ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 180 กู้โม่หาน ข้าไม่ชอบเจ้า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 180 กู้โม่หาน ข้าไม่ชอบเจ้า
ตอนนั้นครั้งแรกที่เขาเหยียบเข้าไปที่เรือนเซียงหลินนั้น หนานหว่านเยียนก็ล้วงอาวุธแปลก ๆ มากมายออกมาให้เด็กหญิงทั้งสอง แล้วทั้งสาดน้ำใส่และทั้งเคาะหัวเขา
แล้วของที่ปรากฏออกมาในตอนหลัง เป็นของที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่ก็เป็นของที่มีอานุภาพสูง ไม่ก็เป็นของที่สามารถช่วยชีวิตคนได้ แม้แต่คนที่มีกำลังภายในสูงส่งอย่างเขาก็ยังพลาดท่าได้
ทำอะไรกับของที่อยู่ในมือนางไม่ได้เลยสักอย่าง
สายตาของหนานหว่านเยียนเหล่มองเขาไปทีหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีทางอธิบายอยู่แล้วว่าเข็มฉีดยาของนางคือของอะไร ส่วนสิ่งที่นางฉีดใส่เขานั้น คือยาชา และเพิ่มพิษเข้าไปอีกหน่อย
ไม่ว่าจะฉีดใส่ใคร ขอแค่เขากล้าทำอะไรไม่ดี หัวใจก็จะเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง! ไม่สามารถตายได้ แต่จะเจ็บปวดมาก ภายในห้าวันไม่มีทางหาย!
“ของพวกนี้เจ้าเคยเห็นมาก่อนไหม กู้โม่หาน ข้าจะฆ่าเจ้านั้นเป็นแค่เรื่องไม่กี่นาที ถ้าเจ้ายังมายั่วยุข้าไม่หยุดอีก ชีวิตอาจจะยังอยู่ แต่ร่างกาย ไม่แน่ว่าจะเป็นยังไง!”
ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงเด็กหญิงทั้งสองคนยังมีทัศนคติที่ไม่แน่นอน นางที่เป็นแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ คนพวกนี้คงได้กลายเป็นปุ๋ยผงในมือนางไปแล้ว
กู้โม่หานรู้สึกตกตะลึง เขาจ้องมองหนานหว่านเยียน ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมลง แววตาโหดเหี้ยมมืดมน แต่ร่างกายกลับออกแรงอะไรไม่ได้เลย แถมยังตัวชาไปทั้งตัว ชามากจริง ๆ รู้สึกเจ็บปวดมาก
“หนานหว่านเยียน เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าหรอก”
หนานหว่านเยียนใบหน้าบึ้งตึง “เจ้าพูดคำพูดไร้สาระอะไร ทำไมข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า?”
กู้โม่หานจ้องมองไปที่นางด้วยสายตาแหลมคม “อย่างแรก ข้าเป็นเทพสงคราม ถ้าข้าตายไป เทพสงครามแห่งแคว้นซีเหย่ล้มลง ความรับผิดชอบจะต้องมาตกอยู่ที่ตัวเจ้า เจ้า จะต้องถูกคนทุกคนมาตามฆ่า”
หนานหว่านเยียนยิ้มเย็นขึ้น “แบบนั้นแล้วยังไง? ข้าหลบหนีไม่เป็นหรือไง?”
“แล้วอีกอย่าง เทพสงครามอย่างเจ้าตอนนี้ยังมีคนเชื่อใจอีกเท่าไหร่? พอออกมาจากค่ายเสินเชื่อแล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าเข้าเป็นแค่ท่านอ๋องที่ถูกกู้โม่เฟิงกดขี่อยู่? ไม่มีความสามารถอะไรเลยสักนิด!”
คำพูดของนางราวกับเป็นมีด ทิ่มลงไปที่ความเจ็บปวดในใจกู้โม่หานอย่างไร้เยื่อใย
แต่นางไม่รู้ กู้โม่หานไม่ใช่ไม่แย่งชิง เพียงแต่ว่าเขาโกรธเกลียดจวนเฉิงเซี่ยงมาตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ เป้าหมายเดียวของเขาก็คือจะให้ตระกูลหนานนองเลือด
กู้โม่เฟิงคือหินขวางทางบนถนนเส้นนี้ของเขา แต่ยังไม่ถึงขั้นที่เขาต้องลงมือทำอะไรเขา
ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องมองไปที่นางนิ่ง น้ำเสียงฟังดูเยาะเย้ยมากกว่านางซะอีก “ข้าคือเทพสงคราม เจ้านึกว่าชื่อนี้ได้มาจากอะไร? ถ้าข้าอยากฆ่าเจ้า มันจะง่ายราวกับพลิกฝ่ามือเลย มองไปทั่วแคว้นซีเหย่ ยังไม่มีใครเป็นคู่ปรับของข้าได้หรอก!”
