ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 82 มีลูกสาวให้เจ้าสองคน
นางมองกู้โม่หานที่ทำสีหน้าโกรธขึงขังด้วยความอึ้งทำอะไรไม่ถูก หัวใจรัดแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เซียงอวี้ยืนสั่นพั่บๆ อยู่ด้านข้าง มองหนานหว่านเยียนด้วยความตื่นตระหนก
กู้โม่หานอัดอั้นความโกรธเต็มอก ไม่มีที่ระบาย พอเห็นหนานหว่านเยียนที่มีสีหน้าหลบลี้ในตอนนี้แล้ว ก็ยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม อดนึกถึงภาพเมื่อครู่ตอนที่เข้าวังไม่ได้
หลังจากหนานหว่านเยียนจากไป หลี่หมัวมัวก็พาเขาไปตำหนักบรรทมของไทเฮา
หญิงชราที่นั่งอยู่บนตำแหน่งหลักกระปรี้กระเปร่า ก็เหมือนกับที่หลี่หมัวมัวกล่าว หากเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้สภาพร่างกายดีกว่ามาก
ทีแรกเขายังนึกว่าไทเฮาจะพูดอะไรกับเขา สุดท้ายพอเจอ ไทเฮาก็ตำหนิติเตียนกู้โม่หาน “อ๋องอี้ ข้านึกว่าเจ้าจะยอมรับผิดจากใจ ต่อไปรู้จักดีกับเยียนเอ๋อร์แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลย เจ้ากลับโง่งมดื้อดึงอย่างนี้!”
“หยุนอี่ว์โหรวนั่นมีอะไรเทียบเยียนเอ๋อร์ได้ เจ้ากลับเหยียดหยามเยียนเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า! ยังไม่พูดที่เจ้าใช้เรื่องแต่งงาน ทำให้เยียนเอ๋อร์ที่เป็นนายหญิงวางหน้าไม่ติด! ห้าปีก่อนเจ้าที่เป็นสามีก็ไม่เคยกลับบ้านเดิมเป็นเพื่อนเยียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้ากลับจะอยู่เป็นเพื่อนหยุนอี่ว์โหรว?”
“ข้าไม่อนุญาต! ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เจ้าก็ต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเยียนเอ๋อร์! ไปพักที่จวนเฉิงเซี่ยงหนึ่งคืน!”
ขณะนั้นสายตากู้โม่หานเย็นชา
หนานหว่านเยียน นางผู้หญิงนั่นก่อเรื่องดังคาด! หลี่หมัวมัวถึงมาได้เวลาเหมาะเหม็ง หนานหว่านเยียนเสียสติบ้าไปแล้ว ถึงได้หาเรื่องเขาทุกเรื่อง!
เขาค้อมตัว อดกลั้นเพลิงโทสะ เอ่ยกับไทเฮา “เสด็จย่า หม่อมฉันใช่ว่าจะเจาะจงทำกับหนานหว่านเยียน แต่เป็นนางที่หาเรื่องในวันแต่งงานของหม่อมฉัน ถึงได้เกิดสถานการณ์เช่นนั้น เสด็จย่าอย่าทรงถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ระหว่างพูด อารมณ์ของกู้โม่หานก็โมโหพลุ่งพล่าน “หนานหว่านเยียนคือคนถ่อยจิตใจคับแคบไม่เลือกวิธี เสด็จย่าโปรดพิจารณาด้วย! วันนี้หม่อมฉันจะไม่กลับจวนเฉิงเซี่ยงเป็นเพื่อนนางเด็ดขาด!”
เมื่อไทเฮาได้ฟัง ก็โกรธจนดวงตาลุกเป็นไฟทันที นางตบโต๊ะอย่างวาวโรจน์ เอ่ยกับหลี่หมัวมัวที่อยู่ด้านข้าง “หลี่หมัวมัว! เจ้าพูดมาสิ วันนั้น ในคืนงานเลี้ยงแต่งงาน เจ้าเห็นอะไร!”
