ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 74 ท่านอ๋องถูกเด็กสาวทั้งสองรังเกียจ
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 74 ท่านอ๋องถูกเด็กสาวทั้งสองรังเกียจ
กู้โม่หานจับลูกเตะขนไก่ไว้ด้วยนิ้วมือที่เรียวยาว จากนั้นก็โยนให้ซาลาเปา แล้วพูดว่า “ลองดู”
ซาลาเปารีบเอื้อมมือไปรับมัน แต่เกี๊ยวน้อยรับไปก่อน “เย้ ข้ารับได้แล้ว!”
กู้โม่หานมองไปที่เด็กสาวทั้งสองคน ในใจรู้สึกอบอุ่นและเอ็นดูอย่างยากจะบรรยาย
ซาลาเปาเองก็ร้อนใจ กัดฟันแน่นอย่างไม่เต็มใจ “พี่สาว มาเล่นกันอีกครั้ง!”
เกี๊ยวน้อยเตะอย่างคล่องแคล่ว และส่งลูกเตะขนไก่ไปทางซาลาเปา
ซาลาเปาไม่ค่อยเก่งด้านนี้ การเคลื่อนไหวของนางจึงค่อนข้างติดขัดและไม่ถนัด
ไม่ทันได้ระวัง ลูกเตะขนไก่จึงถูกเตะออกไป และตกลงบนกิ่งไม้
พอเห็นเช่นนี้ ซาลาเปาจึงรู้สึกผิดและกล่าวโทษออกมา นางบิดแขนเสื้อไปมา และก้มหน้าลง “ข้าขอโทษ ข้าเตะไปติดบนต้นไม้แล้ว”
กู้โม่หานกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้โดยไม่ลังเล เขายืนบนกิ่งไม้ใหญ่ แล้วยกยิ้มให้สองพี่น้องด้านล่าง “ถ้าเจ้าพูดน่าฟังออกมาให้ข้าพอใจ ข้าจะช่วยเก็บลูกเตะขนไก่ให้”
ใช้คำเรียกตนเองอย่างเป็นกันเองอีกแล้ว……
เสิ่นอี่ว์กับเซียงอวี้ตกตะลึง
ท่านอ๋องดูเหมือนพ่อของเด็กทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาสนุกกับการเล่นกับเด็กสาวทั้งสอง และทำตัวเหมือนเด็ก
นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
พี่น้องทั้งสองเห็นว่ากู้โม่หานตัวเบาราวนกนางแอ่น สามารถปีนขึ้นต้นไม้ได้แค่การกระโดดเพียงครั้งเดียว ท่าทางมั่นคง ดวงตาของพวกนางก็เป็นประกาย
คนใจร้ายคนนี้มีวิชาการต่อสู้ที่ดีมาก!
มันทำให้พวกนางรู้สึกเคารพนับถือจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ท่านลุง ท่านลุง สอนวิชาการต่อสู้ให้พวกเราได้ไหม” เกี๊ยวน้อยพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
พอได้ยินเช่นนี้ กู้โม่หานก็เลิกคิ้วขึ้น “พวกเจ้าอยากเรียนวิชาการต่อสู้ไปเพื่ออะไร”
ซาลาเปายกมือขึ้นมา “ท่านแม่บอกไว้! ตอนนี้ข้ากับพี่สาวไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ถ้าพวกเราเรียนวิชาการต่อสู้ พวกเราก็สามารถแก้…ปกป้องตัวเองได้!”
หลังจากพูดจบ ซาลาเปาก็กลืนน้ำลายอย่างประหม่า เกือบจะหลุดปากพูดออกไปแล้ว!
สองพี่น้องจ้องมองอย่างกระตือรือร้น สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความคาดหวังและขอร้อง
กู้โม่หานหยิบลูกเตะขนไก่ขึ้นมา แล้วกระโดดลงมาจากต้นไม้ ก่อนจะยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสอง “ตกลง ข้าจะสอนวิชาการต่อสู้ให้!”
แม้ว่าเด็กน้อยสองคนนี้จะแกล้งเขาเมื่อเช้า แต่กู้โม่หานก็โกรธไม่ลง พวกนางอยากได้อะไร เขาก็หาให้ได้
เกี๊ยวน้อยดีใจมาก และส่งเสียงร้องอย่างดีใจ “เย้! ได้เรียนวิชาการต่อสู้แล้ว! ขอบคุณท่านลุง!”
เสิ่นอี่ว์กับเซียงอวี้มองไปทางทั้งสามคนตรงหน้าที่ดูเข้ากันมาก ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของเขาหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าคิ้วและดวงตาของเด็กน้อยทั้งสองนั้นคล้ายกับกู้โม่หานมาก
เสิ่นอี่ว์พูดพึมพำ “เซียงอวี้ เจ้าเคยรู้สึกไหมว่าคิ้วและดวงตาของคุณหนูทั้งสองเหมือนท่านอ๋องมาก”
เสียงพูดไม่เบาและไม่ดังเกินไป แต่มันก็เข้าหูสองพี่น้องและกู้โม่หาน
“ไม่เหมือนสักหน่อย!” สองพี่น้องเถียงกลับอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที “พวกเราเหมือนท่านแม่ของพวกเราเท่านั้น!”
