ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 48 ใครสามารถรังแกนาง
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 48 ใครสามารถรังแกนาง
จุดประสงค์ของหนานหว่านเยียนในวันนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์!
ตอนนี้อยู่ดูชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้หวานแหววปานน้ำผึ้งต่อไป ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก
นางระงับความสะใจเงียบๆที่อยู่ในใจเอาไว้ บนใบหน้ากลับแสร้งทำท่าทางอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ สุดท้ายภายใต้สายตาที่เห็นอกเห็นใจของบรรดาแขกเหรื่อ ไสหัวกลับเรือนเซียงหลินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
กู้โม่หานเห็นก่อนจากไปหนานหว่านเยียนยังไม่ลืมแสร้งทำท่าทำทาง โกรธจนแทบคลั่ง
เขาเป็นคนฉลาดขนาดไหน หนานหว่านเยียนก่อความวุ่นวายนี้ขึ้นมา นอกจากอยากจะสร้างปัญหาให้เขาแล้ว ไม่มีอะไรไปมากกว่ายังอยากจะแสดงอำนาจต่อหยุนอี่ว์โหรว บอกหยุนอี่ว์โหรวต่อหน้าทุกคน จวนอ๋องแห่งนี้——มีนางหนานหว่านเยียนเป็นคนดูแลจัดการ!
กู้โม่หานรู้สึกขุ่นเคืองในใจ “นางก็ไม่ลองถามตัวเองดูเลยว่าตัวเองคู่ควรจะเป็นพระชายาหรือไม่! ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิด!”
ความโกรธแค้นใหม่บวกกับความแค้นเก่าของเขากับหนานหว่านเยียนรวมกันสั่งสมขึ้นมา เจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่นับไม่ถ้วน ผู้หญิงคนนั้นมีหน้าอะไรมาประกาศอำนาจ?
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำ มีเพียงหยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
ในที่สุดหยุนอี่ว์โหรวก็ปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกที่อับอายลงได้เล็กน้อย
อย่างน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบกู้โม่หานล้วนเข้าข้างนางตลอด
งานเลี้ยงมงคลสมรสในครั้งนี้ถูกหนานหว่านเยียนก่อกวนจนโกลาหลวุ่นวายไปอย่างสิ้นเชิง หลี่มามาจากไปก่อนคนแรก นางต้องรีบกลับเข้าไปในวัง รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้กับไทเฮา……
และแขกเหรื่อคนอื่นๆก็ทยอยออกจากงานไปหมดแล้ว งานมงคลสมรสกลายเป็นเรื่องตลกไปเลยโดยตรง
และหนานหว่านเยียนก็กลับเข้าไปในลานด้วยความ “น้อยใจ” เพิ่งมาถึงก็อดที่จะกุมท้องหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
นึกถึงท่าทางที่เดือดพล่านเป็นไฟของกู้โม่หาน นึกถึงท่าทางตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อของผู้หญิงร้ายเงียบไร้เทียมทานคนนั้น หนานหว่านเยียนหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา ขณะที่ตบต้นขาไปก็กุมท้องไปด้วย “โอ้ย ไม่ไหวไม่ไหว ตลกมากจริงๆฮ่าๆๆๆๆ นี่มันช่างสะใจมากจริงๆ!”
หยุนอี่ว์โหรวนังตอแหลคนนี้ ตอนงานเลี้ยงในวังวางอุบายให้นางทุกที่ หากไม่ใช่ว่าตัวเองฉลาดมากพอคงถูกนางกลั่นแกล้งไปนานแล้ว ยังมีกู้โม่หานที่เอะอะก็บีบคอนางคนนั้นอีก!
วันนี้ยิงธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว รับรองว่าจะทำให้คืนนี้พวกเขาโกรธจนนอนไม่หลับแน่นอน!
บ่าวรับใช้ที่อยู่ในลานมองเห็นนาง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พระชายานี่คือ……โกรธจนเสียสติแล้วหรือ?
ก็ไม่น่าแปลกใจ เดิมทีหนานหว่านเยียนก็ไม่ได้รับความโปรดปรานอยู่แล้ว ตอนนี้กู้โม่หานยังแต่งงานกับหยุนอี่ว์โหรวที่เป็นคนรักอีก และพระชายาก็รักท่านอ๋องอย่างสุดซึ้ง คืนนี้ยังต้องรับผิดชอบพิธีแต่งงานของคนรัก ก็ไม่รู้ว่าได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจขนาดไหน
ทุกคนมองดูหญิงสาวด้วยสีหน้าท่าทางซับซ้อน บอกไม่ถูกว่าคือความเห็นอกเห็นใจหรือว่าเยาะเย้ย
และเด็กหญิงตัวน้อยสองคนที่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหว ก็วิ่งตามกันออกมาจากในห้อง ด้านหลังยังมีสุนัขตัวใหญ่สองตัววิ่งตามมาด้วย
เมื่อเห็นว่าหนานหว่านเยียนมีอารมณ์ผิดปกติ เกี๊ยวน้อยก็วิ่งเหยาะๆมาตลอดทาง ใบหน้าเล็กปูดขึ้นมาด้วยความโกรธ เอ่ยปากด้วยเสียงออดอ้อนที่ดุร้าย: “ใครเป็นคนรังแกท่านแม่ของข้า!”
