ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่221 ต้องไปก่อน จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่221 ต้องไปก่อน จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
อีกอย่างอาจารย์คนนี้ก็ดีกับสองพี่น้องด้วย สอนพวกนางอย่างอ่อนโยน และเป็นคนที่กู้โม่หานสั่งให้คนคัดเลือกมาอย่างดี ล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถทั้งนั้น
ทันใดนั้นหนานหว่านเยียนก็รู้สึกได้ว่า กู้โม่หานไม่ว่าจะเป็นด้านเงินหรือด้านอื่นๆ ล้วนแต่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ให้พวกนางได้มีชีวิตที่ดีที่สุด
แต่นางล่ะ?
นางรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
ในขณะที่เผลอนั้น ซาลาเปาน้อยก็อ่านจบท่อนสุดท้ายแล้ว “อาทิตย์ตกดินอัสดง อ้อมกอดของท่านแม่อบอุ่นที่สุด”
“ท่านแม่ ข้ากับพี่จะรักท่านแม่ตลอดไป อยู่กับท่านแม่และปกป้องท่านแม่!”
พูดจบ เด็กน้อยสองคนก็มองดูหนานหว่านเยียนแล้วพูดอย่างแน่วแน่
หนานหว่านเยียนได้สติ ดีใจร้องไห้ทั้งน้ำตา
นางลูบหัวของเด็กน้อยสองคนอย่างอบอุ่น “แม่ดีใจมาก พวกเจ้าได้มีชีวิตที่ดี แม่ก็พอใจแล้วล่ะ และพวกเจ้าก็พัฒนาได้ดีกันทั้งหมด แค่ดีก็ดีแล้วล่ะ!”
เด็กน้อยสองคนดีใจมาก “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”
“อืม แม่ยังมีเรื่องที่ต้องบอกกับพวกเจ้าก่อน เดี๋ยวแม่จะรับท่านปู่หมิงของพวกเจ้ามา เดี๋ยวเขาก็จะถึงแล้ว ถึงเวลา พวกเจ้าแสดงแบบนี้ต่อหน้าท่านปู่หมิงดีไหม?”
ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยสบตากัน ยิ้มดีใจ ปรบมือตื่นเต้น “เย้! เดี๋ยวข้าจะแสดงให้ท่านปู่หมิงดูอย่างดีเลย!”
ซาลาเปาน้อยพูด “ข้า ข้าจะร้องเพลงให้ท่านปู่หมิงฟัง!”
หนานหว่านเยียนพูดด้วยรอยยิ้ม: “ดีเลย แม่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเจ้าเรียนต่อเลยนะ”
เด็กสองคนตื่นเต้นมาก เห็นเสื้อผ้าของหนานหว่านเยียนยุ่งเหยิง แต่ก็เดาไม่ออกว่านางบาดเจ็บ
“เจ้าค่ะ เอาที่ท่านแม่ว่าเลย”
หนานหว่านเยียนลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มของพวกนาง ต่อมาก็ส่งสองคนให้เซียงอวี้กับเซียงเหลียน ตัวเองก็เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
หนานหว่านเยียนล็อกประตูแล้ว สีหน้าก็ทรุดลงทันที บาดแผลปริออกทั้งหมด และรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย
ดูแล้วเรื่องออกจากจวนคงจะต้องเร่งแล้วล่ะ ไม่งั้นรอเด็กๆกับกู้โม่หานสนิทกัน คงจะวุ่นวายกว่าเดิม……
สีหน้าของนางซีดเซียว กัดฟันถอดเสื้อคลุมออก ลุกขึ้นเดินเข้าไปในช่องว่าง
แต่เพิ่งเข้าไป หนานหว่านเยียนก็อึ้งทันที
ช่องว่างไม่ได้ยกระดับงั้นเหรอ?
ทำไมล่ะ?
ไหนว่าบาดเจ็บแล้วช่องว่างจะยกระดับไง? ก่อนหน้านี้นางโดนโบยไปสามสิบทียังยกระดับเลย……
หนานหว่านเยียนมองดูช่องว่างที่ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ทำไมกันนะ
ถ้าการยกระดับช่องว่างไม่ใช่การบาดเจ็บ แล้วมันคืออะไรล่ะ?