พวกนางไม่อยากให้คนใจร้ายคนนี้รู้ชาติกำเนิดของพวกนาง! จึงตะโกนออกมา!
สีหน้าของกู้โม่หานชะงักไปทันที พอเห็นว่าเด็กน้อยจอมแสบทั้งสองทำท่าทีรังเกียจเขา ในใจเขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย รู้สึกแน่นหน้าอกและหงุดหงิดมาก
ถ้าเขาเป็นบิดาของพวกนางจริงๆ เขาจะไม่ทำให้พวกนางรู้สึกอับอายขายหน้าหรือ?
“พี่เซียงอวี้! พวกเราไม่อยากเล่นแล้ว พวกเราอยากกลับเรือนเซียงหลินแล้ว!” เกี๊ยวน้อยสีหน้าบูดบึ้งเดินไปหยิบลูกเตะขนไก่จากมือของกู้โม่หาน แล้วหันหลังกลับเดินออกจากประตูเรือนซีเฟิง
ซาลาเปารีบวิ่งตามหลังไปติดๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปถลึงตาใส่กู้โม่หาน
เซียงอวี้รีบทำความเคารพ และกล่าวลา “ท่านอ๋อง บ่าวขอทูลลาเพคะ”
กู้โม่หานรู้สึกตกใจ เหมือนถูกตีท้ายทอย จนยืนงงอยู่กับที่
เสิ่นอี่ว์ก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดกับกู้โม่หานเสียงเบา “ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าท่านจะถูกคุณหนูทั้งสองรังเกียจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กู้โม่หานส่งเสียงฮึดฮัด แล้วเหล่มองไปที่เสิ่นอี่ว์
เรื่องมันเห็นได้ชัดเช่นนี้ ยังต้องให้เขาพูดอีกหรือ?
แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิด อยากจะระเบิดอารมณ์อย่างไม่มีเหตุผล
เด็กสาวสองคนนี้ก่อนหน้านี้เพิ่งบอกว่าพวกนางอยากเรียนรู้วิชาการต่อสู้กับเขา แค่พริบตาก็ไม่สนใจเขาแล้ว
นิสัยเหมือนกับหนานหว่านเยียนไม่มีผิด! เปลี่ยนอารมณ์ไวกว่าพลิกตำรา!
เสิ่นอี่ว์ปิดปากของเขาอย่างรู้ตัว และยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ส่งเสียง
ทันใดนั้น กู้โม่หานก็รู้สึกปวดท้องจนทนไม่ได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันยุ่ง ก่อนจะก้มลงไปบีบท้องไว้
พอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสิ่นอี่ว์รีบไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง กู้โม่หานและพูดอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง! โกรธจนถึงกับปวดท้องเลยหรือ? บ่าวช่วยพยุงกลับไปที่ห้องก่อน แล้วจะไปเรียกท่านหมอมาให้!”
หลังจากพูดจบ เสิ่นอี่ว์ก็ช่วยพยุงกู้โม่หานกลับไปที่ห้องอย่างยากลำบาก สีหน้าของกู้โม่หานซีดเผือด และเหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผาก
เสิ่นอี่ว์รีบร้อน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง รีบวิ่งไปทางเรือนหมอ เพื่อเรียกท่านหมอ
แค่เวลาไม่นาน กู้โม่หานกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งศตวรรษ ช่างเป็นความทรมานที่ยาวนานมาก
ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างจะพุ่งออกมา เขาไม่สนใจท่านหมอกับเสิ่นอี่ว์ที่เพิ่งเดินเข้ามา รีบลุกจากเตียงแล้ววิ่งออกไปทางประตู
สภาพของเขาดูโทรมมาก จนแม้แต่เสิ่นอี่ว์ยังเหงื่อตกแทน
นี่มัน ท่านอ๋องถูกยั่วโมโหถึงขนาดนี้เลยหรือ!
กู้โม่หานทำการปลดทุกข์ในกระท่อมห้องน้ำ พอกำลังจะกลับห้อง สีหน้าของเขาก็บูดบึ้ง แล้วรีบกลับไปที่กระท่อมห้องน้ำอีกครั้ง
เขารู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง เหมือนอวัยวะภายในทั้งหมดถูกบิดขยี้ ทำให้เขาทรมานมาก
จนกระทั่งเข้าไปครั้งสุดท้าย ตอนที่กู้โม่หานออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายของเขาก็แทบหมดแรง
เสิ่นอี่ว์ยืนมองอยู่ด้านข้าง ในใจรู้สึกสงสารจับใจ “ท่านอ๋อง เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดท่านหมอก็มีโอกาสได้ตรวจชีพจรให้กู้โม่หาน
ชายชรากล่าวด้วยความนอบน้อม “ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้เพราะสลอดลอดพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นถึงได้เกิดอาการท้องเสีย บ่าวจะสั่งจ่ายยาให้ หลังจากกินยาเหล่านี้หนึ่งวัน อาการก็จะดีขึ้น แต่วันนี้ ท่านอ๋องคงต้องลำบากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากพูดจบ ท่านหมอก็เดินตามบ่าวรับใช้ออกไป
“วันนี้ข้าไม่ได้กินอะไรเลย…” กู้โม่หานสีหน้าแย่มาก และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แววตาของเขาเคร่งขรึม “เป็นฝีมือของเด็กสองคนนั้น! นี่มัน…”