ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 158 ท่านอ๋องแพ้
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 158 ท่านอ๋องแพ้
แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
หนานชิงชิงมองดูกู้โม่หานแวบหนึ่ง นึกว่าเขาเป็นห่วงนาง จึงดีใจอย่างมาก วางตะเกียบลง พร้อมยิ้มพูดกับเขาว่า “ข้าเลินเล่อไปแล้ว ต้องโทษกุ้งนึ่งนี้หอมมากเลย จึงหยุดกินไม่ได้ ขอบคุณน้องหกที่เตือน”
กู้โม่หานมองดูนางอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”
หนานชิงชิงเจ็บปวดใจ จากนั้นก็อมยิ้ม หันไปมองหนานหว่านเยียน แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “เมื่อก่อนอยู่ในวัง ข้าเคยเห็นน้องหกแพ้เห็ดโดยบังเอิญ”
แพ้?
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว หันไปมองเห็ดโคนที่เมื่อกี้นางคีบให้กู้โม่หาน ยังนิ่งอยู่ในถ้วยของเขา แล้วก็มองดูสายตากู้โม่หาน ความเย็นชานั้น ราวกับโทษนางว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเลย
เชอะ
กู้โม่หานแพ้หรือไม่แพ้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
ถึงหนานหว่านเยียนจะไม่อยากสนใจหนานชิงชิง แต่ไทเฮามองดูอยู่ นางจึงคีบผักในถ้วยกู้โม่หากลับมา พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ข้าเกือบลืมไปเลยว่า ท่านอ๋องไม่ชอบทานเห็ด ชอบทานเนื้อ”
พูดเสร็จ นางก็คีบเนื้อตุ๋นน้ำแดงโยนใส่ถ้วยกู้โม่หาน
หนานชิงชิงยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่า “ใช่ น้องหกยังคงชอบทานเนื้อ เวลามีงานเลี้ยงในวัง ที่ไหนมีเนื้อก็จะตามหาเขาเจอที่นั่น”
นางอย่างสนิทสนมกัน ฟังดูไม่ละลาบละล้วง กลับรู้สึกได้ถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างอธิบายไม่ถูก
กู้โม่หานได้ยินแล้ว ก็ชายหางตาเหลือบมองดูหนานชิงชิงอย่างเยือกเย็น
คำพูดของหนานชิงชิง ทำไมฟังดูแปลก?
ตอนเป็นเด็กพวกเขาเคยสนิทสนมกันก็จริง เพราะเขาอยู่ในวังไม่มีเพื่อน หนานชิงชิงถือว่าเป็นเพื่อนคนแรกของเขา แต่ต่อมา….แตกย้ายเลิกคบกันไปนานแล้ว ทำไมจะต้องพูดขึ้นมาอีก
หนานหว่านเยียนคิ้วทานอาหารอยู่อย่างอร่อย พร้อมพูดกับหนานชิงชิงอย่างยิ้มแย้มว่า “ใช่ไหม? งั้นก็ดี”
ในใจนางกลับบ่นพึมพำว่า
เมื่อก่อนกู้โม่หานกับหนานชิงชิงสนิทกันมากหรือ? ทำไมถึงได้รู้เรื่องลับมากมายขนาดนี้?
ท่าทีหนานหว่านเยียนสามารถพูดได้ว่าเย็นชา ผู้หญิงคนอื่นแสดงความเอาใจใส่เขาแล้ว นางยังไม่สะทกสะท้านอะไรเลย กู้โม่หานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
เขาแอบยื่นมือไปหยิกเอวหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนเจ็บ จึงหันไปถลึงส่งสายตาดุใส่เขา ใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนพูดตำหนิขึ้นว่า “เจ้าทำอะไร?”
