้
นางอยากช่วยคู่รักคู่นี้ให้สมหวัง ให้พวกเขาค้างคืน นอนอยู่ด้วยกันที่นี่
ยังไงหนานหว่านเยียนก็แต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องตั้งนานหลายปีแล้ว แม้แต่หนานชิงชิงยังมีลูกกับอ๋องเฉิงแล้ว นางกลับไม่มีอะไรเลย
ตอนนี้หยุนอี่ว์โหรวก็เข้าไปอยู่ในจวนอ๋องแล้ว สถานะหนานหว่านเยียนยิ่งลำบาก สิ่งที่หลานสะใภ้คนนี้ของนางไม่คิด นางล้วนคิดเผื่อนาง
“ข้าคิดถึงเยียนเอ๋อร์อย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเยียนเอ๋อร์ ตอนนี้ร่างกายของข้าคงไม่แข็งแรงขนาดนี้ ดังนั้น คืนนี้พวกเจ้าพักอยู่ในวัง เยียนเอ๋อร์จะได้อยู่เป็นเพื่อนข้านานหน่อย”
“อ๋องอี้เองก็อยู่ด้วย พรุ่งนี้ค่อยกลับจวนอ๋องไปพร้อมกับเยียนเอ๋อร์”
เพิ่งพูดเสร็จ สีหน้าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานต่างเปลี่ยนไปทันที
พักอยู่ที่นี่ งั้นก็ต้องนอนห้องเดียวกัน?