ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 36 สถานที่ฝังศพของหนานหว่านเยียน
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 36 สถานที่ฝังศพของหนานหว่านเยียน
หยกเกล็ดมังกร? !
ทันทีที่ฮ่องเต้ตรัสคำพูดนี้ออกมา ขุนนางชั้นสูงไม่น้อยที่อยู่ด้านล่างสีหน้าตกตะลึง
คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขากลับรู้ดี นั่นเป็นอัญมณีล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวในโลก ที่ฮ่องเต้สะสมเอาไว้ตลอด มีสีเลือดทั้งชิ้น เนื้อสัมผัสของมันราวกับน้ำค้างของคริสตัล
ฮ่องเต้ก็ยิ่งพกติดตัวทุกวัน ไม่เคยอนุญาตให้คนอื่นแตะต้องมันมาก่อน
แต่ตอนนี้ เขาถึงกับเสนอออกมาว่าจะใช้หยกเกล็ดมังกรแลกกระถางต้นไม้นี้? !
มองดูท่าทางที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างของทุกคน ในใจของฮองเฮาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน
หยกเกล็ดมังกรชิ้นนั้นนางเคยแค่ไปสัมผัสมันโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่าบาทก็บันดาลโทสะ ถึงขั้นกักบริเวณนางแล้ว แต่ตอนนี้ฝ่าบาทถึงกับจะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบชิ้นนี้มาเปลี่ยน?
แต่ว่า ผูหย่าก็คู่ควรจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่ยังเป็นผูหย่าที่กลายพันธุ์อีก!
ตอนนี้หญ้าวิเศษอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องพยายามช่วงชิงสักหน่อย!
นางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม: “คิดไม่ถึงว่าพืชชนิดนี้จะมหัศจรรย์เช่นนี้ ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่หยกเกล็ดมังกรของฝ่าบาทก็ยังถูกเอาออกมาทำการแลกเปลี่ยน ตาทที่หม่อมฉันดูมา ถ้าอย่างไรไทเฮาก็ทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทดีกว่า วันหน้าหากท่านอยากมาชม ก็มาชมได้ทุกเมื่อ”
นางย่อมสู้ฮ่องเต้ไม่ได้ สามารถเอาสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้มาทำการแลกเปลี่ยนได้ แต่ขอเพียงฮ่องเต้ได้มาอยู่ในมือ เช่นนั้นนางก็สามารถเข้าใกล้ “ผูหย่า” ขึ้นมาอีกก้าวแล้ว ฮ่องเต้คนเดียวก็ไม่สามารถกินได้มากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว นางในฐานะที่เป็นฮองเฮา อย่างไรก็คงได้กินเล็กน้อย
การช่วงชิงทั้งอย่างเปิดเผยและลับๆของฮ่องเต้กับฮองเฮา ทุกคนล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีคำไหนสามารถบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้แล้ว
หนานหว่านเยียนก็ตกตะลึงจนตาค้างไปหมดแล้ว
เริ่มตั้งแต่ที่หนานฉีซานออกหน้ามาพูดเมื่อครู่นี้ นางนึกว่าเฉิงเซี่ยงคนนี้จู่ๆก็กลายเป็นพ่อที่รู้แจ้งมีจิตใจเมตตามีความกล้าหาญแล้วเสียอีก
คิดไม่ถึงว่าคำพูดของท่านมหาบัณฑิต ไม่เพียงยืนยันในสิ่งที่หนานฉีซานกล่าวมาเท่านั้น ยังเชิดชูพืชสีเขียวที่ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อยกระถางนี้ให้สูงส่งขึ้นฟ้าอีกด้วย
นี่……พวกเขาแน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่ ดอกไม้ดอกหญ้ากระถางธรรมดาๆที่ไม่มีความพิเศษใดๆเลย?
นี่เป็นเพียงไม้กระถางที่ตอนนั้นนางต่อรองราคากับเจ้าของร้านที่ตลาด จนซื้อกลับมาในราคาห้าหยวน และวางเอาไว้เป็นไม้กระถางสีเขียวในห้องทดลองเท่านั้นนะโว้ย!
คนพวกนี้ถึงกับเสนอราคาสูงลิ่วแย่งกันจะเอา? !
กู้โม่หานเหลือบมองหนานหว่านเยียนอย่างไม่ทิ้งร่องรอยครู่หนึ่ง
หนานหว่านเยียนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่ไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ ดวงตาคู่โตสดใสและซื่อตรง ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คิ้วของเขาขมวดกันเป็นก้อน หนานหว่านเยียนถูกขังอยู่ในลานเย็นห้าปี แถมยังเลี้ยงเด็กผู้หญิงอีกสองคน หญ้าวิเศษที่ล้ำค่าและหายากเช่นนี้นางได้มาอย่างไร? !
ยังมีอะไรเกี่ยวกับหนานหว่านเยียนที่เขาไม่รู้กันแน่!
