ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 162 เจ้าคือพระชายาของข้า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 162 เจ้าคือพระชายาของข้า
“เรากำหนดเขตแดนกันชัดเจนแล้ว หากเจ้าเข้ามาอีกจะข้ามเส้นแล้วนะ!”
กู้โม่หานชะงักฝีเท้า หลุดปากออกมา “ข้าไม่ค่อยสบาย…”
พอพูดจบ คิ้วปลายงอนของชายผู้นี้ก็ขมวดขึ้น รู้สึกหงุดหงิด
อันที่จริงเขาอยากถามว่า หนานหว่านเยียนมีวิชาแพทย์ที่ดีเช่นนี้ มีวิธีใดที่สามารถช่วยเขาได้บ้าง แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลับกลายเป็นการแสดงความอ่อนแอออกมา
นั่นไม่ใช่ลักษณะของเขาเลย
เขาไม่สบายหรือ?
ฮ่า
หนานหว่านเยียนไม่เห็นใจแม้แต่น้อย เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เจ้าใจร้อน กินของที่ไม่ควรกินเข้าไป”
น้ำแกงถ้วยนั้น นางเอ่ยปากห้ามไว้ไม่ทัน กู้โม่หานดื่มรวดเดียวหมดเกลี้ยง!
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไทเฮาคิดไม่ซื่อ ก็ควรระวังตัวไว้ มิฉะนั้นก็ต้องจบลงเช่นนี้
แต่นางไม่รู้ว่า ตอนนั้นในหัวของกู้โม่หานได้แต่คิดวนเวียนถึงตอนที่สัมผัสใกล้ชิดกับนางในจวนเฉิงเซี่ยงอยู่ตลอดเวลา เขาคอแห้งกระหายน้ำมาก ถึงได้ดื่มน้ำแกงหมดอย่างรวดเร็วแบบนั้น
แต่เรื่องแบบนี้ กู้โม่หานก็พูดไม่ได้ เขาเองไม่ได้ตระหนักในจุดนี้เลย
เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนตำหนิเขาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา แม้ว่าความผิดปกติของร่างกายจะทำให้เขาอึดอัด แต่ก็ยังขึ้นเสียง
“ถึงข้าจะกินของที่ไม่ควรกิน ก็ไม่มีทางคิดอะไรกับเจ้า แค่เมื่อครู่เจ้ารินน้ำชา ข้ารู้สึกกระหายน้ำ อยากจะเข้ามาดื่ม มันไม่สบายตัว”
อืม เท่านี้เอง
เขาจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างไร ยิ่งเป็นหนานหว่านเยียนด้วยแล้ว
หนานหว่านเยียนกัดฟันกรอด “เจ้าอย่ายกยอตัวเองให้มากนัก รูปร่างอย่างเจ้านี่ข้าไม่เสียดายหรอก ผู้ชายที่ดีกว่าเจ้ายังมีอีกมากมาย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไฟโทสะของกู้โม่หานก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า
เขาไม่ได้คิดจะมีอะไรกับหนานหว่านเยียนตั้งแต่แรก แต่สตรีผู้นี้พูดจาไม่ให้เกียรติ ไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่อเขาเลยแม้แต่นิด ทำให้เขาโกรธจัด
กู้โม่หานสาวเท้าพุ่งปราดเข้าไปหานาง โน้มตัวจับบั้นเอวของนางไว้ “ไหนเจ้าพูดอีกครั้งซิ?”
หนานหว่านเยียนพันผ้าห่ม กลิ่นอายของบุรุษโชยปะทะจมูกตลอดเวลา
“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ? คางคกสามขานั้นหายาก หรือว่าบุรุษสองขาก็หายาก?”
จะอย่างไร ก็ดีกว่าผู้ชายใช้ความรุนแรงในบ้านจริงไหม?
ความคิดร้อยพันที่กู้โม่หานพยายามข่มเอาไว้เมื่อครู่ ในชั่วพริบตาที่เขาได้สัมผัสผิวเย็นนุ่มของหญิงสาว ก็พุ่งทะลักออกมาราวกับน้ำหลาก
แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของนาง ใบหน้าที่หล่อเหลาก็มืดมนทันที กัดฟันกรอดเอ่ยด้วยความโกรธ “หนานหว่านเยียน เหตุใดเจ้าถึงหิวกระหายเช่นนั้น โหยหาจะออกไปหาผู้ชายข้างนอกตลอดเวลา?!”
เขาเป็นถึงเทพสงคราม เอาไปเทียบเคียงกับพวกบุรุษข้างนอกที่หาได้ทุกเมื่อได้หรือ?!
