ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 23 หนานหว่านเยียน อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 23 หนานหว่านเยียน อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ
เขานึกถึง “ผลงานอันยอดเยี่ยม” ที่สองพี่น้องวางลงตรงหน้าเขาเมื่อวาน และก้าวเข้าไปหาเจ้าเกี๊ยวน้อย
เมื่อเห็นกู้โม่หาน เหล่าคนรับใช้ก็พากันคำนับและกล่าวทักทายด้วยความเคารพ
เจ้าคนใจร้ายมาแล้ว!
ดวงตากลมโตของเจ้าเกี๊ยวน้อยหมุนติ้ว นางหันหน้าไป ดวงตากลมโตอันไร้เดียงสาเผชิญหน้ากับท่าทางที่ไม่เป็นมิตรของกู้โม่หาน แต่นางไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
นางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ตอนนี้ท่านแม่ยังไม่ตื่น ท่ายลุงมีเรื่องอะไรหรือไม่?”
พูดจบนางก็เอียงหัวและยิ้มให้กู้โม่หานอย่างเชื่อฟัง
เมื่อกู้โม่หานเห็นท่าทางที่จงใจแกล้งโง่ของเด็กหญิงผู้นี้ ในใจก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างเคร่งขรึม และจงใจขู่ขวัญ “ข้าไม่ได้มาหาท่านแม่ของเจ้า ข้ามาหาเจ้าเพื่อคิดบัญชีเมื่อวาน”
เจ้าก้อนน้อยแอบพูดไม่ดีในใจ แต่บนใบหน้าไม่แสดงออกใดๆ และใบหน้าดูไร้เดียงสา
“ท่านลุงพูดเรื่องอะไร? เรื่องที่เมื่อวานหนานจือไม่ระมัดระวังทำเสื้อผ้าของท่านลุงเปียกใช่หรือไม่? หากใช่ หนานจือจะกล่าวขอโทษท่านลุง”
พูดจบนางก็เดินไปข้างหน้ากู้โม่หานด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านลุง ข้าขอโทษ”
“แต่ท่านแม่เคยบอกว่า ถอยไปหนึ่งก้าวทะเลกว้างท้องฟ้าใส ท่านลุงเป็นผู้ใหญ่ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กผู้หญิงเช่นข้าเลย”
หนานจือยิ้มหวาน กู้โม่หานรู้สึกเหมือนได้กินน้ำผึ้งหนึ่งเม็ดแล้วละลายในใจ ความอบอุ่นและความสุขสุดจะพรรณนา
เขาชอบเด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆ น้ำเสียงน่าหลงใหล
“ข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ในเมื่อเจ้าขอโทษแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่สืบสาวเอาเรื่องกับการกระทำของเจ้า แต่ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก”
เด็กคนนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ โดยใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แถมยังฉลาดมากอีกด้วย
ชั่วขณะหนึ่ง กู้โม่หานรู้สึกว่าเจ้าตัวร้ายตรงหน้า ช่างนิสัยคล้ายกับเขาตอนเด็กๆ จริงๆ
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความชื่นชอบที่เขามีต่อเด็กผู้หญิงคนนี้นั้นลึกซึ้งอย่างเห็นได้ชัด……
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าเกี๊ยวน้อยก็หัวเราะออกมาในทันที
“หนานจือ ขอบคุณท่านลุง ท่านลุงช่างใจดี!”
พูดจบ สายตาของนางก็ฉายแววเจ้าเล่ห์
ฮึ คนใจร้าย หากท่านยังกล้ารังแกท่านแม่ ข้ากับเจ้าซาลาเปาจะสั่งสอนท่าน!
กู้โม่หานไม่เห็น เขายื่นมือไปลูบหัวของเจ้าเกี๊ยวน้อย สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เขารู้สึกเอ็นดู เขาอุ้มเจ้าเกี๊ยวน้อยขึ้นมา และวางนางลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะอย่างมั่นคง
“เจ้าเด็กฉลาด” กู้โม่หานหยิกแก้มของเจ้าเกี๊ยวน้อย และนั่งลงข้างๆ นางอย่างเป็นธรรมชาติ
ทั้งสองเข้ากันได้ดี และฉากที่กลมเกลียวกันก็เหมือนกับพ่อที่เอ็นดูบุตรสาวของตนเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางที่เป็นกันเองของท่านอ๋อง หากเป็นพ่อลูกกับเจ้านายน้อยจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาคงจะเป็นครอบครัวที่ผู้อื่นต้องอิจฉาอย่างแน่นอน
ในห้อง หลังจากที่หนานหว่านเยียนแต่งตัวเจ้าก้อนแป้งให้กลายเป็นเด็กผู้หญิงอ่อนโยนแล้ว นางก็แต่งตัวอย่างเหมาะสมเช่นกัน
ถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องเข้าไปในวัง
ในขณะนี้ เจ้าก้อนแป้งกำลังลูบล่ากับปู๋ล่าอยู่ที่หัวเตียง “พวกเจ้าว่าวันนี้ท่านแม่จะสวมเสื้อผ้าเช่นไร?”
