ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 218 ข้าจะดีกับเจ้า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 218 ข้าจะดีกับเจ้า
หนานหว่านเยียนเดินออกจากห้อง ถอดเสื้อคลุมออกจากผ่าเผย แล้วโยนเสื้อคลุมเปื้อนเลือดลงไปในพงหญ้าของเรือนจู๋หลาน
“ต้องแยกแยะขยะ รวบรวมสิ่งสกปรกทั้งหมดไว้เป็นที่เดียวกัน”
พูดจบ นางก็มองไปที่เสิ่นอี่ว์ “ถอดเสื้อผ้าของเจ้าซะ”
เสิ่นอี่ว์กลืนน้ำลาย อกสั่นขวัญหาย “พระชายา ไม่ค่อยดีหรอกพ่ะย่ะค่ะ…ท่านอ๋องยังมองอยู่…”
“ทำไมเจ้าลีลาจัง” หนานหว่านเยียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่แขน ยื่นมือเข้าไปถอดเสื้อผ้าให้เสิ่นอี่ว์ “ตอนนี้เจ้าคือคนของข้า ต้องฟังคำสั่งข้า เอาเสื้อคลุมให้ข้า!”
นางต้องการเสื้อคลุมของเสิ่นอี่ว์ แต่ก็กลัวเด็กหญิงทั้งสองจะเห็นแผลที่แขนของนาง นางไม่สามารถเอาร่างกายโชกเลือดกลับไปได้ เด็กหญิงทั้งสองจะเป็นห่วง
เสิ่นอี่ว์รีบถอยหลัง ถอดเสื้อคลุมยื่นให้หนานหว่านเยียนเองอย่างมีสติ “ให้ท่าน หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจ”
หนานหว่านเยียนไม่แม้แต่จะมอง รับมาคลุมตัวเอง ปกปิดบาดแผลที่แขน แล้วเดินนำเสิ่นอี่ว์ออกไป
ภาพนี้ กู้โม่หานที่อยู่ในห้องมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าอันหล่อเหลามืดมนลง
เขาพอจะเดาได้ว่าหนานหว่านเยียนทำแบบนี้เพื่อเด็กหญิงทั้งสอง
แต่มันก็เหมือนหนามทิ่มแทงหัวใจของเขา ภาพในหอเซิงหนานกระโดดเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างฉับพลัน
ทั้งๆ ที่หนานหว่านเยียนรังเกียจเสื้อผ้าของเขามาก จนไม่อยากจะสัมผัส แต่ตอนนี้เป็นเสื้อผ้าของเสิ่นอี่ว์ นางกลับสวมใส่โดยไม่ลังเล
เขามีอะไรไม่ดีกันแน่?
ถึงทำให้หนานหว่านเยียนรังเกียจมากถึงเพียงนี้!
หมอหลวงหลี่มองกู้โม่หานเดี๋ยวก็หน้าบึ้งเดี๋ยวก็หน้าซีดด้วยความลำบากใจ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง ถอยกลับไปยังจุดเดิมอย่างเงียบๆ
ช่างมันเถอะ เรื่องภายในจวนอ๋อง เขาไม่ควรมาเกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้หมอหลวงเจียงก็เคยพูดกับเขาว่า วิชาแพทย์ของหนานหว่านเยียนล้ำเลิศ พระชายาจึงไม่จำเป็นต้องให้เขามารักษา…
หยุนอี่ว์โหรวกัดฟันอยู่ข้างหลังกู้โม่หาน ดวงตาอันแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือด
นางเกลียดจนจะตายอยู่แล้ว!
ทั้งๆ ที่นังสารเลวหนานหว่านเยียนรู้วิชาแพทย์! แต่ตอนนี้กู้โม่หานทิ้งนางที่หายใจรวยรินไว้ ให้หมอหลวงหลี่ไปดูอาการหนานหว่านเยียนก่อน?!
