ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่224 เจ้ากล้าแย่งพระชายาเป็นเมียไหม
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่224 เจ้ากล้าแย่งพระชายาเป็นเมียไหม
อาจี้เก็บของเร็วมาก กระเป๋าหนึ่งใส่เสื้อผ้าของเขา อีกกระเป๋าของเต็มไปด้วยของเล่นกลไกของโม่หวิ่นหมิง
โม่หวิ่นหมิงรับกระเป๋ามา เอาหน้าไม้อันเล็กๆออกมา ส่งให้หนานหว่านเยียน
“ให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจนะ”
หลังจากที่เขาได้เจอหนานหว่านเยียน เขาตั้งใจทำให้นางมาก อยากให้นางกับมือมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้เจอนางเลย จนกระทั่งวันนี้
หนานหว่านเยียนรับหน้าไม้มา ฝีมือละเอียดลออมาก!
ทุกกลไกบนหน้าไม้ ได้รับการยึดอย่างแน่นหนาพร้อมกับร่องและเดือย ฟันเฟืองไม้ทาสี การยิงนั้นก็รวดเร็วไม่ต้องเปลืองแรงเลย แล้วยังใส่เข้าไปในแขนเสื้อได้ด้วย
ใช้ป้องกันตัวได้ดีเลยล่ะ!
หนานหว่านเยียนชอบของขวัญชิ้นนี้มาก ยิ้มไม่หยุดเลย
“จะรังเกียจได้ยังไง! ข้าชอบของขวัญชิ้นนี้มากเลย! ขอบใจท่านน้ามากเลยนะ!”
เสิ่นอี่ว์รู้สึกกลัวอีกครั้ง
พระชายาเคยยิ้มแบบนี้ให้ท่านอ๋องเมื่อไหร่กัน ถึงท่านอ๋องจะให้ของขวัญคุณหนูสองคน พระชายาก็แค่พูดขอบคุณสั้นๆ
“ชอบก็ดีแล้ว” โม่หวิ่นหมิงทำท่าตบกระเป๋า แล้วยิ้มให้กับหนานหว่านเยียน “ยังมีของให้หลานสองคนของข้าด้วย อยู่ข้างในนี้ทั้งหมดเลย”
หนานหว่านเยียนยิ้มหน้าบาน ท่านน้าดีจริงๆเลย นางต้องรีบรักษาขาให้เขาแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน
“ขอบใจท่านน้ามาก ท่านน้า พวกเรากลับจวนกันเถอะ”
“อืม”
พวกเขาเดินออกจากเรือน เพิ่งไปถึงหน้าประตู ก็เจอกับหนานฉีซานที่กลับจวนพอดี
หนานฉีซานเห็นอาจี้แบกกระเป๋าเสื้อผ้า แม้แต่องครักษ์ของกู้โม่หานเสิ่นอี่ว์ก็มาด้วย เขารู้ทันทีเลยว่าหนานหว่านเยียนจะพาโม่หวิ่นหมิงไป
ถึงเขาจะไม่พอใจแค่ไหน ขมวดคิ้วเป็นปม แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่มองดูหนานหว่านเยียน
“พระชายาอี้อยู่ก่อนได้หรือไม่ ข้ามีอะไรจะพูดกับท่าน”
โม่หวิ่นหมิงเห็นหนานฉีซาน สายตาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
หนานหว่านเยียนสีหน้าไม่เปลี่ยน ไม่สนว่าเฉิงเซี่ยงจะคิดยังไง พูดกับเสิ่นอี่ว์ว่า: “เจ้าพาท่านน้ากลับจวนก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่ก่อน”
“ขอรับ พระชายา” เสิ่นอี่ว์ลังเลสักพัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้า แล้วพาโม่หวิ่นหมิงกับอาจี้ไปก่อน
เสิ่นอี่ว์พวกเขาไปแล้ว หนานฉีซานก็พาหนานหว่านเยียนไปหลบที่เงียบๆ
สีหน้าของเขามืดมนลง ถามอย่างเย็นชาว่า “ได้ยินมาว่า เจ้าช่วยหยีเฟยไว้เหรอ?”
หนานหว่านเยียนหรี่ตาลง แววตาแผ่ซ่านไปด้วยความโหดร้าย จ้องมองหนานฉีซานอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
“ใช่ ข้าช่วยหยีเฟยไว้ เพราะยังไงก็เป็นคำสั่งจากฝ่าบาท”
คำสั่งของฝ่าบาท?
หนานฉีซานเลิกคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด น้ำเสียงดูเรียบเฉย แต่กลับมีความกดดันเล็กน้อย
“คำสั่งของฝ่าบาทก็ต้องทำตามอยู่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทชื่นชมเจ้าด้วย เจ้าเป็นพระชายาอี้ จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฝ่าบาทนะ”
สายตาของหนานหว่านเยียนมืดมนเล็กน้อย ยังไม่พูดอะไร ได้ยินเฉิงเซี่ยงพูดอีกว่า: “เจ้าช่วยหยีเฟย เกรงว่าคงจะดีกับอ๋องอี้แล้ว?”
