ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 55 กู้โม่หาน เจ้ามันช่างเลวทราม
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 55 กู้โม่หาน เจ้ามันช่างเลวทราม
นางเห็นทั้งสองคน “สำเร็จอีกครั้ง” กลายเป็นลูกหมาตกน้ำอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงว่าสะใจแค่ไหน
สมน้ำหน้า!ใครให้กู้โม่หานผู้ชายที่สมควรตายคนนี้จงใจแก้แค้นนาง ทำให้นางเหนื่อยแทบตาย น้ำเย็นที่นางสาดให้ผู้ชายคนนี้ “ไม่ปรุงแต่ง” ก็ถือว่าเขาโชคดีแล้ว กู้โม้หานมีสิทธิ์อะไรยังกล้ามาตะโกนใส่นาง?
กู้โม่หานจ้องผู้หญิงอย่างดุดัน พูดตะโกนอย่างโมโห “หนานหว่านเยียน! ข้าว่านางมารร้ายอย่างเจ้ามันจงใจชัดๆ!”
ตอนแรกหยุนอี่ว์โหรวกับกู้โม่หานก็ใกล้สำเร็จแล้ว ถูกหนานหว่านเยียนสาดน้ำเย็นมาหนึ่งถัง โกรธจนแยกเคี้ยวกัดฟันจนเกิดเสียง นิ้วมือก็บีบไว้แน่น
จากนั้น นางกอดตัวเองไว้ หดตัวอยู่ในสระน้ำค่อยๆยกหัว
“ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์รู้สึกหนาวมาก…….ทำไมพระชายาต้องทำเช่นนี้กับโหรวเอ๋อร์ด้วย หรือว่าโหรวเอ๋อร์ทำอะไรผิดอีกแล้ว ทำให้พระชายาโกรธหรือ?”
กู้โม่หานกำลังอยู่ในความโมโห เขาเห็นหญิงที่รักในใจน้อยอกน้อยใจ ตอนนี้ยังหดตัวเนื้อตัวสั่นอยู่ ยิ่งโมโหโกรธามากขึ้น
เขารีบอุ้มหยุนอี่ว์โหรวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ผลักหนานหว่านเยียนออกไป เอาเสื้อผ้าสะอาดมาคลุมที่ตัวหยุนอี่ว์โหรว
หนานหว่านเยียนสะดุด หมอบอยู่ที่ผนังแกล้งทำเป็นปาดน้ำตาอย่างอ่อนแอ “น้องทำไมพูดเช่นนี้ล่ะ? วันนี้ข้าก็ถือว่าเป็นแม่สื่อให้กับน้องและท่านอ๋องมาทั้งวัน แล้วก็จัดการให้น้องเข้าบ้านแล้วยังช่วยพวกเต้าตัดน้ำอาบน้ำอีก พวกเจ้าร้อนแล้ว ยังใจดีช่วยพวกเจ้าเติมน้ำเย็น”
“เฮ้อ ใจดีกลับถูกมองเป็นใจดำ!” ผู้หญิงพูดไปด้วย ก็สะอื้นขึ้นมา
หยุนอี่ว์โหรวแพศยาใช่ไหม? งั้นก็ดูว่าใครแพศยากว่ากัน!
หยุนอี่ว์โหรวได้ยินก็โมโหแทบตายแล้ว หนานหว่านเยียนเป็นแม่สื่อให้นางอะไรกัน!
หากไม่ใช่ว่านางเป็นที่รักใคร่ มีกู้โม่หานคอยหนุนหลัง นางต้องถูกหนานหว่านเยียนทำให้ตายไม่ช้าก็เร็ว!
นางโมโหจนน้ำตาไหล “ท่านอ๋อง ท่านดู……พี่สาวไม่พอใจจริงๆแล้ว เป็นความผิดของโหรวเอ๋อร์ทั้งนั้น เป็นโหรวเอ๋อร์ที่ไม่ควรตะกละต่อความรักของท่านอ๋อง ทำให้พี่สาวโกรธแล้ว……”
ได้ยินแล้ว กู้โม่หานก็โมโหขึ้นมา ความโมโหต่อหนานหว่านเยียนที่สะสมมาทั้งวันก็ระเบิดทันที เขาตะโกนอย่างโมโห “ให้คนเข้ามา!ลากตัวพระชายาออกไป! โบยสามสิบที!”