สุนัขตัวใหญ่สองตัวเอียงหัว และแลบลิ้นออกมาเพื่อแสดงว่าเข้าใจ
“เจ้าซาลาเปา คิดอะไรอยู่?”
ทันใดนั้นเสียงไพเราะของผู้หญิงที่ก็ดังมาจากด้านบน เจ้าก้อนแป้งเงยหน้าขึ้นไปมองหนานหว่านเยียน และดวงตากลมโตของเขาเบิกกว้างในทันที
“ท่านแม่ ท่านเป็นเทพธิดาบนสวรรค์หรือไม่? งดงามยิ่งนัก!”
หลายปีที่ผ่านมา หนานหว่านเยียนไม่แต่งหน้าและสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่วันนี้นางจงใจแต่งหน้าเบาๆ และหยิบเสื้อคลุมสีแดงสดออกมาสวม น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
เจ้าซาลาเปากอดหนานหว่านเยียนและถูนาง “ท่านแม่สวมชุดสีแดงแล้วดูดีมาก! ไม่สิๆ พี่สาวเคยบอกว่าไม่ว่าอย่างไรท่านแม่ก็งดงามที่สุด!”
หนานหว่านเยียนเพียงแค่ไปเฉลิมฉลอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวัง ตามธรรมเนียมในนวนิยายและละครโทรทัศน์ การสวมชุดสีแดงในโอกาสนี้ต้องไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน
หนานหว่านเยียนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสในทันที อุ้มเด็กผู้หญิงหญิงชุดชมพูขึ้นมา แล้วหอมแก้มของนาง
“ทำไมเจ้าซาลาเปาของแม่ถึงได้พูดเก่งเช่นนี้! แม่จะพาเจ้าไปทานอาหารเช้าดีหรือไม่?”
“ดี~ ”เจ้าซาลาเปาที่อยู่ในอ้อมแขนพยักหน้าให้นางอย่างเชื่อฟัง หนานหว่านเยียนยิ้มในทันที จากนั้นอุ้มบุตรสาวแล้วผลักประตูออกไป
ทันทีที่หญิงสาวก้าวออกไปจากห้อง แสงแดดยามเช้าก็ส่องลงมาบนร่างของนางพอดี คนทั้งคนเหมือนดอกบัวแดงท่ามกลางไฟที่ลุกโชน เปล่งแสงที่มีเสน่ห์และพร่างพราว
ผู้คนต่างพากันตกตะลึง เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนที่งดงามอย่างเหลือเชื่อ
ชั่วเวลาไม่นานนัก พระชายาอัปลักษณ์ก็งดงามจนใครๆ ก็อาจละสายตา
เมื่อกู้โม่หานได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาก็หันไปมองข้างหลัง หัวใจของเขาเต้นแรง และแววตาประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ไม่คิดเลยว่าหนานหว่านเยียนจะงดงามเช่นนี้!
แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติ และขมวดคิ้วแน่น
ถึงอย่างไรหนานหว่านเยียนก็เป็นหญิงที่มีพิษร้าย ไม่ว่าใบหน้าจะงดงามเพียงใดก็ไร้ประโยชน์!
ในขณะคิด เขาก็หันหน้ากลับไป และหยอกล้อกับเจ้าเกี๊ยวน้อยต่อ
หนานหว่านเยียนไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของผู้คน ในสายตาของนางมีเพียงความใกล้ชิดสนิทสนมของกู้โม่หานกับเจ้าเกี๊ยวน้อย
ชายผู้นี้ดูสนิทสนมกับบุตรสาวของนางมาก!
ไม่ได้ นางจะปล่อยให้กู้โม่หานสนิทสนมกับสองพี่น้องมากเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วภูมิหลังของเจ้าเด็กนน้อยจะต้องถูกเปิดเผย
ในเวลานี้ เจ้าเกี๊ยวน้อยก็เห็นหนานหว่านเยียนแล้ว จึงกระโดดลงจากเก้าอี้ และวิ่งไปหานางในทันที “ท่านแม่!”