ซาลาเปาเพียงแค่ติดตามอยู่ด้านหลังนางอย่างกระหืดกระหอบ “คือ คือใคร!”
หนานหว่านเยียนมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตอนนี้ในใจของนางรู้สึกสบายขนาดไหน แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยสองคนนี้เข้าใจผิดไปแล้ว นางโบกมือไปทางนังหนูน้อยสองคน “ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ใครจะสามารถรังแกท่านแม่ของพวกเจ้าได้ล่ะ?”
เด็กน้อยสองคนไหนเลยจะเชื่อคำพูดของนาง
ทุกคนต่างก็บอกว่า ท่านแม่แยกทางกับท่านพ่อ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกเสียใจทั้งนั้น
ซาลาเปายื่นมือออกมาก่อน ตบหลังของหนานหว่านเยียนเบาๆแล้วกล่าวด้วยคำพูดจริงใจความหมายลึกซึ้ง “ท่านแม่ ท่านอย่าไปถือสาผู้ชายห่วยๆคนนั้นเลย นางฟ้าอย่างท่านแม่ของเรา มีผู้ที่ตามจีบวิ่งตามอยู่ข้างหลังมากมายอยู่แล้ว!”
เมื่อหนานหว่านเยียนได้ยิน ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น “คำพูดนี้ใครเป็นคนสอนเจ้า?”
“พี่สาว!” ซาลาเปาไม่ประสีประสา นางก็ไม่รู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่พี่สาวเคยพูดเอาไว้ไม่ผิดแน่นอน!
หนานหว่านเยียนพึมพำในใจ เกี๊ยวน้อยคนนี้ไปเรียนรู้คำศัพท์สมัยใหม่พวกนี้มาจากไหนกันแน่?
เกี๊ยวน้อยก็ทำหน้ามุ่ยเช่นกัน ยื่นมือเล็กออกไปลูบศีรษะของหนานหว่านเยียน
“ท่านแม่อย่าร้องไห้ ข้ากับซาลาเปาแล้วก็เผ็ดไม่เผ็ดจะอยู่กับท่านแม่ตลอดไป ไม่อยู่กับคนชั่วนั่นหรอก!”
ได้ยินคำพูด สุนัขตัวใหญ่สองตัวดูเหมือนจะฟังเข้าใจ เดินวนอยู่รอบกายหนานหว่านเยียน หางใหญ่ส่ายไปมาไม่หยุด ลำคอส่งเสียงคำราม “โฮ่งๆ” ออกมา
หนานหว่านเยียนรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อยทันที นางยื่นมือไปแตะปลายจมูกของเกี๊ยวน้อย
“แม่สบายดี! จะไม่สบายใจได้อย่างไร? เด็กดี แม่จะไปทำปิ้งย่างให้พวกเจ้า พาพวกเจ้ากินปิ้งย่างฉลองกัน!”
พูดจบ หนานหว่านเยียนก็ฮัมเพลงเดินไปทางห้องครัว
ได้รับชัยชนะแล้ว นางก็ต้องให้รางวัลกับตัวเองหน่อย แบ่งปันความสุขของนางให้กับลูกสาวทั้งสอง
เด็กน้อยสองคนมองดูแผ่นหลังที่ไกลออกไปของหนานหว่านเยียน แล้วมองหน้ากันไปมา
ซาลาเปาลังเลอยู่พักใหญ่ถึงได้เอ่ยปากขึ้นว่า “พี่สาว ท่านแม่ไม่เป็นอะไรจริงๆหรือ?”
เกี๊ยวน้อยเคาะไปบนหน้าผากของนาง “เจ้าโง่หรือ ถึงแม้ท่านแม่ดูเหมือนจะไม่มีพิรุธใดๆ แต่เพราะเหตุนี้ ถึงได้แปลกไม่ใช่หรือ?”
ซาลาเปากุมหน้าผากที่เจ็บปวด “อ้อ” ออกมาคำหนึ่งอย่างเหมือนจะเข้าใจแต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ
“ท่านแม่จะต้องเสียใจแน่นอน แต่ก็กลัวว่าเราจะสังเกตเห็น ถึงได้แสร้งทำท่าดีใจออกมา ในหนังสือบอกแล้วว่า ผู้หญิงน่ะชอบปากอย่างใจอย่าง ซาลาเปา เข้าใจหรือยัง?” เกี๊ยวน้อยมือเท้าเอว บนใบหน้ามีคำว่า “ข้ารู้ดี” สามคำตัวใหญ่ๆเขียนเอาไว้
อ๋า ในหนังสือมีบอกหรือ? ทำไมนางไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ?
