ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 52 แกล้งชายชั่วไปหนึ่งยก
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 52 แกล้งชายชั่วไปหนึ่งยก
เนื้อปิ้งย่างนั้นน้ำมันกระเด็นเสียงจิ๊ดจ๊าด ควบคู่ไปกับกลิ่นหอมเข้าจมูก หนานหว่านเยียนกินอย่างอร่อย ก็ได้ยินกู้โม่หานพูดคำพูดที่ทำให้คนหมดอารมณ์
นางกลอกตาใส่ในห้องทีหนึ่ง คิ้วเนื้ออย่างอร่อยพูดว่า “รับทราบแล้วเจ้าค่ะท่านอ๋อง ก่อนที่หม่อมฉันจะรู้สึกผิด ไม่ลุกขึ้นดีขาด!”
ไม่คิดวิธีทรมานหญิงชั่วชายโฉดคู่นี้ดีๆ นางไม่มีทางไปหรอก
หากนางไม่ใช่แมลงสาบที่ตีไม่ตาย คนอย่างกู้โม่หานที่รักสนมทำลายเมียแบบนี้ นางก็คงตายไปหลายร้อยรอบเหมือนเจ้าของร่างเดิมแล้ว!
สมองหนานหว่านเยียนหมุนอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าเดี๋ยวควรจะใช้แผนร้ายอะไรดี มองคืนเข้าห้องหออัน “ดีงาม” ให้กับสามีภรรยาใหม่สักครั้ง!
กู้โม่หานได้ยินคำตอบอย่างไม่ใส่ใจของหนานหว่านเยียน สีหน้าก็หมองไปทันที เขาพูดด้วยเสียงเข้มงวด “หนานหว่านเยียน ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าคิดใช้แผนการอะไรต่อหน้าข้าอีก ข้าสามารถเฆี่ยนเจ้าขาหักตอนนี้ได้เลย! แล้วตัดเอ็นมือเท้าของเจ้า! ให้เจ้าสารภาพผิดดีๆ!”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว สีหน้ารังเกียจ
กู้โม่หานโรคจิตจริงๆ คิดจะให้ภรรยาตัวเองคุกเข่า ดูเขามีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น!
ถุย! ยิ่งกว่าหมูหมากาไก่! ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!
หยุนอี่ว์โหรวตอนนี้นั่งอยู่บนเสื่อ ฟังกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนพูดร้ายใส่กัน ในใจไม่รู้พอใจมากขนาดไหน
ถึงแม้หนานหว่านเยียนคือพระชายาแล้วไง? โดดเด่นในงานเลี้ยงวังคืนนี้แล้วอย่างไร
ขัดขวางนางในงานแต่งงานแล้วอย่างไร ตอนนี้นางไม่ใช่ทำได้เพียงคุกเข่าสำนึกผิดนอกห้องหรือ!
อย่างไรเสียหนานหว่านเยียนก็คือรองเท้าที่ขาด ยังไงก็สู้กับนางไม่ได้!
ถึงแม้จะได้ใจ แต่สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวกลับมีแววกังวล นางแนบชิดอยู่ที่อกของกู้โม่หาน พูดเบาๆอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ท่านอ๋อง พระชายาคุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นนี้ จะเป็นหวัดหรือไม่? กลางคืนค่อนข้างหนาว โหรวเอ๋อร์เป็นห่วงเข่าของพระชายาจะมีปัญหาอะไร หากภายหลังมีอาการป่วยอะไรจะไม่ดี”
กู้โม่หานเยาะเย้ยเย็นชาเฉยเมย หากหนานหว่านเยียนมีอาการป่วยก็ดีเลย!
ผู้หญิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ทำไมถึงไม่ฝึกอย่างโหรวเอ๋อร์ของเขา จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะห่วงร่างกายของนาง
กู้โม่หานหัวเราะเย็นชา “หนานหว่านเยียน เจ้าได้ยินหรือยัง? ตอนนี้โหรวเอ๋อร์ยังเป็นห่วงเจ้า เจ้ากลับทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้กับโหรวเอ๋อร์! เจ้ามันร้ายยารักษาแล้ว!”
แน่นอนว่าหนานหว่านเยียนได้ยินแล้ว เพราะฉะนั้นทำให้ความอยากของนางก็ลดไปกว่าครึ่ง น้ำเสียงไม่พอใจ “ได้ยินแล้ว!”