หัวใจของกู้โม่หานตกหล่นในทันที และนิ้วอันเรียวยาวก็กำแน่นเล็กน้อย
หนานหว่านเยียนยิ้ม และรีบยื่นมือไปคว้าเจ้าเกี๊ยวน้อย
“กินอาหารเช้าแล้วหรือไม่?”
เจ้าเกี๊ยวน้อยส่ายหัว “รอกินพร้อมท่านแม่~”
หนานหว่านเยียนจับใบหน้าเล็กๆ ของนาง “วันนี้แม่มีธุระ กลับมาแล้วค่อยกินข้าวกับพวกเจ้านะ”
นางพูดกับเซียงอวี้อีกครั้งว่า “เซียงอวี้ เจ้าพาเด็กทั้งสองไปกินข้าว ข้ากับท่านอ๋องจะเข้าไปในวังก่อน”
เซียงอวี้รีบตอบ “เจ้าค่ะ พระชายา”
กู้โม่หานขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แต่งานเลี้ยงในวังมีความสำคัญมาก ส่วนเด็กที่น่ารักสองคนนี้ เขาสามารถมาเจอได้ทุกเมื่อ
เขาก็ไม่พอใจหนานหว่านเยียนเช่นกัน ตั้งแต่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ หญิงผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา!
ช่างบังอาจ!
ก่อนที่หนานหว่านเยียนจะจากไป นางกำชับกับบุตรทั้งสองว่า “พวกเจ้าต้องเชื่อฟัง แม่กลับมาแล้วจะให้ถังหูลู่เป็นรางวัลกับพวกเจ้า!”
เจ้าก้อนแป้งและเจ้าเกี๊ยวน้อยยิ้มแย้มในทันที และตามเซียงอวี้ไปทานอาหารอย่างร่าเริง
หนานหว่านเยียนยังพูดกับสุนัขตัวใหญ่ทั้งสองอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกเจ้าต้องช่วยข้าดูแลเจ้าก้อนแป้งกับเจ้าเกี๊ยวน้อยให้ดี กลับมาแล้วข้าจะให้กระดูกชิ้นใหญ่กับพวกเจ้า! ”
ล่ากับปู๋ล่าดูเหมือนจะเข้าใจ มันกระดิกหางให้นาง และเดินวนรอบๆ หนานหว่านเยียนอย่างตื่นเต้นดีใจอยู่หลายรอบ
เมื่อมาถึงหน้าประตูเรือนเซียงหลิน หญิงผู้นั้นก็กล่าวกับอวี๋เฟิงอีกครั้งว่า “อวี๋เฟิง ต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว”
อวี๋เฟิงพยักหน้า
แต่เขารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย และไม่รู้ว่าการที่พระชายาเข้าไปในวังคราวนี้ จะเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย……
กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนขึ้นไปบนรถม้าทีละคน
เช่นนี้แล้วคนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งหน้าข้าไปในวัง
ในรถม้า กู้โม่หานมองไปที่หนานหว่านเยียน และเห็นได้ชัดว่านางไม่อยากพูดคุยกับเขา เขาไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ และเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น
“หนานหว่านเยียน ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อย่าเล่นตลกอะไรต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮา เจ้าแค่อยู่ข้างกายข้า สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควร……”
“หยุด! ท่านพูดประโยคนี้หลายรอบ จนข้าจะท่องได้แล้ว” หนานหว่านเยียนแคะหู “ข้าจะเชื่อฟังสิ่งที่ท่านพูดและไม่สร้างปัญหา แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เจ้าต้องการอะไรอีก” กู้โม่หานขมวดคิ้ว
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าหากท่านไม่คืนอำนาจของพระชายาให้ข้า ท่านก็ให้หนังสือหย่ากับข้า ท่านเลือกเอาเองเถิด”
ทันใดนั้นกู้โม่หานก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ดวงตาอันโหดเหี้ยมของเขาจับจ้องไปที่นาง “เจ้าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!”
หนานหว่านเยียนหัวเราะเยาะ “เช่นนั้นท่านอ๋องก็อย่าหาว่าข้าทำลายเรื่องดีๆ ของท่าน และทำให้ท่านไม่ได้แต่งงานกับคนรักที่ไม่อยู่ด้วยกัน——”