หลี่หมัวมัวตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทูลไทเฮา วันนั้นบ่าวเห็นมากับตา พระชายารองหยุนจงใจสาดน้ำชาร้อนกับพระชายา คุณชายรองจวนแม่ทัพผู้นั้นก็โอหังกำแหง ไม่สนใจเกียรติและศักดิ์ศรี เรียกชื่อจริงของพระชายาต่อหน้าธารกำนัล พระชายาได้รับความอยุติธรรมอย่างมาก สุดท้ายจึงกลับเรือนเซียงหลินด้วยน้ำตาเพคะ”
การสาธยายนี้ หนานหว่านเยียนกลายเป็นภรรยารองรับอารมณ์ที่ถูกคนรังแกเหยียดหยามโดยสมบูรณ์ ส่วนกู้โม่หานและหยุนอี่ว์โหรวก็คือตัวการของเรื่องนี้!
กู้โม่หานเกรี้ยวโกรธ มีเรื่องอย่างนี้ที่ไหนกัน หนานหว่านเยียนหาเรื่องจงใจเล่นละครชัดๆ!
ไทเฮากริ้วหนัก “ได้ยินแล้วกระมัง! อ๋องอี้! ข้าจะให้เจ้าไปจวนเฉิงเซี่ยงเดี๋ยวนี้เลย! ขอโทษเยียนเอ๋อร์ดีๆ แล้วทำหน้าที่ที่สามีพึงกระทำอย่างสุดความสามารถ!”
กู้โม่หานกัดฟัน น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ไม่ไปพ่ะย่ะค่ะ!”
“กู้โม่หาน เจ้า…” ไทเฮาชี้จมูกเขาโพล่งอารมณ์
สุดท้าย ไม้แข็งไม่สำเร็จจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน กู้โม่หานเห็นเหล่าไท่ไท่สูงวัยจู่ๆ ก็ปิด หน้าร้องไห้ขึ้นมา “เฮ้อ อดีตฮ่องเต้ ข้าอบรมสั่งสอนไม่ดี ลูกหลานราชวงศ์เหล่านี้ดื้อรั้นไร้มารยาท ข้า ข้าไม่มีหน้าไปพบพระองค์แล้ว!”
ในดวงตากู้โม่หานมีเงามืดปกคลุม เขารีบเอ่ยปลอบ “เสด็จย่า ทรงทำอะไรน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาร้องไห้หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ลืมทุบอกอีกยก “ข้าไม่ไหวแล้ว! พวกเจ้าไม่เชื่อฟังข้าแล้ว! มีแต่เยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์กตัญญูกับข้าที่สุด แต่เจ้ากลับร้ายกับนางอย่างนั้น ข้าไปตายเสียดีกว่า!”
กู้โม่หานสูดลมเย็น ต่างกล่าวว่าคนยิ่งอายุมากก็ยิ่งเด็ก วันนี้นับว่าเขาได้ประจักษ์แล้ว
กู้โม่หานตัดใจ เอ่ยด้วยความโกรธ “ไป! หม่อมฉันไปก็พอแล้วใช่หรือไม่! อย่ากรรแสงอีกเลย! หากเสด็จพ่อทรงทราบ จะตำหนิว่าหม่อมฉันไม่กตัญญู ทำให้พระองค์กริ้วอีกแล้ว!”