“และที่สำคัญหนานหว่านเยียน เจ้าเป็นมารดา ต้องห้ามล้มลงเด็ดขาด เพราะเจ้าต้องเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสอง จะต้องจัดแจงชีวิตไว้ให้พวกนาง ถ้าฆ่าข้าไป เจ้าและเด็กทั้งสอง ล้วนต้องตายกันไปหมด!”
คำพูดที่นางเคยพูดไว้ เขาจำได้อย่างแม่นยำ
พอหนานหว่านเยียนได้ยินเช่นนี้ ดวงตาที่สวยงามก็เย็นขรึมลงไปหลายส่วน
แน่นอน นางเป็นแม่คน ของที่ต้องให้ลูกสาวทั้งมีมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก นางยังต้องมาขอหย่าอย่างจริงจัง แล้วค่อยไปจากที่เฮงซวยนี่อีกเหรอ?
คงจะพาลูกทั้งสองของนางหลบหนีไปนานแล้ว!
แต่ว่าแผ่นดินทั่วหล้าเป็นของราชา ฐานะของเจ้าของร่างเดิมก็พิเศษมาก มักจะถูกคนมาตามฆ่าอยู่ตลอด การหลบหนีจึงเป็นวิธีการที่โง่และไม่สมเหตุสมผลที่สุด
แต่นางก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อ นางไม่อยากยอมรับ ว่าในเรื่องนี้ กู้โม่หานได้มองนางทะลุปรุโปร่งแล้วจริง ๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่า มาวันนี้ความสามารถในการพูดจาไร้สาระของท่านอ๋อง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเก่งกาจแล้ว”
ท่าทีของกู้โม่หานไม่เปลี่ยน ถึงจะรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว แต่หัวคิ้วของเขาก็ไม่ขมวดขึ้นมาสักนิด เมื่อกี้ได้ยินหนานหว่านเยียนพูดมาแบบนี้ จิตใจเย็นวาบไปครู่หนึ่งจริง ๆ
เพราะว่าตอนนี้หนานหว่านเยียนมีความสามารถแบบนั้นจริง ๆ ที่สำคัญก็มองเห็นได้เลยว่ายิ่งอยู่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น จนค่อย ๆ เหนือขอบเขตการขวบคุมของเขาแล้ว
แต่ถึงนางจะมีความสามารถนี้แล้วจริง ๆ ก็ไม่กล้าแตะต้องเขาหรอก
เขาจ้องมองหนานหว่านเยียนไปนิ่ง ๆ แบบนี้ เรียวปากบางขยับเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นจนทำให้คนหวาดกลัว
“ข้าไม่ได้พูดจาไปเรื่อย ในใจเข้าชัดเจนดี ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ในเมื่อเจ้ามีความสามารถมากขนาดนี้ ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นแสดงออกมาเลย? หลายปีมานี้ต้องคอยเสแสร้งแกล้งทำอย่างยากลำบาก แถมยังปิดบังข้าไว้แล้วมาหลอกจนหัวหมุน เป้าหมายของเจ้าคืออะไรกันแน่”
นางไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำมาก่อนเลยนะ เมื่อห้าปีก่อนเจ้าของร่างเดิมนั้นน่าอนาถจริง ๆ แต่ห้าปีมานี้ นางก็แค่เก็บกดความสามารถไว้นิดหน่อยเท่านั้น
“ข้าจะเป็นยังไง ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า” หนานหว่านเยียนกวาดตามองกู้โม่หานอย่างเย็นชา แล้วเบี่ยงตัวไป เอานิ้วมือชี้ไปที่หัวใจของเขาอย่างแรง
“เจ้าอย่ามาเปลืองแรงกับตัวข้ามากนัก ข้าไม่ได้ชอบเจ้าเลย ที่ผ่านมาเพราะข้าตาบอดไปเอง ตอนนี้ตาข้าใช้การได้ดีหมดแล้ว ไม่มีทางชอบคนที่น่าเกลียดน่ากลัวแบบเจ้าหรอก”
“เข้ามาใกล้ข้าอีก จะทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าชอบข้า คิดถึงข้าหรือเปล่า มันทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียน อยากอวก”
“หนานหว่านเยียน เจ้าโอหังเกินไปแล้วนะ!” ไฟโกรธของกู้โม่หานพุ่งขึ้นสู่สมองทันที ใบหน้าหล่อเหลามืดครึ้มราวกับก้นหม้อ มือใหญ่ก็มาจับข้อมือนางไว้ แล้วดึงนางเจ้ามาเข้ามาในอกอย่างแรง
ในขณะเดียวกัน อยู่ ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนฉีกขาดขึ้นมาอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ว่าทำไม…….