ของหนานหว่านเยียนก็แค่แผลเล็กๆ แต่ตอนนี้นางเลือดไหลนองจะตายแหล่มิตายแหล่ ก็ไม่เห็นกู้โม่หานจะร้อนใจอะไร!
สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือ หนานหว่านเยียนกล้าดียังไงถึงหยิ่งผยองขนาดนี้ กล้าดียังไงถึงปฏิเสธความหวังดีของกู้โม่หาน?!
นางเกลียดและยิ่งหงุดหงิดว่าทำไมตัวเองถึงมอบหมายเรื่องใหญ่อย่างการกำจัดหนานหว่านเยียนให้ไอ้เศษสวะหยุนโม่หรานไปจัดการ!
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ พลังชีวิตของหยุนอี่ว์โหรวได้รับความเสียหายอย่างมาก
หยุนอี่ว์โหรวปวดท้องอย่างรุนแรง จนน้ำตาแทบไหล นางกัดฟันพูดกับกู้โม่หานว่า “ในเมื่อท่านอ๋องเป็นห่วงพระชายา เช่นนั้นท่านก็ไปดูเถอะ”
“บาดแผลของพระชายาก็ไม่ใช่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว โหรวเอ๋อร์มีหมอหลวงหลี่ก็พอแล้ว อันที่จริงพระชายาก็พูดถูก โหรวเอ๋อร์เป็นเพียงสนม ย่อมไม่อาจสู้พระชายาอันสูงศักดิ์ควรค่าแก่การห่วงใยของท่านอ๋อง…”
“หลายปีมานี้ โหรวเอ๋อร์ก็อยู่คนเดียวเช่นนี้มาโดยตลอด ชินเสียแล้ว ไม่เป็นไรหรอกเพคะ”
คำพูดหนึ่ง แอบแฝงความนัยบางอย่าง
ทันใดนั้นความสนใจของกู้โม่หานก็ถูกดึงกลับมา เดิมทียังมีความคิดที่จะไปหาหนานหว่านเยียน แต่ตอนนี้จิตใจได้ดำดิ่งลง
เขามองไปทางหยุนอี่ว์โหรว นางรู้สึกคับข้องใจมาก อำนาจจัดการจวนก็ถูกแย่งชิงไป ยังถูกหนานหว่านเยียนเล่นงานอีกครั้ง
เดิมทีก็รู้สึกไม่สบายกาย ในเวลานี้ใบหน้ายิ่งไม่มีสีเลือด
“เจ้าอย่าคิดมากไป ข้าไม่ได้เห็นความสำคัญเจ้าน้อยลง หนานหว่านเยียนเข้าไปในวังพร้อมข้า แต่ข้าไม่ได้กลับจวนพร้อมกับนาง จึงทำให้นางถูกลอบสังหารได้รับบาดเจ็บ มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะอยู่ดูแลนาง”
“งั้นเหรอ?” หยุนอี่ว์โหรวกลับยิ้มเยาะกับตัวเอง เหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย จ้องมองกู้โม่หานน้ำตาคลอ “ท่านอ๋องคิดเช่นนั้นจริงเหรอ?”
“อันที่จริงโหรวเอ๋อร์ก็เข้าใจเช่นกัน สุดท้ายแล้วท่านอ๋องกับพระชายาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันครั้งแรก อยู่ด้วยกันมานาน ความรักใคร่ชอบพอเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น การที่ท่านอ๋องเป็นห่วงพระชายามันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“โหรวเอ๋อร์อดคิดไม่ได้ว่า ท่านอ๋องยังรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับโหรวเอ๋อร์ได้อยู่หรือไม่? หรือเป็นเพราะพระชายารักษาเสด็จแม่จนหายดี ท่านก็ไม่เคียดแค้นพระชายาอีกต่อไป ยินดีที่จะจับมือเผชิญหน้ากับพระชายา ไม่คิดถึงเรื่องราวความแค้นฝังลึกเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้ไป จะตั้งใจทำดีกับพระชายา?