หนานหว่านเยียนไม่เข้าใจเลย
แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ จึงต้องวางเรื่องนี้ไปก่อน
นางเอาน้ำเกลือและแอลกอฮอล์มาจากช่องว่าง ทำแผลให้เรียบร้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด
หนานหว่านเยียนเอาเสื้อคลุมของเสิ่นอี่ว์ออกไปข้างนอก ก็ถึงเห็นว่าสองพี่น้องไปเรียนวิชาคณิตกับอาจารย์แล้ว
นางมองดูแผ่นหลังที่ตั้งใจเรียนของสองพี่น้องจากหน้าต่าง รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
เสิ่นอี่ว์กำลังรออยู่ที่เรือนเซียงหลิน เห็นหนานหว่านเยียนออกมา จิตใจก็ยังสับสนและเสียใจอยู่ เขารับเสื้อคลุมมาจากมือของนาง “ขอบพระคุณพระชายา”
“ไปเถอะ” หนานหว่านเยียนเดินตรงไปที่ประตูจวน
หนานหว่านเยียนเพิ่งจากไปไม่นาน กู้โม่หานก็รีบตามออกมา
เขาเป็นห่วงบาดแผลของหนานหว่านเยียน แขนที่เรียวเล็กของนางเต็มไปด้วยเลือด นางรักษาคนอื่นดีมาก แต่กลับรักษาตัวเองแบบขอไปที
เขาต้องไปดู
นี่……ก็ไม่ถือว่าเป็นห่วงบุตรีของตระกูลหนาน เพราะยังไงเขาก็ยังมาดูเด็กสองคนได้
เซียงเหลียนเห็นกู้โม่หานมา ก็รีบเข้าไปทักทาย “ท่านอ๋อง”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มเย็นชามาก กวาดตามองไปทั่วเรือน “พระชายาล่ะ กลับห้องแล้วเหรอ?”
“พระชายา พระชายากับองครักษ์เสิ่นออกไปแล้วเจ้าค่ะ……”
“นางออกไปแล้วเหรอ?” ใบหน้าของกู้โม่หานมืดมน เขาอุตส่าห์เป็นห่วง แต่หนานหว่านเยียนกลับทิ้งเขาไว้งั้นเหรอ
ความรู้สึกไม่พอใจพุ่งออกมา เขาขมวดคิ้ว พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปจวนเฉิงเซี่ยงเหรอ?”
เซียงเหลียนพยักหน้า นัยน์ตาของกู้โม่หานก็เย็นยะเยือกมากขึ้น
ทั้งที่บาดเจ็บ แต่ก็ยังจะกลับไปหาโม่หวิ่นหมิง
โม่หวิ่นหมิง สำหรับกับนางขนาดนั้นเชียวเรอะ?!
ถึงแม้หยุนอี่ร์โหรวจะไม่สบาย และถามเขาว่าลืมความแค้นของเขากับหนานหว่านเยียนแล้วเหรอ เขาปฏิเสธ ในสมองตอนนี้ของเขามีแต่หนานหว่านเยียนในชุดสีแดงนั้น
ให้ตายสิ
เขายอมรับว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก ความเป็นห่วงและสนใจหนานหว่านเยียน เขาเริ่มจะควบคุมมันไม่ได้แล้ว……
ในเรือน คนอื่นๆกำลังพูดคุยกันอยู่ ตอนนี้ก็สังเกตเห็นกู้โม่หานมา
อาจารย์เย่ว์รีบลุกขึ้น เดินหลังตรงยกมือคารวะกู้โม่หานด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “อ๋องอี้!”
คนอื่นๆเห็นกู้โม่หานมา ต่างก็ทำความเคารพอย่างจริงจัง “ขอคารวะท่านอ๋องอี้!”
เสียงในเรือนดึงดูดความสนใจจากสองพี่น้อง อาจารย์ฟางที่สอนวิชาคณิตได้ยินแล้ว ก็รีบลุกขึ้นวิ่งไป แล้วทำความเคารพกู้โม่หาน
คนพวกนี้ ล้วนแต่นับถือแม่ทัพเทพสงครามท่านนี้จากใจจริง
ในสายตาของพวกเขา กู้โม่หานไม่ได้เป็นเพียงแค่เทพสงคราม และยังสนใจในความสามารถของพวกเขา ตอนนี้ได้มาสอนในจวน เป็นเกียรติของพวกเขามาก
กู้โม่หานข่มอารมณ์ไว้ เก็บความพอใจไว้ในใจ สายตากวาดมองรอบๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่เด็กตัวน้อยสองคน จากนั้นก็พูดเสียงเรียบว่า: “ลุกขึ้นเถอะ”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเห็นมีคนทำความเคารพนับถือกู้โม่หานเยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรก
กู้โม่หานสวมชุดสีดำขลับ เกล้าผมขึ้นคิ้วเข้ม เขาเดินย้อนแสงมาหาพวกนาง ดูทรงพลังมากจนน่ายำเกรง
น้อยครั้งที่สองพี่น้องจะเห็นด้านที่ดุดันของเขา ต่างก็อึ้งกันหมด
กู้โม่หานเดินไปตรงหน้าพวกนาง ใบหน้าหล่อเหลานั้นฉีกยิ้มเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอ น้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ตั้งใจเรียน เดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก”
เกี๊ยวน้อยเบะปากไม่พอใจ
“นั่นเป็นเพราะเจ้าบุกเข้ามา อาจารย์ฟางก็เลยต้องเดินออกมา จะทำโทษก็ต้องทำโทษเจ้า!”
