ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 232 ท่านอ๋องมาแล้ว
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 232 ท่านอ๋องมาแล้ว
สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่คิดว่าจู่ๆ หนานหว่านเยียนจะโกรธมากขนาดนี้ เขารีบหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู “ทูลถามพระชายา สมุดบัญชีมีปัญหาอย่างไรหรือ?”
หยุนอี่ว์โหรวก็เอ่ยชื่อแซ่เขาแล้ว ถ้ามีปัญหาจริง เกรงว่าจะผลักความรับผิดชอบมาที่เขา เรื่องแบบนี้ เขาแบกรับไม่ไหว
ทั้งเสิ่นอี่ว์และเซียงอวี้ต่างมีสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าหนานหว่านเยียนพบอะไร
แต่ทั้งสองต่างรู้ว่า หนานหว่านเยียนจะไม่สู้โดยไม่มีการเตรียมพร้อม ตอนนี้นางดูท่าทางมีแผนในใจ ต้องเตรียมตัวมาดีแน่
หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ มองหยุนอี่ว์โหรวอย่างไตร่ตรอง
“ข้าได้ตรวจสอบบัญชีทั้งหมดแล้ว เดือนที่แล้ว จวนอ๋องมีรายได้ห้าแสนตำลึงเงิน ในคลังของจวนน่าจะมีไม่ต่ำกว่าห้าล้านตำลึงเงิน”
“แต่ในบัญชีทั้งหมดช่วงนี้ มีรายจ่ายไม่เกินสามแสนตำลึง คำนวณแล้วก็ควรจะยังเหลือสี่ล้านเจ็ดแสนตำลึง แต่ในสมุดบัญชีบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า เหลือเพียงสี่ล้านสองแสนสองตำลึง หยุนอี่ว์โหรว อีกห้าแสนตำลึงอยู่ที่ไหน?”
พ่อบ้านกาวตกตะลึง นัยน์ตามีความประหลาดใจ รีบมองไปทางหยุนอี่ว์โหรวพลางเอ่ยว่า “กระหม่อมจำได้ว่าพระชายารองหยุนเคยบอกว่า เงินห้าแสนตำลึงนี้จะมอบให้ท่านดูแลจัดการ หลังจากนี้ท่านจะโปะให้ครบเอง ตอนนี้…”
หนานหว่านเยียนหัวเราะเยาะ แววตาพุ่งตรงไปที่หยุนอี่ว์โหรว “ดูเหมือนว่าพ่อบ้านกาวจะไม่รู้เรื่อง พระชายารองหยุนบอกหน่อยสิ เงินห้าแสนตำลึงนี้ เจ้าเอาไปทำอะไร?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ก็เกิดความวุ่นวายใหญ่โตขึ้นในทันที
เซียงอวี้เอามือปิดปากด้วยความตกใจ สายตาที่มองไปยังหยุนอี่ว์โหรวเต็มไปด้วยความดูถูก
เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง! นางเพิ่งได้รับสิทธิ์ดูแลจวนมาไม่นาน!
เสิ่นอี่ว์อดสั่นสะท้านไม่ได้ คิ้วขมวด เงามืดแฉลบผ่านดวงตาของเขา
หยุนอี่ว์โหรวเบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัวเองงั้นหรือ?
เงินห้าแสนตำลึงไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ห้าสิบตำลึงเพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูพลเรือนห้าคนได้หนึ่งปี ห้าแสนตำลึงสามารถทำให้พลเรือนห้าหมื่นคนใช้ชีวิตอยู่ได้ตลอดทั้งปี!
นี่หมายความว่าอะไร หยุนอี่ว์โหรวรู้ตัวหรือไม่ว่า การปิดบังท่านอ๋องหอบเงินไปมากมายเช่นนี้ เป็นการกระทำเช่นไร?
หยุนอี่ว์โหรวลุกลี้ลุกลน ดวงตาเบิกกว้างปิดบังความตื่นตระหนกของนางเอาไว้ไม่อยู่
นางคิดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะคำนวณบัญชีนี้ได้จริงๆ ตัวเลขนั้นถูกต้อง ในใจอดร้อนรนไม่ได้
เชี่ยนปี้ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน แต่เรื่องสำคัญเร่งด่วนคือการช่วยหยุนอี่ว์โหรวให้พ้นจากการตกเป็นที่ต้องสงสัย
นางยืนขวางอยู่หน้าหยุนอี่ว์โหรว “พระชายา ท่านหมายความว่ายังไง? เหตุใดถึงมาปรักปรำพระชายารอง?”
“สมุดบัญชีนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก พระชายาต้องคำนวณผิดไปแน่”
หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเชี่ยนปี้อย่างเย็นชา “เจ้านายกำลังคุยกัน เจ้ามีสิทธิ์พูดแทรกหรือ? หากยังพูดมาก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ!”