หยุนอี่ว์โหรวครั้งนี้ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่แนบชิดอยู่ในอกของผู้ชายไม่ปล่อยมือ ร้องไห้อย่างน่าสงสาร
หนานหว่านเยียนได้ยินกู้โม่หานจะลงโทษตัวเอง ก็พูดโต้แย้งอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เจ้ามีสิทธิ์อะไรลงโทษข้า?”
องครักษ์สองคนที่เข้ามาจากประตูได้ยิน ยืนอยู่กับที่มองหน้ากันอย่างลังเล
นี่มันสถานการณ์อะไร?!
กู้โม่หานตาคมหรี่ลง แปร่งประกายรัศมีแห่งความอันตราย เขาปล่อยตัวหยุนอี่ว์โหรว เดินกระชั้นชิดเข้าไปหาหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนกลับถูกรัศมีอันกดดันของเขาบีบจนไปถึงขอบผนัง
ผู้ชายโมโหกราดเกรี้ยว “สิทธิ์อะไร? หนานหว่านเยียน การกระทำวันนี้ของเจ้า หรือจะให้ข้าช่วยเจ้าบรรยายอีกหนึ่งรอบหรือ?!”
“ข้าให้เจ้ามาทบทวน เจ้าไม่เพียงไม่คิดทบทวน ยังกินปิ้งย่างตรงหน้าประตูห้องข้า! โหรวเอ๋อร์ช่วยเจ้าร้องขอ ให้เจ้าไม่ต้องคุกเข่า เจ้ากลับรู้ว่านางร่างกายอ่อนแอ ยังสาดน้ำเย็นใส่นางอีก! นางแพศยาอย่างเจ้า! ผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยม! หรือว่าไม่ควรถูกทำโทษ?!”
เหอะ ผู้หญิงเสแสร้งอย่างหยุนอี่ว์โหรวคนนี้ล้างสมองเก่งจริงๆ! คนอย่างนาง ยังสามารถช่วยนางคิดก็มีผีแล้ว!
หนานหว่านเยียนไม่เลยแม้แต่น้อย หัวเราะเย็นชา “กู้โม่หาน ข้าพูดแล้ว น้ำของพวกเจ้าร้อนเกินไป เพราะฉะนั้นถึงช่วยพวกเจ้าเติมน้ำเย็น ข้าไม่ได้ผิด ข้าก็ไม่ยอมให้ทำโทษ!”
ผู้ชายบีบคางของผู้หญิงไว้อย่างแรง ใช้แรงบีบไว้อย่างแน่น ให้หัวของหนานหว่านเยียนชิดอยู่ที่กำแพง ในตาลุกเป็นไฟ
“หนาน ว่าน เยียน! เจ้ากลับกล้าโต้แย้งต่อหน้าข้า! วันนี้ข้าไม่เพียงจะลงโทษเจ้า! ยังจะลงโทษให้หนัก! ให้คนเข้ามา ลากตัวนางลงไป!”
“ใครกล้า!” หนานหว่านเยียนแสดงสายตาดุกะทันหัน หยิบเข็มออกมาหนึ่งเล่มอย่างรวดเร็วและไม่มีคนเห็น ทิ่มเข้าไปที่หลังหูของกู้โม่หาน!
“ข้าขอบอกเจ้า นี่คือเข็มพิษ ข้าขอเตือนเจ้าทางที่ดีที่สุดอย่าคิดทำอะไรวู่วาม! ยิ่งอย่าคิดลงโทษข้า มิเช่นนั้น——พิษท่านอ๋องกำเริบเกิดเรื่อง จะโทษข้าไม่ได้!”
พิษ?!
องครักษ์ได้ยิน เหงื่อไหลไม่หยุด สีหน้าซีดขาว
พระชายากลับกล้าวางยาท่านอ๋องต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้?!
นั่นคือเทพสงครามกู้โม่หาน! พระชายาทำได้อย่างไร?
หยุนอี่ว์โหรวสีหน้าเปลี่ยน ตาสองข้างเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เมื่อก่อน หนานหว่านเยียนสร้างศัตรูกับคนอื่นอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องไม่ดีบนตัวกู้โม่หาน แต่ตรงหน้ากลับกล้าทำร้ายเขา?!
แต่เปลี่ยนความคิด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะแสดงต่อหน้ากู้โม่หาน
หยุนอี่ว์โหรวพุ่งไปข้างหน้า จับเสื้อของหนานหว่านเยียนไว้แน่น ตะโกนพูดอย่างปวดใจ “พระชายา อย่าทำร้ายท่านอ๋อง!”