สีหน้าไทเฮาย่ำแย่อย่างที่สุด จนมือที่ถือตะเกียบอยู่สั่นเทา แต่หนานชิงชิงยังไม่มีวี่แววที่จะหุบปาก ยกจอกเหล้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า
“เหล้าจอกนี้ ข้าขอชนน้องหก น้องสาวไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
ถึงหนานหว่านเยียนจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ถูกกู้โม่หานหยิกหนึ่งที จึงไม่พอใจ นางกำลังจะอ้าปากพูด กู้โม่หานกลับพูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างห่างเหินว่า
“ดื่มเหล้าคงไม่ต้องแล้วล่ะ คืนนี้กลับไปข้ายังมีงานต้องทำ”
เขาพูดออกมาอย่างเยือกเย็น ไม่ไว้หน้าพระชายาเฉิงเลย สีหน้าหนานชิงชิงเปลี่ยนไป เหมือนถูกทำร้ายบาดเจ็บ
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารเย็นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งผสมกับความตึงเครียดเล็กน้อย
ในที่สุดไทเฮาก็อดทนไม่ไหว วางถ้วยตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง
นางไม่มีพอท่าทีเอ้อระเหยของหนานชิงชิงที่มีต่อกู้โม่หานกู้โม่เฟิงอย่างที่สุด น่ารังเกียจยิ่งกว่าหยุนอี่ว์โหรวคนนั้น
นางหันไปถามหลี่หมัวมัวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “อ๋องเฉิงล่ะ? ยังอยู่ในตำหนักฮองเฮาหรือ? ให้เขารีบมารับพระชายาเฉิงกลับจวน”
“เสี่ยวซื่อจือคงหิวแล้ว”
สายตาไทเฮาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ จับจ้องมองดูหนานชิงชิง
หนานชิงชิงก็รู้ตัว ลุกขึ้นถวายบังคมไทเฮา พร้อมพูดขึ้นว่า “เพคะ หลานสะใภ้จะกลับจวนเดี๋ยวนี้”
จากนั้น นางหันไปมองหนานหว่านเยียน พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาวจะกลับมาแล้ว น้องสาวจะไม่ไปส่งหน่อยหรือ?”
นางฉายขนตาสว่างสดใส ยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่ในใจกลับฆ่าหั่นหนานหว่านเยียนเป็นชิ้นๆแล้ว
หนานหว่านเยียนปรารถนาเช่นนั้นอยู่แล้ว
ยังไง นางยังต้องล้วงหาสาเหตุการตายของเจ้าของร่างเดิมจากหนานชิงชิง
หนานหว่านเยียนกำลังจะลุกไปส่ง เกิดขึ้นอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปพูดกับไทเฮาว่า “เสด็จย่า ค่ำมืดแล้ว เยียนเอ๋อร์กับท่านอ๋องก็ทานข้าวอิ่มแล้ว ขอกลับพร้อมกับพี่สาวเลย วันหลัง เยียนเอ๋อร์ค่อยเข้าวังมาเยี่ยมท่าน”
ตอนนี้กู้โม่หานดื่มยาไปแล้ว หากอยู่ต่อกับเขา คืนนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น
กู้โม่หานขมวดคิ้ว แต่ก็ลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จย่า หลานก็ขอตัวก่อน”
ไทเฮารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที แสดงสีหน้าบึ้งตึงใส่หลี่หมัวมัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าไปส่งทำไม? ให้หลี่หมัวมัวไปก็พอ ข้ายังอยากคุยกับเยียนเอ๋อร์ พวกเจ้านั่งลง”
กู้โม่หานดื่มยาลงไปแล้ว หากเขากลับไป เขากับเยียนเอ๋อร์จะมีลูกได้อย่างไร
หลี่หมัวมัวรับคำสั่ง กำลังจะไปส่ง ก็ได้ยินองครักษ์ด้านนอกพูดขึ้นว่า “อ๋องเฉิงเสด็จ”
คนที่อยู่ต่างใจเต้นกระตุก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อน
กู้โม่เฟิงก้าวเดินเข้ามา เข้าประตูมาก็เห็นหนานชิงชิงลุกขึ้นมาเหมือนจะกลับเพียงลำพัง จึงขมวดคิ้วพร้อมดึงนางมาพูดขึ้นว่า “ทำไมจะไปแล้วหรือ?”
