ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่194 คนที่ช่วยท่านอ๋องไว้ในตอนนั้นคือพระชายา
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่194 คนที่ช่วยท่านอ๋องไว้ในตอนนั้นคือพระชายา
ตอนบ่ายกู้โม่หานเห็นเอกสารนี้ครั้งแรกก็รู้สึกแปลกใจมาก แต่ยังไม่รอให้เขาได้คิดมากขฌ เชี่ยนปี้ก็รีบวิ่งเข้ามา แล้วเรียกเขาไป
ตอนนี้พอได้ครุ่นคิด มีเรื่องสงสัยให้ครุ่นคิดเยอะมาก
รวมไปถึงครั้งก่อนกลับไปที่จวนเฉิงเซี่ยง หนานหว่านเยียนกับหนานฉีซานสองพ่อลูกก็แทบจะทะเลาะกันอยู่แล้ว ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่
เขาหรี่ตาลง นิ้วมือเคาะโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ
“ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และห้าปีมานี้ หนานฉีซานก็เย็นชากับหนานหว่านเยียนจนไม่เหมือนคนบ้านเดียวกันเลย”
“ใช่แล้ว ในเมื่อภายนอกต่างก็บอกว่าพระชายาเป็นลูกสาวที่หนานเฉิงเซี่ยงรักที่สุด งั้นทำไมจนถึงงานเลี้ยงในวังถึงไม่ถามไถ่เลย?” เสิ่นอี่ร์ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า แต่ไม่ทันระวังทำเอกสารเล็กๆในนั้นตกลงพื้น
เขาโน้มตัวลงไปเก็บจห เห็นด้านบนเขียนไว้ เกี่ยวกับข้อมูลวันเกิดของแม่หนานหว่านเยียน
ยี่สิบปีก่อน โม่หวิ่นชิงกับน้องชายโม่หวิ่นหมิงเข้ามาในเมืองหลวงด้วยกัน
ตอนนั้นโม่หวิ่นหมิงเพิ่งจะห้าขวบ โม่หวิ่นชิงก็อายุสิบหกแล้ว แต่กลับสง่างามมาก ความมั่งคั่งในมือก็น่าอัศจรรย์เกินใคร เพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่ถึงเดือน ก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลไปแล้ว
ตอนนั้นหนานฉีซานยังไม่ได้เป็นเฉิงเซี่ยง และไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนแต่งงานกับโม่หวิ่นชิง หลังจากนั้น หนานฉีซานก็ได้เลื่อนขั้นไปจนถึงตำแหน่งเฉิงเซี่ยงในตอนนี้
และโม่หวิ่นชิงก็ค่อยๆเงียบหายไป จนกระทั่งหนานหว่านเยียนอายุห้าขวบ นางก็ตายจากไป
เสิ่นอี่ร์ขมวดคิ้ว
“ท่านอ๋อง นี่เป็นประวัติครอบครัวของหนานเฉิงเซี่ยงไม่ใช่เหรอ? ท่านจะสืบไปทำไมกัน?”
กู้โม่หานกวาดตามองเอกสารที่เสิ่นอี่ร์ยื่นมาแล้วขมวดคิ้ว
“ข้าอยากสืบเรื่องแม่ของหนานหว่านเยียน เจ้าดูสิ หนานหว่านเยียนกับแม่นางเหมือนกันเลย มีแต่ความลับอยู่ในตัว ข้าคิดว่าทิ้งไว้หลายปีค่อยไปสืบ จะได้อะไรกลับมา ไม่คิดว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย”
ไม่เพียงแต่ไม่รู้ที่มาของโม่หวิ่นชิง โม่หวิ่นหมิงก็เช่นกัน แต่เขาอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงมานาน เกรงว่าจะไม่ใช่คนพิเศษอะไร
เสิ่นอี่ร์เห็นกู้โม่หานเงียบ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
พระชายามีความลับเยอะมากจริงๆ แต่ท่านอ๋องเป็นห่วงพระชายาขนาดนี้ น่าจะไม่ใช่แค่เรื่องประวัติของพระชายาหรอกนะ และ……คงจะมีเรื่องอื่นอีก?
เสิ่นอี่ร์ลูบจมูก กลับเหลือบเห็นแขนเสื้อที่เปียกปอนของกู้โม่หานโดยไม่ได้ตั้งใจ “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นขอรับ?”
กู้โม่หานกวาดตามองเสื้อที่เปียกปอน พูดอย่างเรียบเฉยว่า: “เมื่อกี้ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยผลักข้าตกน้ำ เด็กสองคนแค่เล่นเกินเหตุ ไม่เป็นไรหรอก”
ท่านอ๋องตกน้ำงั้นเหรอ?
แถมยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก?!