สายตาอันตกใจของนางเต็มไปด้วยน้ำตา มองดูหน้าอันโมโหและตะลึงของกู้โม่หาน พูดด้วยเสียงเสียใจ “พระชายา เป็นโหรวเอ๋อร์ที่ไม่ดี โหรวเอ๋อร์ยอมทั้งหมดนี้ ท่านอ๋อง ท่านก็อย่าโทษพระชายาอีกเลย โหรวเอ๋อร์รู้ว่าพระชายารักท่านอ๋องอย่างเต็มอกเต็มใจ นางล้วนเป็นเพราะใจที่รักสามีปรารถนาอย่างแรง ถึงได้มีพฤติกรรมเช่นนี้”
“โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์ไม่อยากกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านอ๋องพระชายา ยังหวังว่าพระชายาจะเมตตาด้วย ช่วยท่านอ๋องถอนพิษด้วย!”
“โหรวเอ๋อร์ ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว!” กู้โม่หานโมโหโกรธา สายตาที่จ้องหนานหว่านเยียนดุดัน
“หนานหว่านเยียน เจ้ากล้าข่มขู่ข้า! ข้าว่าเจ้ามันมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้ว!”
พูดไป เขาก็สะบัดมือของหนานหว่านเยียนออกกะทันหัน ดึงเข็มหลังหูอย่างแรงแล้วโยนทิ้งบนพื้น ไม่มีความหวาดกลัวและตกใจแม้แต่น้อย
หนานหว่านเยียนตะลึง
นี่ยังไม่กลัว? กู้โม่หานในตอนนี้ยังมีความรู้สึกของเทพสงครามอยู่บ้างแล้ว
“คือท่านอ๋องที่ลงโทษข้าอย่างไร้เหตุ ข้าทำเพื่อป้องกันตัว ท่านอ๋องอย่าคิดว่าข้าข่มขู่ท่าน ข้าขอถามท่าน ตอนนี้ท่านรู้สึกว่าขาไร้เรี่ยวแรง ขาทั้งสองข้ายังรู้สึกชา?”
กู้โม่หานขมวดคิ้ว สายตาเฉียบคมเย็นชา “นั่นแล้วอย่างไร! หากเจ้าวางยาจริง ข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าทันที!”
หนานหว่านเยียนหรี่ตา น้ำเสียงเรียบเฉย กลับมีความข่มขู่อยู่เล็กน้อย “หากท่านอ๋องจะลงโทษข้าจริง นั่นก็ลงมือเถิด เพราะว่าฆ่าข้าแล้ว ยาพิษนี้ก็ไม่สามารถถอนได้แล้ว”
ได้ยินแล้ว หยุนอี่ว์โหรวขมวดคิ้วแน่น นิ้วมือบิดแขนเสื้อไม่หยุด
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” กู้โม่หานโมโหอย่างที่สุด ตะโกนต่อองครักษ์สองคนที่ยืนตะลึง “พวกเจ้ายังอึ้งอยู่ทำไม! ให้ข้ามัดนางไว้! เฆี่ยนให้หนัก!”
หนานหว่านเยียนก็หยิบเข็มเงินออกมาจากแขนเสื้ออีกสามเล่มทันที ปลายเข็มชี้ไปทางองครักษ์สองคน “ใครกล้าเข้ามา! ข้าจะให้เขาตายทั้งเป็น!”
องครักษ์สองคนนั้นเพิ่งก้าวออกมาหนึ่งก้าว มองดูเข็มเงินอันเย็นเยือก ทันใดนั้นไม่กล้าขยับไปข้างหน้าอีก
สายตาของกู้โม่หานเคร่งขรึมลงทันที องครักษ์นี้กลับกล้าไม่ฟังคำสั่งของเขา หนานหว่านเยียนช่างใจกล้านัก! ช่างกำเริบเสิบสาน!
“ได้ ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ งั้นข้าก็จะให้สองคนเล็กนั้น……หญิงรับใช้องครักษ์ในเรือนเซียนหลินรับโทษแทนเจ้า! ให้คนมา! ไปเรียกคนทั้งหมดในเรือนเซียนหลินมา! ลงโทษโบยคนละยี่สิบไม้! ทำโทษแทนพระชายา!”
พูดจบ ดวงตาของหนานหว่านเยียนก็หดแน่น พูดอย่างโมโห “กู้โม่หาน! ท่านมันช่างเลวทราม!”