หนานชิงชิงไม่ใช่คนอ่อนแอเหมือนอย่างหยุนอี่ว์โหรว นางเพียงยิ้มบางเบา พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เสด็จย่าไทเฮาบอกว่าค่ำแล้ว กลัวแม่นมในจวนดูแลหลินเอ๋อร์ได้ไม่ดี ให้ข้ากลับไปดูแล”
หลินเอ๋อร์เป็นชื่อเล่นของลูกพวกเขา กู้โม่เฟิงได้ยินแบบนี้แล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วย่น รีบหันไปมองดูกู้โม่หานสองสามารถภรรยาที่กำลังทำตัวตายสบายทันที
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ต้องเป็นเพราะไทเฮาไม่พอใจหนานชิงชิง คิดอยากที่จะไล่นางกลับ
ไทเฮาปวดหัวกับภาพเหตุการณ์แบบนี้ที่สุด โดยเฉพาะหนานชิงชิงแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างหลานสองคนนาง จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมอ๋องเฉิงมาค่ำขนาดนี้? ไปหาฮองเฮาก็ไม่รู้จักพาพระชายาเฉิงไปด้วย ทำไม เห็นข้าเป็นที่ฝากคนว่างหรือ?”
นางพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม ทำให้กู้โม่เฟิงรู้สึกอัดอั้นใจ
เขารู้ว่าปกติไทเฮารักและเข้าข้างกู้โม่หานที่สุด ส่วนกับเขานั้นค่อนข้างที่จะลำเอียง
เขาอดกลั้นความโกรธไว้ ก้มหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่หลานมาช้าไป เพราะคุยกับเสด็จเพลินไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าฟ้ามืดแล้ว ขอเสด็จย่าโปรดอภัย”
จากนั้น เขาก็หันไปพูดกับกู้โม่หานด้วยสีหน้าเหน็บแนมว่า “แต่เดิมข้าคิดว่าตอนนี้น้องหกเป็นที่น่าเกรงขามแล้ว น่าจะไปยังค่ายทหารบ่อยๆ คิดไม่ถึงว่ายังมีแก่ใจคิดถึงเสด็จย่า”
เขารู้ว่าวันนี้กู้โม่หานไปยังค่ายเสินเชื่อ และก็รู้ว่าหนานหว่านเยียนช่วยเสิ่นจวินไว้ได้แล้ว แต่หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เขาก็จะไม่เชื่อ
อยากให้เขายอมอ่อนข้อ? ฝันไปเถอะ
หนานชิงชิงยืนอยู่ข้างกายเขา ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นมาว่า
“ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว เสด็จย่าเป็นคนเรียกน้องหกกับน้องสาวมาเอง คงเพราะว่างไม่มีอะไรทำจึงเข้าวังมา”
สองสามีภรรยาพูดเข้ากันได้ดี เพื่อต้องการฉีกหน้าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน
กู้โม่หานไม่ยอมแพ้ หันไปมองกู้โม่เฟิงด้วยสายตาเฉียบคม พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วงหลายวันนี้ ข้าจัดการงานในค่ายทหารอย่างยุ่งมากจริงๆ หากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉิงก่อเรื่องไว้ พวกทหารล้วนต่างกำลังฝึกฝน ข้าก็ไม่ต้องมาคอยเช็ดก้นให้กับอ๋องเฉิง”
“คนที่ควรไปยังค่ายทหารที่สุดคือเจ้า เจ้าไม่เพียงไม่ขอโทษยังไม่ทำอะไรเลย ยังมีเวลาว่างเข้าวังมาดื่มชากับเสด็จแม่?”
หลังจากเกิดเรื่องที่จวนค่ายทหาร กู้โม่หานก็ไม่สามารถหลับหูหลับตา เขารับไม่ได้กับนิสัยแย่ๆของกู้โม่เฟิง ไม่มีความรักและเมตตาต่อทหารเลย คู่ควรที่จะเป็นแม่ทัพได้อย่างไร?
“เจ้า” กู้โม่หานโกรธจัด รูม่านตาตีบลง พร้อมพูดขึ้นว่า “แค่พวกคนชอบใช้กำลัง อยากได้คำขอโทษจากข้า ต้องดูก่อนว่าพวกเขาคู่ควรไหม”
สายตาเขาเย็นชา ยิ้มมองดูหนานหว่านเยียนอย่างชั่วร้าย
“ยังมีเจ้า อย่าคิดว่าเจ้าช่วยคนแล้วจะได้ใจคิดว่าเก่ง ในฐานะที่เป็นผู้หญิงกลับทำตัวไม่เหมือนผู้หญิง ไม่แลดูสง่างาม”