และทางด้านไทเฮา กลับมีความสุขอย่างมาก
นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าฮองเฮาวางแผนอะไรอยู่ และก็รู้จุดประสงค์ที่ฮ่องเต้พูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเช่นกัน
นางทำเหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่ซ่อนลูกอมที่ตัวเองได้รับมา น้ำเสียงไม่ยอมลดละเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่องเต้ฮองเฮา นี่คือของขวัญวันเกิดที่เยียนเอ๋อร์มอบให้กับข้า จะมีหลักเหตุผลในการแลกเปลี่ยนได้อย่างไรกัน? ในเมื่อมอบให้ข้าแล้ว เช่นนั้นมันก็เป็นของข้า ข้าจะไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ”
ฮ่องเต้ยังไม่ยอมแพ้ “เสด็จแม่ คิดทบทวนอีกครั้งไหม?”
ไทเฮาโบกไม้โบกมือโดยตรง “ข้าจะไม่ให้เยียนเอ๋อร์รู้สึกผิดหวังในความปรารถนาดีที่มีให้หรอกนะ”
ฮ่องเต้มองดูผูหย่ากลายพันธุ์กระถางนั้น รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
แต่ในเมื่อไทเฮาเอ่ยปากแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมแพ้เท่านั้น
ฮองเฮาริษยาจนไม่มีสติ แผนหลอกลวงของนางล้มเหลว แต่นอกจากไม่เต็มใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
ทุกคนมองดูไทเฮาสั่งให้สาวใช้ข้างกายของตนเองไปเอากระถางต้นไม้มา สาวใช้ไม่กล้าล่าช้าเลยแม้แต่น้อย รับกระถางต้นไม้มาอย่างระมัดระวัง ถือเอาไว้แล้วยืนอยู่ข้างกายของไทเฮา
“พระชายาอี้มอบของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ สามารถเห็นได้ว่า ไทเฮากับพระชายาอี้ สนิทสนมกันมากจริงๆ” ฮ่องเต้ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิ ทุกอิริยาบถล้วนมีความใจกว้างของผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
เขาสะบัดแขนเสื้อนั่งลง กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างตรงไปตรงมา ดูเหมือนเรื่องเล็กๆที่แทรกเข้ามาเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไทเฮาหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ฮ่องเต้ เท่าที่ข้าดูมา ทั่วทั้งแคว้นซีเย่แห่งนี้ มีแต่เยียนเอ๋อร์ที่มีความกตัญญูที่สุด นึกถึงข้าที่เป็นเสด็จย่าไทเฮาคนนี้มากที่สุดแล้ว!”
ภายในตำหนัก บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู้ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ
จากนั้น คนที่เก่งในการโอนเอียงไปตามกระแสลมมากมาย ต่างก็สรรเสริญเยินยอหนานหว่านเยียนด้วยความประจบประแจง
“พระชายาอี้ช่างงดงามและมีเมตตาจริงๆ ไม่เพียงชำนาญในทักษะทางการแพทย์ แถมยังมีจิตใจเมตตาของพระโพธิสัตว์ จิตใจแห่งความกตัญญูก็ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้เช่นกัน”
“กระหม่อมเคยบอกไว้แล้ว พระชายาอี้ไม่ใช่คนสุดจะรับได้อย่างที่คนนอกพูดถึงแบบนั้น หลังจากเหตุการณ์วันนี้แล้ว ดูสิว่าพวกเจ้ายังมีใครกล้าว่าพระชายาอี้ไม่ดีอีก?”
เผชิญหน้ากับคำยกย่องประเภทนี้ หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยันในใจ
เมื่อครู่คนพวกนี้ ยังคิดว่านางไม่มีอะไรดีสักอย่างอยู่เลย
แต่ว่านางไม่มีอารมณ์ตอกหน้าคนแล้ว ตอนนี้นางคิดแต่เพียงอยากให้งานเลี้ยงวันเกิดจบเร็วๆ นางจะได้กลับไปกอดเจ้าตัวเล็กสองคนที่บ้าน
หยุนอี่ว์โหรวกับเจียงหรูเยว่โกรธจนกัดริมฝีปากเป็นแผล
โดยเฉพาะหยุนอี่ว์โหรว ในใจของนางคุกรุ่นไปด้วยความริษยาและความเกลียด ในดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
งานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ ไม่ควรเป็นสถานที่ฝังศพของหนานหว่านเยียนหรอกหรือ? !
ทำไมตอนนี้กลับทำให้หนานหว่านเยียนกลายเป็นพระจันทร์ที่สว่างไสวไปด้วยหมู่ดาว ส่องแสงโดดเด่นอยู่เหนือฝูงชนได้!
นางคือดวงดาวที่ส่องประกายดวงนั้นแท้ๆ!
ทันใดนั้น นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กล่าวขึ้นมาทันที: “ไทเฮา โปรดอภัยที่หม่อมฉันพูดมาก เมื่อครู่นี้ดูเหมือนพระชายาจะเคยพูดว่า ของขวัญที่นางมอบให้ท่านดูเหมือนไม่ใช่อันนี้…….”