“อย่างนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ไทเฮาก็หยุดทำหน้าเศร้าร้องไห้ทันที เปลี่ยนเป็นแขวนรอยยิ้มพึงพอใจ
หางตากู้โม่หานกระตุก แอบกำหมัดแล้วออกมา
ใครจะรู้ เคราะห์ร้ายไม่ได้มีเพียงหนเดียว เขาเพิ่งเดินไปถึงประตูตำหนัก ก็เห็นหนานฉีซานเดินมาพอดี
หนานฉีซานประสานมือกับเขาอย่างมีมารยาทและระเบียบราชสำนัก “อ๋องอี้”
กู้โม่หานฮึด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหลือบมองหนานฉีซาน น้ำเสียงเต็มไปด้วยการถากถาง “ตอนนี้หนานเฉิงเซี่ยงมีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด อบรมเหล่าบุตรี แต่ละคน ‘งดงามหลักแหลม’ ดีพร้อมทั้งคุณธรรมและจริยธรรมอย่างหาได้ยาก”
คำพูดของเขาแฝงการเสียดสี หนานฉีซานหรือจะฟังไม่ออก
แต่หนานเฉิงเซี่ยงที่สงบนิ่ง ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ ทั้งยังยิ้มรับ “มิกล้า พระชายาอี้สามารถช่วยเหลืออ๋องอี้ได้ สร้างชื่อให้กับซีเหย่ นั่นก็คือเกียรติของกระหม่อม”
กู้โม่หานหัวเราะเย็น น้ำเสียงพกพาการยั่วยุชัดเจน
“เกียรติ? หนานฉีซาน ข้าว่าเจ้าเลี้ยงหนานหว่านเยียนหลายปีขนาดนี้ ก็เพื่อรอวันนี้กระมัง ข้าจะบอกเจ้าให้ชัดๆ ขอเพียงหนานหว่านเยียนอยู่ในจวนอ๋องอี้หนึ่งวัน ข้าก็จะไม่ให้นางได้อยู่อย่างมีความสุข!”
หนานฉีซานทำตาขวาง สายตาเย็นชา มองกู้โม่หานอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง
เขาคิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานยังจะติดใจกับเรื่องในปีนั้นอย่างนี้ สำหรับหนานหว่านเยียนบุตรีของเขา…
ยังนึกว่าที่นางทำตัวโดดเด่นในงานเลี้ยงของวังหลวง เป็นเพราะเริ่มพลิกสถานการณ์แล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่ายังเหมือนกับห้าปีที่แล้ว…คุณค่าของพระชายาอี้ เขาควรพิจารณาใหม่แล้วจริงๆ
ทั้งสองเงียบตลอดทางจนถึงจวนเฉิงเซี่ยง
กู้โม่หานโมโหพลุ่งพล่านคิดจะไปหาเรื่องหนานหว่านเยียน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นภาพตรงหน้าหนานหว่านเยียนในเวลานี้
หนานฉีซานเดินออกมาจากข้างหลังกู้โม่หาน จากนั้นก็กล่าวกับหนานหว่านเยียน “พระชายาอี้ วันนี้ไทเฮาให้อ๋องอี้อยู่เป็นเพื่อน ค้างอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยงสักคืน เมื่อกี้ตามตัวไม่เจอ เห็นฮูหยินบอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเราถึงรีบมา”
หนานหว่านเยียนเห็นสีหน้าเขาเป็นปกติ ดูไม่เหมือนได้ยินชาติกำเนิดของลูก ดังนั้นจึงโล่งอก แต่พอได้ยินว่าต้องค้างอ้างแรมกับกู้โม่หานหนึ่งคืน ก็พลันไม่ยินดี
นางยังต้องกลับบ้านไปดูแลเจ้าตัวน้อยสองตัวนั้นอีกนะ มาค้งมาค้างอะไร!
“ท่านพ่อ ข้ากลับดีกว่า คนเยอะจะรบกวนจวนเฉิงเซี่ยงเปล่าๆ จริงไหม”
แต่กู้โม่หานกลับยกมุมเอ่ยเสียงเย็น “กว่าข้าจะกลับบ้านเดิมเป็นเพื่อนเจ้าสักครั้ง ทั้งยังเป็นคำสั่งของเสด็จย่า แล้วจะไปได้อย่างไร หรือว่าเจ้าจะขัดรับสั่งของเสด็จย่า?”
หนานหว่านเยียนใช้ไทเฮาข่มเขาได้ เขาก็ทำได้เหมือนกัน!