ซาลาเปาน้อยมองดูเขา กะพริบดวงตากลมโตนั้น แล้วพูดตาม “ใช่! แขกไม่ได้รับเชิญ!”
ปากเก่งกันจริงๆ เหมือนกับหนานหว่านเยียนไม่มีผิด
กู้โม่หานอดไม่ได้หัวเราะออกมา เขาทำอะไรเด็กสองคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ได้ ข้าผิดเอง ไม่รู้ว่าช่วงนี้พวกเจ้าตั้งใจเรียนหรือไม่?”
เขาอยู่ในวังกับหนานหว่านเยียนไม่กี่วัน เป็นห่วงว่าเด็กสองคนจะไม่ชินและกลัว ก็เลยให้เสิ่นอี่ว์ส่งอาจารย์และหมัวมัวเก่งๆไปดูแลสองพี่น้อง
พอพูดออกไป อาจารย์และหมัวมัวพวกนั้นก็มองหน้ากัน ไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าที่อ่อนโยนและมีเมตตา จะเป็นเทพสงครามที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาได้
อิทธิพลอำนาจของเทพสงครามในสนามรบ พวกเขาต่างก็เคยได้ยินกันหมดแล้ว——
ใครก็ตามที่กล้าบุกรุกซีเหย่ ข้าจะฆ่าให้หมด!
ผู้ที่พูดแบบนี้ออกมา คิดว่าเวลาอยู่กับเด็กจะเลือดเย็นเสียอีก แต่ไม่คิดว่าจะใจเย็นและอ่อนโยนขนาดนี้
“พวกเราได้เรียนเยอะเลย!” เกี๊ยวน้อยเบือนหน้าหนี แล้วพูดกับเขาอย่างดูถูกว่า “เหอะ ดูให้ดีล่ะ!”
เห็นเพียงเกี๊ยวน้อยพยุงมุมโต๊ะ แล้วกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหน้าต่าง เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่เสียแรงเลยสักนิด
เกี๊ยวน้อยเชิดหน้าอย่างภูมิใจ แล้วมองเขา “เป็นไง?”
กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้น กระตุกยิ้มเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่า แค่ไม่กี่วัน เจ้าจะเรียนถึงขั้นนี้แล้ว”
ดูแล้ว เรียนรู้ได้ไวกว่าคนอื่นๆเยอะเลยนะ
ซาลาเปาน้อยก็มองเกี๊ยวน้อยด้วยสีหน้าภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวข้าฉลาดที่สุด! อาจารย์เย่ว์ชมนางอยู่บ่อยๆ”
อาจารย์เย่ว์รีบลุกขึ้น ทำความเคารพกู้โม่หาน
“ตอบท่านอ๋อง คุณหนูหนานจือมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ ข้าน้อยไม่เคยเห็นใครมีพื้นฐานที่ดีขนาดนี้มาก่อน อย่าว่าแต่เด็กผู้หญิงเลย ถึงแม้จะเป็นเด็กผู้ชาย ข้าน้อยก็ไม่เคยเห็นมาก่อน”
อัจฉริยะด้านการต่อสู้?
ใบหน้าสวยของกู้โม่หานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนสังเกตได้ถึงบางอย่าง หัวใจเต้นเร็วมาก
“เจ้าบอกว่านาง เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้เหรอ?”
อาจารย์เย่ว์พูด: “ขอรับ ท่านอ๋อง คุณหนูหนานจือเรียนรู้ไว มีพรสวรรค์อย่างมาก ข้าน้อยรู้ตัวว่าไม่คู่ควร แต่คุณหนูมีความอดทนเรียนรู้วิชาพื้นฐานอย่างตั้งใจ เชื่อฟังสิ่งที่อาจารย์สอน และยังมีความเพียรพยายามด้วย ข้าน้อยเชื่อว่า ในวันข้างหน้า น้อยคนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณหนู”
กู้โม่หานมองเห็นสองคนอย่างตกตะลึง นัยน์ตานำนั้นเต็มไปด้วยความดีใจ น้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย
“งั้นเหรอ อัจฉริยะยอดฝีมือการต่อสู้ผู้มากไปด้วยพรสวรรค์……”