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้กลับพูดว่าได้ยินแล้ว กู้โม่หานยังนึกว่านางจะพูดโต้แย้ง พูดว่าร้ายให้กัน
เขาขมวดคิ้ว หยุนอี่ว์โหรวดึงตัวเขา พูดห้ามเขา “ท่านอ๋อง อย่าโมโหไม่ดีต่อกาย พระชายาก็แค่ตอบคำถามของท่านเท่านั้น ท่านอย่าโทษพระชายาเลย……”
กู้โม่หานกอดหยุนอี่ว์โหรวใหม่ “ดี ฟังของโหรวเอ๋อร์หมด ยังคงเป็นเจ้าที่ใจดีอ่อนโยน ไม่เหมือนหนานหว่านเยียนทำให้คนเกลียดแบบนั้น!”
“ท่านอ๋องอย่าชมโหรวเอ๋อร์อีกเลย” บนหน้าอันออดอ้อนของหยุนอี่ว์โหรวแดงก่ำสองข้างอย่างไม่ธรรมชาติ นางเอาหน้าซบเข้าไปในอ้อมกอดของผู้ชาย พูดอย่างเขินอาย “ท่านอ๋อง งานเลี้ยงวันเกิดคืนนี้ พวกนางต่างพูดว่า หากโหรวเอ๋อร์สามารถมีเสี่ยวจวิ้นจู่หรือท่านอ๋องน้อยให้กับท่านอ๋อง ต้องโฉมงามไม่ธรรมดาแน่นอน”
ความหมายของคำพูดนั้นก็คือคืนเข้าห้องหอล้ำค่านัก คนอย่างหนานหว่านเยียนไม่สำคัญ กู้โม่หานควรเข้าสู่เรื่องสำคัญแล้ว
กู้โม่หานตะลึง สีหน้าอ่อนโยนลงกะทันหัน จับคางของหยุนอี่ว์โหรว สบตากับสายตาอันเขินอายของนาง ในใจก็ตื่นเต้นเร่าร้อนขึ้นมาทันที
ในเวลาเดียวกัน ไม่มีคนสังเกตเห็น บนหลังคาในตอนนี้ มีร่างเล็กๆสองร่างที่ซ่อนตัวอยู่อย่างแอบๆย่องๆ
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปามาอย่างเร่งรีบ ใช้ต้นไม้คอยช่วยเหลือกัน บินขึ้นไปอย่างยากลำบาก
พี่น้องสองคนรู้ใจกันอย่างมาก มาถึงตรงกลางหลังคา เปิดกระเบื้องหลังคาออกด้วยหน้าบึ้งตึง
เพียงครู่เดียว กระเบื้องก็ถูกเปิดออกเป็นช่อง ผ่อนช่องว่างฝั่งนี้ เกี๊ยวน้อยเห็นสองคนบนเตียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดกันยิ้มแย้มอย่างชัดเจน
“ถุย! ไม่รู้จักอาย!” ยายเด็กน้อยเบิกตากว้างก้มหน้าด่า ซาลาเปารีบขยับเข้าใกล้ เห็นกู้โม่หานยื่นมือพอดี เอาปิ่นปักผมของหยุนอี่ว์โหรวออก
ผมดำกระจัดกระจาย จากนั้นมือใหญ่คู่นั้นของผู้ชายจับที่หัวไหล่ของหยุนอี่ว์โหรว จะช่วยนางถอดเสื้อ
เกี๊ยวน้อยร้อนรนจนตาแดง โมโหจนหมัดน้อยๆกำกระเบื้องไว้แน่น โมโหจนแก้มป่อง
หยุนอี่ว์โหรวกึ่งหมอบอยู่ในอ้อมกอดของกู้โม่หาน น้ำเสียงคลุมเครือ “ท่านอ๋อง ต่อจากนี้โหรวเอ๋อร์จะปรนนิบัติท่านอ๋องอย่างดี ถึงแม้โหรวเอ๋อร์ไม่ใช่พระชายา ลูกที่คลอดไม่ได้สูงส่งดั่งลูกพระชายา แต่ว่าโหรวเอ๋อร์จะสอนพวกเขาอย่างดีแน่นอน ให้พวกเขาเชื่อฟัง”
กู้โม่หานได้ยิน ขมวดคิ้วแน่น “ครั้งนั้นข้าปฏิเสธไม่ได้ เจ้ารู้ว่าไทเฮาบังคับ…….แต่ต่อจากนี้ข้าจะไม่แตะต้องนางอีก!”