เขาคว้าข้อมือของหนานหว่านเยียน ออกแรงดึงนางลงมาคร่อมไว้ ผ้าห่มที่คลุมไว้แน่นเลื่อนลงมาทันที เผยให้เห็นหัวไหล่สะโอดสะองขาวผุดผ่องดุจหิมะของหญิงสาว
ความขาวนวลเข้าสู่ม่านตาทันที สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปโดยพลัน ลมหายใจถี่กระชั้น
หนานหว่านเยียนตกใจกับการกระทำของเขา ดูท่าฤทธิ์ยาจะแรงไม่น้อย นางไม่อาจพูดคุยไร้สาระกับเขาอีกต่อไป อยากจะควานหาหม้อมาทุบให้สลบ แต่ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าหม้อนั้นถูกวางไว้ในจวนอ๋องเพื่อหุงต้มอาหารแล้ว
นางแอบพึมพำว่าบัดซบ แต่เมื่อเชยตาขึ้นก็ประสานกับดวงตาดำขลับลุ่มลึกของกู้โม่หานอย่างไม่คาดคิด
สายตาของเขาดูแปลกพิกล!
นางต้องการผลักเขาออกไป พลันตะโกนด้วยความโมโห “กู้โม่หาน เจ้าปล่อยข้านะ! เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าไม่มีทางแตะต้องตัวข้าเด็ดขาด! ชายที่บิดพลิ้ว ยังถือว่าเป็นชายอยู่อีกหรือ?!”
นิ้วมือข้างซ้ายทั้งห้าของกู้โม่หานจับกรามของหนานหว่านเยียนไว้แน่น ให้นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ได้ปะทะใบหน้าของหนานหว่านเยียนอย่างไม่หยุดยั้ง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปาก เกรี้ยวกราดข่มขวัญยิ่งนัก
“หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นพระชายาของข้า ข้าเป็นชายหรือเปล่าเจ้าไม่รู้หรือ? สงสัยการเข้าห้องหอเมื่อห้าปีก่อนจะรีบร้อนไปหน่อย ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า ข้าเป็นชายแค่ไหน!”
ไม่นึกเลยว่าจะพูดจาเช่นนี้ออกมาได้ ไทเฮาวางยาแค่ไหนมาให้กันนี่?!
หนานหว่านเยียนนึกด่าอยู่ในใจ ก่อนจะเริ่มด่ากู้โม่หานชายชั่วผู้นี้อีกครั้ง มักมากไม่รู้จักพอ มีหยุนอี่ว์โหรวอยู่ก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังกล้าคิดหมายปองตัวนางอย่างเปิดเผยอีกหรือ?
เพ้อเจ้อจริงๆ!
บังเอิญมือของนางถูกเขาจับไว้แน่น ไม่สามารถไขว่คว้าหาสิ่งใดได้
นางจ้องเขม็ง กล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้โม่หาน เจ้าอย่าลืมนะ ในจวนอ๋องยังมีหยุนอี่ว์โหรวกำลังรอเจ้าอยู่อีกคน หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า กลับไปจะชี้แจงให้นางฟังยังไง?!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้โม่หานก็หยุดการกระทำโดยพลัน
เมื่อเห็นว่าได้ผล หนานหว่านเยียนจึงพูดเป็นน้ำไหลไฟดับทันที “กู้โม่หาน พวกเจ้าเป็นคู่ชีวิตที่เฝ้ารออย่างยากลำบากมาห้าปีแล้ว อย่าหน้ามืดตามัวเด็ดขาด!”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะรักษาอาการป่วยให้เจ้า รับประกันว่าเจ้าจะดีขึ้น ส่วนเรื่องไทเฮา เราสามารถเล่นละครตบตาเอาหน้ารอดไปก่อนได้ เจ้าไม่ใช่คนโง่ ควรรู้ว่าต้องทำยังไง จะฝืนตัวเองไปทำไมกันล่ะ? จริงไหม?”
กู้โม่หานแววตาโหดเหี้ยมอำมหิต เหมือนโดนคำพูดของหนานหว่านเยียนตอกหน้าหงายจนเถียงไม่ออก แต่ไม่รู้ทำไม นางยิ่งต่อต้านเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องการลงทัณฑ์นาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่านางคิดจะไปหาผู้ชายข้างนอก ไฟชั่วร้ายในจิตใจก็ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา!
“เล่นละครตบตาหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้าเล่นละครเก่งเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะกลอุบายพวกนั้นของเจ้า ไทเฮาคงไม่ถือหางเจ้า ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างในวันนี้แน่! หนานหว่านเยียน ทุกอย่างที่ข้าทำกับเจ้าในวันนี้ มันคือผลกรรมของเจ้าเอง!”
ความปรารถนาในชัยชนะและการครอบครองอันน่าประหลาดทวีขึ้นในเวลาเดียวกัน กู้โม่หานไม่เพียงไม่ปล่อยมือ แต่กลับยิ่งออกแรงมากขึ้น ถึงกับยื่นมือออกไปฉีกเสื้อผ้าของนางออก
กระดูกไหปลาร้าอันงดงามเผยออกมา ในชั่วพริบตานั้น ดวงตาของชายผู้นี้ได้กลายสีแดงฉานอึมครึม
เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป พลันก้มหน้าลงจุมพิตอย่างหนักหน่วงที่ริมฝีปากของนาง…