เสิ่นอี่ร์ตกตะลึง
ต้องรู้ว่า ท่านอ๋องคือเทพแห่งสงครามผู้ชี้ขาดในสนามรบและกวาดล้างกองทัพนับพัน เด็กสาวสองคนนี้บังอาจมาก กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้กับท่านอ๋องเช่นนี้!
และท่านอ๋องยังมีปมเรื่องจมน้ำอีก โดนคุณหนูสองคนแกล้งแบบนี้ กลับไม่คิดต่อว่าอะไรพวกนางเลย ชักจะตามใจเกินไปแล้วนะ
แต่ถึงจะคิดแบบนี้ เสิ่นอี่ร์ก็ถามอย่างระมัดระวังว่า:ญท “ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นไรจริงๆนะ?”
“ข้าไม่เป็นไร แต่ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสนใจมาก”
ใบหน้าที่งดงามของกู้โม่หานก็เข้มงวดขึ้น “เมื่อกี้ตอนข้าตกน้ำ หนานหว่านเยียนบอกกับข้าว่า ‘ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้ว’ ข้าไม่เข้าใจ นางพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนานหว่านเยียนพูดเช่นนี้ แต่ตอนเด็กเขาตกน้ำแล้วหยุนอี่ร์โหรวช่วยเขาเอาไว้ ไม่มีใครช่วยเขาอีกแล้ว โดยเฉพาะหนานหว่านเยียน เขากับนางไม่เคยคุยกันเลย นางจะมาช่วยเข้าได้ยังไง
“ว่าไงนะ? พระชายาพูดแบบนี้ตอนท่านตกน้ำงั้นเหรอ?” เสิ่นอี่ร์ตกใจ แล้วถามว่า: “หรือว่าตอนนั้นคนที่ช่วยท่านอ๋องไว้ไม่ใช่พระชายารอง แต่เป็นพระชายา……”
เพิ่งพูดจบ เสิ่นอี่ร์ก็รีบปฏิเสธ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยแค่คิดไปเอง ท่านอ๋องอย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
เทียบกับหยุนอี่ร์โหรวแล้ว เขาอยากให้หนานหว่านเยียนกลายเป็นคนรักของกู้โม่หานมากกว่า แต่ตอนนั้นคนที่ช่วยท่านอ๋อง เป็นหยุนอี่ร์โหรวจริงๆ
ถึงแม้เขาจะไม่เห็นภาพตอนที่ช่วย แต่ตอนที่ไปถึง ข้างกายของท่านอ๋องก็มีแค่หยุนอี่ร์โหรวแค่คนเดียว……
กู้โม่หานไม่ได้ห้ามอะไรเสิ่นอี่ร์ เขามองไปยังเอกสารในมือ นิ้วมือหยุดอยู่ตรงวันที่หนานหว่านเยียนหายไปในคืนนั้น สักพักใหญ่ก็ถึงจะพูดขึ้น
“เสิ่นอี่ร์ เจ้าไปสืบมาหน่อย วันที่ข้าตกน้ำ หนานหว่านเยียนหายไปเพราะอะไร แล้วไปที่ไหน ทำอะไรบ้าง จำไว้ ระวังหน่อย อย่าให้คนอื่นรู้”
เขาไม่เคยสงสัยว่าโหรวเอ๋อร์ไม่ใช่คนที่ช่วยเขาไว้
แต่ตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าจวน เขาก็สัมผัสได้ว่า หยุนอี่ร์โหรวในตอนนี้แตกต่างจากหยุนอี่ร์โหรวในความทรงจำของเขา เหมือนจะมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกัน
เสิ่นอี่ร์ได้ยินแล้วก็ตกตะลึง “ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ”
กู้โม่หานตอบรับ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“วันนั้นเจ้ากำลังพักผ่อน อาจจะไม่เคยได้ยินค่ายเสินเชื่อ”
เสิ่นอี่ร์รีบลากความคิดกลับมา “ค่ายเสินเชื่อ?”
กู้โม่หานสายตาเข้มงวด “กู้โม่เฟิงทำร้ายพวกพี่น้อง ยังสั่งให้รองแม่ทัพอวี๋ตัดเส้นเอ็นแขนขาของเหล่าเสิ่น ทำเอาเขาเกือบตาย!”
เสิ่นอี่ร์โมโห “ว่าไงนะ! อ๋องเฉิงทำเช่นนี้ได้ยังไง?! งั้นรองแม่ทัพเสิ่นล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง?”