เชี่ยนปี้ใจหายวาบทันที ฝ่ามือยังเหงื่อออกไม่หยุด ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ความร้อนรนอย่างรุนแรงพลุ่งพล่านขึ้นในส่วนลึกของหัวใจของหยุนอี่ว์โหรว แต่นางก็เก็บซ่อนอารมณ์ได้ดี ไม่แสดงความรู้สึกใจฝ่อออกมาทางสีหน้า
นางตั้งใจโอนยอดรวมของสมุดบัญชีออกไปแล้ว? เหตุใดหนานหว่านเยียนยังคำนวณบัญชีนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง!
“ทำไมไม่พูดล่ะ? หมดความเชื่อมั่นแล้วหรือ?” หนานหว่านเยียนไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระกับหยุนอี่ว์โหรว ยิ้มเยาะแล้วเข้าประเด็น “หยุนอี่ว์โหรว เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อย ทำไมเงินห้าแสนตำลึงถึงไปอยู่ในกระเป๋าของพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า?”
พูดจบ หนานหว่านเยียนก็หยิบใบเสร็จปึกหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อของนาง
พวกนั้นอวี๋เฟิงค้นและยึดมาจากมือของหยุนโม่หราน ในนั้นมีบันทึกตั๋วเงินและเงินสดทั้งหมดระหว่างหยุนอี่ว์โหรวกับเขา
หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยัน สบสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของหยุนอี่ว์โหรว แล้วพูดจังหวะเนิบนาบเหมือนปีศาจร้าย
“ยอดเล็กยอดใหญ่รวมๆ กันแล้ว ทั้งหมดเป็นเงินห้าแสนตำลึงพอดี เจ้าให้เงินเหล่านี้เขาไปทำอะไร? หรือว่า เจ้ากับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้ามีแผนชั่วที่บอกให้คนรู้ไม่ได้? ถึงต้องแอบส่งเงินให้เขาลับหลังกู้โม่หาน?”
ทุกคนอ้าปากค้างทันที พากันมองไปทางหยุนอี่ว์โหรว
เหงื่ออันเย็นเยียบของหยุนอี่ว์โหรว ผุดขึ้นหนาแน่นเต็มแผ่นหลัง
นางตระหนักแล้วว่าหนานหว่านเยียนอาจจะรู้อะไรบางอย่าง จิตใจยุ่งเหยิง แต่ก็บังคับจิตใจให้มั่นคง บีบเอวของเชี่ยนปี้ไว้ สีหน้าหนักอึ้ง
“หม่อมฉันไม่รู้ว่าพระชายาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากไหน แต่หม่อมฉันโปร่งใส ภักดีมั่นคงต่อจวนอ๋องอี้!”
เชี่ยนปี้ตัวสั่นเล็กน้อยยากจะสังเกตเห็น ขยับลูกคอก้าวเข้าไปปกป้องหยุนอี่ว์โหรว กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “เจ้านายของข้าซื่อสัตย์เปิดเผยมาโดยตลอด ไม่มีทางคิดทรยศต่อท่านอ๋อง!”
“พระชายาต่างหากที่ไม่พอใจเจ้านายมาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าเป็นท่านหรือไม่…”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียง “ผัวะๆ” ที่คมชัดแสบแก้วหูได้ดังขึ้น
หนานหว่านเยียนตบเชี่ยนปี้สองครั้ง แล้วถีบนางอีกครั้งอย่างแรง “เห็นข้ามีความอดทนมากหรือ ไม่ตีเจ้าสักหน่อยข้าคงสู้หน้าตัวเองไม่ได้”
เชี่ยนปี้ร้องโอดครวญ เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่กล้าพูดอะไรได้อีก
ส่วนหนานหว่านเยียนก็มองไปทางหยุนอี่ว์โหรว แล้วเข้าประชิดตัวนางอย่างฉับพลัน จนหยุนอี่ว์โหรวหมดทางถอย จำต้องเอนหลังพิงกำแพง
หนานหว่านเยียนหรี่ตาจ้องเขม็งใส่นาง
“หยุนอี่ว์โหรว ยังไม่พูดความจริงอีก ต้องให้ข้าเปิดเผยทีละอย่าง เจ้าถึงจะเห็นโลงศพใช่ไหม!”
หยุนอี่ว์โหรวสะดุ้งตกใจ
ในมือหนานหว่านเยียนยังมีความผิดอะไรของนางอีก?
หรือว่า จะเป็นหลักฐานการลอบสังหารหนานหว่านเยียนของนาง?!
บรรยากาศในเรือนหนาวยะเยือกทันที ไม่มีใครกล้าหายใจแรง
แต่ในขณะนี้ จู่ๆ เสียงของเสิ่นอี่ว์ก็ดังขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “ท่านอ๋อง ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”