ซาลาเปากลับไม่คิดมาก ในดวงตาที่มองดูเกี๊ยวน้อยเปล่งประกาย เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศัทรธา “อื้ม! ข้ารู้แล้ว! พี่สาว เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรให้ท่านแม่มีความสุขล่ะ?”
เกี๊ยวน้อยกระดิกนิ้วให้กับซาลาเปา กระซิบข้างหูของนางว่า “ข้าจะบอกกับเจ้า อีกสักครู่ ทำเช่นนี้ จากนั้น……”
สองพี่น้องกระซิบกระซาบกันอยู่ในลาน สุนัขตัวใหญ่สองตัวก็ฟังอย่างเชื่อฟัง ราวกับกำลังวางแผนการใหญ่โตอะไรอยู่
อีกไม่นาน หนานหว่านเยียนก็จะเห็นด้วยตาตัวเอง นังหนูน้อยสองคนนี้ทำเรื่องใหญ่ที่สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วปฐพี!
…….
เซียงอี่ว์กลับมาจากร้านตัดเย็บเสื้อผ้า เดิมทีอยากจะไปหาหนานหว่านเยียน แต่กลับถูกเซียงเหลียนบอกว่าหนานหว่านเยียนถูกพ่อบ้านกาวเชิญไปรับผิดชอบดูแลงานแต่งงานที่ห้องโถงด้านหน้า
นางรู้สึกตกใจ นึกถึงคำพูดที่หนานหว่านเยียนพูดอย่างมั่นใจในตอนนั้น อดที่จะเดาะลิ้นไม่ได้
ทำไมรู้สึกว่าพระชายาดูเหมือนจะสามารถทำนายอนาคตได้เลยล่ะ?
ดังนั้นนางจึงติดตามเซียงเหลียนมาถึงห้องครัว เตรียมทำอาหารให้กับนังหนูสองคน
แต่ชั่วครู่เดียว ก็ได้ยินสาวใช้คนอื่นๆมากันอย่างเร่งรีบ บอกว่าพระชายาเสียสติไปแล้ว
เซียงอี่ว์ขมวดคิ้ว ในใจไม่เชื่อ
ทันทีหลังจากนั้น หนานหว่านเยียนก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องครัว กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “พวกเจ้าวางมือเถอะ คืนนี้ข้าจะเป็นคนทำเอง ข้าจะทำปิ้งย่างไม้เสียบให้นังหนูน้อยสองคนกิน!”
เซียงอี่ว์ตกตะลึง ตอนนี้ท่านอ๋องแต่งงานกับคนอื่น พระชายาที่รักท่านอ๋องอย่างสุดซึ้งมาโดยตลอดยังสามารถยิ้มออกมาได้?
หรือว่าจะเสียสติไปแล้วจริงๆ? !
นางไม่ทันได้ระวัง มีดที่ใช้หั่นผักอยู่หยุดอยู่บนปลายนิ้วของนาง เลือดโชกขึ้นมาทันที
“ซี๊ด……” เซียงอี่ว์ขมวดคิ้ว รีบวางมีดหั่นผักลงแล้วดึงมือกลับมา
หนานหว่านเยียนสังเกตเห็นความผิดปกติของเซียงอี่ว์ รีบเดินไปทางนางอย่างรวดเร็ว ตรวจดูมือของนาง ยังดีที่บาดแผลไม่ลึก
“ตอนที่ถือมีดอยู่อย่าว่อกแว่ก ไป ข้าทำแผลให้เจ้า”
เซียงอี่ว์หวาดหวั่น “พระชายา ไม่ได้……”
“อย่าพูดมาก ไปกันเถอะ”
เซียงอี่ว์เม้มริมปาก สุดท้ายก็ตามหนานหว่านเยียนกลับเข้าไปในเรือน
ในเรือน หนานหว่านเยียนหันหลังกลับไป เหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในตู้
ทันใดนั้น รูม่านตาของหนานหว่านเยียนก็หดตัวลงกะทันหัน!
แม่เจ้า! เบตาดีนในช่องว่างของนางหายไปไหนแล้ว?
ห้าปีมานี้ สามารถพูดได้ว่าเบตาดีนคือสิ่งที่หนานหว่านเยียนเตรียมเอาไว้ตลอด เจ้าตัวเล็กสองคนหลีกเลี่ยงที่จะกระแทกกระทั้นได้ยาก ดังนั้นจึงใช้เบตาดีนฆ่าเชื้อบ่อยหน่อย แต่ตอนนี้นางยื่นมือไปสำรวจ กลับพบว่าสถานที่ที่เดิมทีมีเบตาดีนวางอยู่ เวลานี้กลับว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย!
หนานหว่านเยียนตื่นตระหนกในทันใด
ที่แท้สิ่งที่อยู่ในห้องทดลอง สามารถใช้หมดได้!