ดูสิว่าใครจะแน่กว่า!
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานหว่านเยียนก็ขมวดคิ้ว
กู้โม่หาน ไอ้ผู้ชายสารเลว! ถึงกับยกไทเฮามาอ้าง! นางยังต้องเกาะไทเฮาแน่นๆ นะ ก็แค่คืนเดียวไม่ใช่หรือ! ค้างก็ค้าง!
“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเป็นรับสั่งของเสด็จย่า คืนนี้ก็ลำบากท่านอ๋องค้างที่จวนเฉิงเซี่ยงกับข้าสักคืนแล้ว”
โม่หวิ่นหมิงสังเกตกู้โม่หานอยู่ด้านข้างแต่แรกแล้ว เขารู้สึกว่าคนผู้นี้หน้าตาคมคาย รูปโฉมเข้าคู่กับหนานหว่านเยียนได้ ท่าทางมากความสามารถเหมือนกัน
เขายิ้มจางๆ เอ่ยกับกู้โม่หาน “อ๋องอี้มีบุคลิกเหนือผู้คนอย่างที่คิด เหมาะสมกับหว่านหว่านบ้านพวกเรายิ่งนัก”
หนานหว่านเยียนกล่าวตายแล้วอยู่ในใจ ท่านลุงหนอท่านลุง ท่านอย่าเพิ่งพูดตอนนี้จะได้หรือไม่!
เมื่อนั้นกู้โม่หานจึงสังเกตเห็นผู้ชายหน้าตาสดใสบนเตียง คล้ายไม่มีภาพจำอะไรเกี่ยวกับเขา
ตอนนี้เอง ฮูหยินของเฉิงเซี่ยงก็รีบเข้ามาพูดอย่างกระตือรือร้น “อ๋องอี้ ท่านนี้คือท่านลุงของพระชายา โม่หวิ่นหมิง เป็นน้องชายบุญธรรมที่ท่านแม่พระชายารับไว้เมื่อยังมีชีวิตอยู่”
กู้โม่หานอือแบบชืดๆ ไม่ได้เรียกโม่หวิ่นหมิงว่าท่านลุง กระทั่งจะทักทายสักคำก็ไม่มี แต่กลับจ้องหนานหว่านเยียนเขม็งอยู่อย่างนี้ ดวงตาพลันดุร้าย ไม่สบอารมณ์สิบส่วน
โม่หวิ่นหมิงขุ่นเคือง เดิมทีเขาอยากสนทนากับกู้โม่หานดีๆ แต่ทำไมหลานเขยคนนี้กลับดูดุร้ายโหดเหี้ยมกับหว่านหว่านขนาดนี้ ท่าทางไม่เหมือนรักหว่านหว่านเลย
จึงกล่าวเสียงแข็งดวงตาขรึม “หรือว่าอ๋องอี้มีอะไรไม่พอใจหว่านหว่านบ้านพวกเราหรือ”
น้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรมาก!
หนานหว่านเยียนอึ้งอยู่ในใจ
เขานึกว่าโม่หวิ่นหมิงคือสุภาพบุรุษอ่อนโยน คิดไม่ถึงว่าจะแข็งกร้าวอย่างนี้ได้!
หนานหว่านเยียนจ้องกู้โม่หานกลับเขม็ง ทั้งสองตาต่อตา ฟันต่อฟัน บรรยากาศตึงเครียดทันที ต่างรู้ความเกลียดชังในใจของกันและกัน
กู้โม่หานเงียบ ทำให้โม่หวิ่นหมิงยิ่งโมโห
เขาผิดหวังยิ่งนัก เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย็นชาแล้วเอ่ยปาก
“อ๋องอี้ ในฐานะที่เจ้าเป็นสามีของหว่านหว่าน สมควรรักและทะนุถนอมนาง! เสียทีที่หว่านหว่านยังมีลูกเลี้ยงดูให้เจ้า แต่เจ้ากลับมีท่าทีเช่นนี้…”