อ๋องเฉิงทำแบบนี้ทำไม กู้โม่หานไม่อยากพูดมาก ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีความเย็นชา “เหล่าเสิ่นไม่เป็นไรมากแล้ว หนานหว่านเยียนช่วยเขาเอาไว้”
“ไม่เพียงเท่านี้ หนานหว่านเยียนยังช่วยเขาตามหาลูกชายที่หายไปนานหลายปีได้ เจ้าเป็นพี่น้องกับเหล่าเสิ่น พรุ่งนี้ก็ตามข้าไปที่ค่ายเสินเชื่อแล้วกัน ไปเยี่ยมพวกพี่น้องของเจ้า”
“ขอรับ” เสิ่นอี่ร์ได้ยินว่าเหล่าเสิ่นไม่เป็นไรมาก ความโกรธกับความกังวลก็ลดลงเล็กน้อย “พระชายาช่วยคนอีกแล้ว เก่งมากจริงๆ……”
ไม่คิดว่า พระชายานอกจากจะถอนพิษได้แล้ว แถมยังช่วยคนที่ถูกตัดเอ็นแขนขาได้อีก!
พระชายาอัจฉริยะมากจริงๆ!
ผู้หญิงแบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกับท่านอ๋อง!
“แต่ว่า หาลูกของรองแม่ทัพเสิ่นกลับมาได้ยังไงกัน?” เสิ่นอี่ร์คิดไม่ออก หนานหว่านเยียนมีวิชาการแพทย์ที่กล้าแกร่ง การตามหาเด็กในหมู่ผู้คนนับหมื่นแสน น่าจะหายากมากเลยนะ?
กู้โม่หานพูด: “หนานหว่านเยียนใช้กระดาษแผ่นเล็กๆในค่ายทหารเพื่อค้นหาลูกแท้ๆของเหล่าเสิ่น เหล่าเสิ่นกับลูกชายได้พบกันแล้ว เป็นพ่อลูกกันจริงๆ”
เสิ่นอวี่ตื้นตันใจมาก “พระชายาเทพจริงๆ? ท่านอ๋องกับคุณหนูสองคนก็พิสูจน์ความสัมพันธ์กันได้น่ะสิ?”
กู้โม่หานเม้มริมฝีปากบาง “ข้าเคยใช้กระดาษแผ่นเล็กนั้นตรวจแล้ว แต่ก็ตรวจหาอะไรไม่ได้——เด็กสองคนนั้นไม่ใช่ลูกของข้า”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?!” เสิ่นอี่ร์ตกตะลึง “คุณหนูสองคนถึงแม้หน้าตาจะไม่เหมือนท่าน แต่ดูบุคลิกภายนอกของเกี๊ยวน้อยสิ เฉลียวฉลาดแต่มีความแปลก ขนาดโกรธยังเหมือนกับท่านตอนเด็กเลย ยังมีซาลาเปาน้อยอีก ฉลาดและเจ้าคิดเจ้าการแต่เด็ก ล้วนแต่ได้จากท่านมาทั้งหมด”
“ความชอบก็ยังเหมือนกันอีก ถ้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ไม่มีทางแน่นอน จะต้องเกิดเรื่องผิดพลาดที่ไหนแน่นอน!”
กู้โม่หานได้รับความแน่ใจ เขาก็มีความหวังขึ้นมาในใจ
เขาพยักหน้าแรงๆ “เจ้าพูดถูก เด็กสองคนไม่มีทางเป็นของคนอื่นแน่ ถึงหนานหว่านเยียนจะเจ้าชู้แค่ไหน แต่ข้าก็รู้ว่า นางสองคนเป็นลูกของข้าแน่นอน!”
เสิ่นอี่ร์เห็นสีหน้าของกู้โม่หาน ก็รู้ว่าผลตรวจสอบนี้มีผลกระทบต่อเขามาก ก็เลยถามว่า: “ท่านอ๋อง ทำไมท่านไม่ถามพระชายาให้แน่ใจไปเลยล่ะ? พระชายายอมไม้อ่อนไม่ยอมไม้แข็ง ขอแค่ท่านยอมลดตัวลง พระชายาจะต้องบอกท่านแน่นอน”
ไปถามหนานหว่านเยียนงั้นเหรอ?
เขาไม่ใช่ไม่เคยถาม หนานหว่านเยียนปากแข็งจะตาย ถามไปนางก็ไม่พูดอะไรหรอก
และวันนี้เขายังโดนหนานหว่านเยียนดูถูกไม่พออีกเหรอ?
กู้โม่หานทำหน้าเย็นชา “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อว่าข้าจะมีวิธีสืบหาเองได้ ข้าจะสืบเรื่องของเด็กสองคนได้จงได้!”
แต่ทว่าฝห กู้โม่หานในตอนนี้กลับไม่รู้ว่า พรุ่งนี้เขาจะเสียใจที่ไม่ไปเจอหนานหว่านเยียน
ถูกสามแม่ลูกแกล้งจนขาหนึ่งข้างแทบจะก้าวเข้าโลงศพอยู่แล้ว……