สำหรับลูก…….ในใจส่วนตัวของเขาคิดอยากให้เด็กสองคนนั้นเป็นลูกสาวของเขา แต่หากไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร
เดิมที เขาและหนานหว่านเยียนยังมีความแค้นลึกซึ้ง พวกเขาเป็นไปไม่ได้ และไม่ควรมีลูก!
หยุนอี่ว์โหรวสายตาดีใจ จากนั้นก็พูดอย่างดีใจ “ถึงแม้พระชายาจะไม่สามารถมีลูกชายให้ท่านอ๋องได้ แต่โหรวเอ๋อร์จะพยายามแน่นอน เพียงแค่โหรวเอ๋อร์กังวล ท่านอ๋องจะเหนื่อย…….”
นี่นี่นี่ สองคนนี้พูดคำหยาบคายสกปรกอะไรกัน!
ในใจของซาลาเปาและเกี๊ยวน้อยตอนนี้โมโห
มองเห็นกู้โม่หานสองคนอยู่ในห้องอย่างอบอุ่นและดีใจ รักใคร่เสน่หา แล้วดูท่านแม่ของพวกนาง กำลังคุกเข่าหนาวอยู่นอกห้อง ทรมานน่าอนาถ!
สองตัวเล็กช่วยหนานหว่านเยียนสวมบทน่าอนาถอย่างอัตโนมัติ ในสายตาของพวกนาง หนานหว่านเยียนตอนนี้กินไม่อิ่ม ยังต้องกล้ำกลืนน่าสงสาร เทียบกับกู้โม่หานสองคนช่างน่าสงสารเหลือเกิน!
หยุนอี่ว์โหรวและกู้โม่หานช่างชั่วร้ายเลวทราม!
เกี๊ยวน้อยโกรธจนกัดฟัน ซาลาเปายิ่งหน้าย่นขยับหน้าเล็กๆเข้าไปใกล้นาง “พี่ พวกเขาน่าโมโหจริงๆ! รังแกท่านแม่แบบนี้!”
“ต้องแก้แค้นให้ท่านแม่!”
“แก้แค้น!”
สองตัวเล็กแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ขนน้ำเศษข้าวถังหนึ่งถังขึ้นมาด้วยความร่วมมือจากด้านข้าง เสียพลังงานของพวกนางทั้งสองอย่างมหาศาล บีบจมูกสบตากัน
ด้านล่างของพวกนาง หยุนอี่ว์โหรวหยิบเหล้าขึ้นมาสองแก้วจากโต๊ะ ยื่นให้กู้โม่หานหนึ่งแก้ว ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน มือที่ยกแก้วเหล้าประสานกัน สายตารักใคร่
“โหรวเอ๋อร์ยินดีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันกับท่านอ๋อง ไม่แยกจากกันตลอดไป”
“ข้าก็ยินดีอยู่กับโหรวเอ๋อร์ทุกชาติทุกภพ ตลอด……”
“ชิ้ว——” สองพี่นี้ผลักสุดแรง ก็เห็นน้ำเศษข้าวเทโคร่งลงไป น้ำเศษข้าวเหม็นเน่าถังใหญ่สาดลงไป เหมือนดั่งน้ำตก
ยังไม่รอผู้ชายพูด น้ำเศษข้าวถังใหญ่เทลงมาจากฟ้า ทันใดนั้นทั้งสองก็เปียกชุ่มเหมือนหมาตกน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้า แก้วเหล้าที่เดิมทีหอมกรุ่นรอบด้าน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเหม็นหึ่งไปทั่ว
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองตอบสนองแทบไม่ทัน
ผมของหยุนอี่ว์โหรวมีผักติดอยู่หลายชิ้น ยกแก้วเหล้าไว้อย่างตะลึง ทำอะไรไม่ถูก
กู้โม่หานก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน บนหัวมีเปลือกไข่ บนไหล่แบกมะเขือเทศเน่า แก้วเหล้าในมือ ยังมีลูกชิ้นก้อนหนึ่งอย่างพอดี
พูดได้แค่ว่า สถานที่เกิดเหตุ น่าอนาถอย่างทนดูไม่ได้——