แม้ว่าจะพูดไปเช่นนั้น แต่นางก็ไม่เชื่อว่า กู้โม่หานจะสามารถปล่อยวางความเกลียดชังที่มีมาอย่างยาวนานได้
หนานหว่านเยียนกับเขา ถูกกำหนดด้วยเส้นทางต่างกัน ไม่สามารถข้ามแดนมารวมกันได้
ตามที่คาดไว้ เมื่อกู้โม่หานได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็มืดมนลงทันที เสด็จแม่กลายเป็นคนผัก เขาจะยอมปล่อยวางความเกลียดชังนี้ไปได้อย่างไร! หากปล่อยไป จะกล้าสู้หน้าเสด็จแม่ได้อย่างไร?
“ความเคียดแค้นชิงชังอย่างลึกซึ้งที่มีต่อจวนเฉิงเซี่ยง ข้าย่อมไม่มีวันลืม ส่วนหนานหว่านเยียนนั้น…”
หยุนอี่ว์โหรวกำหมัดแน่น ใบหน้าซีดเซียว เบือนหน้าหนีจากกู้โม่หาน
“ท่านอ๋อง อย่าได้ลำบากใจเลย โหรวเอ๋อร์ไม่ใช่คนใจแคบ ขอเพียงท่านอ๋องรักพระชายาด้วยใจจริง มีความสุขอยู่กับพระชายาด้วยใจจริง โหรวเอ๋อร์สามารถถอยออกมาได้”
“ขอเพียงทำเพื่อท่านอ๋องและพระชายา โหรวเอ๋อร์ สิ่งที่ไม่มีค่านี้ ยินดีเสียสละตัวเอง”
พูดจบนางก็ยิ้มเยาะให้กับตัวเองอย่างเย็นชา ทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันถอนหายใจ
หมอหลวงหลี่ที่อยู่ทางด้านหนึ่งเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าเสแสร้ง พระชายารองหยุนผู้นี้จะมองอย่างไรก็สู้พระชายาไม่ได้
อ่อนแอ ขี้อิจฉาริษยา เทียบไม่ได้กับพระชายาที่เฉียบขาดรวดเร็ว รู้จักผ่อนยาวผ่อนสั้น
นอกจากนี้ ว่ากันว่าท่านอ๋องโปรดปรานพระชายารองมาก แต่เขามักจะรู้สึกถึงความเอาใจใส่ แต่ไม่มีความรักความห่วงใยใดๆ
อย่างน้อย สายตาของท่านอ๋องก็ถูกพระชายาดึงดูดมาโดยตลอด อารมณ์ก็ถูกชักจูงโดยพระชายาเช่นกัน…
เชี่ยนปี้ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ได้แต่มองเฉยๆ
กู้โม่หานมองหยุนอี่ว์โหรวที่มีท่าทีเยาะเย้ยตัวเอง ในใจก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ตระกูลหนานกับเขาอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ แม้ว่าหนานหว่านเยียนจะช่วยชีวิตเสด็จแม่ไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความแค้นระหว่างพวกเขาจะลบล้างได้ อย่างมากที่สุดก็ไม่ทำอะไรนาง แต่…จะไม่มีวันรักนาง!
เขาไม่ควรทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่หนานหว่านเยียน แล้วเพิกเฉยต่อหยุนอี่ว์โหรวที่ต้องการคนมาดูแลให้มากกว่านี้
นอกจากนี้ นางหลงรักรอคอยเขามาห้าปีแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องความรู้สึกหรือเหตุผล เขาก็ควรจะดีกับนาง
“มันเป็นความผิดของข้าเอง หลายวันมานี้ข้าละเลยความรู้สึกของเจ้า”
กู้โม่หานมองดวงตาของหยุนอี่ว์โหรวอย่างไม่ละสายตา เม้มริมฝีปากแน่น คอยเตือนตัวเองไม่หยุด “ต่อไปนี้ข้าจะดีกับเจ้าให้มากขึ้น เจ้าไม่ต้องกังวล…”