“ห้าปีแล้วยังไม่พัฒนาอีก เดี๋ยวคนอื่นเอาไปนินทาหรอก ในเมื่อเจ้ากับอ๋องอี้คืนดีกันแล้ว งั้นก็รีบมีลูกได้แล้ว มีลูกสาวอีกคนดีที่สุด ถึงเวลา ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแล้ว”
ขอแค่มีลูกสาว ทุกอย่างก็จะมั่นคง!
สายตาหนานหว่านเยียนมืดมนลง
คำพูดของหนานฉีซาน เห็นได้ชัดว่านางคาดไม่ถึงเลย
นางคิดว่าหนานฉีซานจะมาด่าเสียอีก เพราะยังไงเมื่อสิบปีก่อน เฉิงเซี่ยงเป็นผู้ต้องสงสัยที่ ‘ทำลาย’ หยีเฟยเลยนะ
แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาเร่งนางกับกู้โม่หานมีลูก
“ท่านพ่อพูดถูก แต่ว่า ข้าสงสัยเรื่องในตอนนั้นของหยีเฟย จวนเฉิงเซี่ยงเป็นเหมือนกับที่เล่าลือกันข้างนอกนั้นหรือเปล่า?”
สีหน้าที่ใจเย็นของหนานฉีซานก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เขาหรี่ตาจ้องมองหนานหว่านเยียน
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”
หนานหว่านเยียนไม่ลนลานเลย กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ
“เรื่องนี้เกี่ยวกับการมีลูกของข้ากับอ๋องอี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว เพราะยังไงหลายปีมานี้กู้โม่หานก็มีปมกับเรื่องนี้ตลอด ระแวงข้ากับจวนเฉิงเซี่ยงอย่างมาก”
“ข้าต้องรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด ถึงจะอยู่กับอ๋องอี้ได้ จริงไหม? อีกอย่าง ท่านอ๋องน่าจะรู้ดีแก่ใจนะ อ๋องอี้หาโอกาสแก้แค้นมาโดยตลอด”
สายตาหนานฉีซานประกายไปด้วยความเย็นชา
“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องถามมาก ปลาหมอตายเพราะปาก เจ้าน่าจะรู้ดีนะ อย่าว่าไปตามคนอื่น”
ท่าทางที่ไม่สนใจของเขาทำเอาหนานหว่านเยียนหงุดหงิด แต่นางก็รู้ดีว่า หนานเฉิงเซี่ยงเป็นเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ไม่มีทางบอกความจริงกับนางแน่
นางยังอยากพูดอะไร แต่หนานฉีซานกลับแย่งพูดก่อน “ขณะเดียวกัน เจ้าก็ไม่ต้องกังวลด้วย อ๋องอี้จะทำลายจวนเฉิงเซี่ยงของข้างั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก เขาไม่มีความสามารถนั้นหรอกนะ”
นอกเสียจากว่า กู้โม่หานก่อกบฏ ยึดอำนาจ!
น่าเสียดายที่กู้โม่หานไม่ชอบการที่พี่น้องต้องฆ่ากันเอง ไม่งั้นคงไม่ทนกับการก่อเรื่องของอ๋องเฉิง และยังเป็นเรื่องการก่อกบฏอีก
หนานหว่านเยียนตกตะลึง สายตามืดมน “ท่านพ่อพูดถูก”
หนานฉีซานมองดูนาง สุดท้ายก็ตบไหล่นาง
“ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ จำเอาไว้ว่า อย่าสงสัยในเรื่องที่เจ้าไม่สามารถควบคุมได้”
“เรื่องของหยีเฟย เจ้าอย่าเข้ามายุ่งเลยจะดีกว่า”
มีคนมากมายอยากฆ่าหยีเฟย
“เจ้าค่ะ” หนานหว่านเยียนถามอะไรไม่ได้ ก็ไม่อยู่ต่อ แล้วรีบเดินออกจากจวนเฉิงเซี่ยง
ณ จวนอ๋องอี้
หลังจากที่เสิ่นอี่ว์พาโม่หวิ่นหมิงกับอาจี้กลับมา ก็เดินตรงไปที่เรือนเซียงหลินทันที
ตอนนี้กู้โม่หานกำลังนั่งอยู่ในห้อง นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขากำลังรอหนานหว่านเยียนกลับมา
และสองพี่น้องก็เรียนรู้กิริยามารยาทกับหมัวมัวอยู่ เขาเห็นอาจี้เสิ่นอี่ว์เข็นโม่หวิ่นหมิงเข้ามาแต่ไกล
เกี๊ยวน้อยก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน พอเห็นโม่หวิ่นหมิงมาก็อึ้งมาก จากนั้นก็เรียกซาลาเปาน้อย “ซาลาเปาน้อยดูสิ! ใครมาน่ะ?”
ซาลาเปาน้อยเงยหน้าขึ้น สบตาอ่อนโยนของโม่หวิ่นหมิงเข้าพอดี ตกตะลึงอึ้งอยู่กับที่ไปชั่วขณะ
ว้าว~
คนผู้นี้หล่อจัง!
ถึงแม้โม่หวิ่นหมิงจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ชุดคลุมยาวสีขาวที่เขาใส่นั้นสะอาดสะอ้าน ม้วนผมสีดำขลับขึ้น คิ้วดกสวย แค่มองไป ก็รู้สึกได้ถึงความสง่างามที่ผู้ใดก็ไม่อาจเทียบเคียงได้
และตอนที่เขาเห็นเด็กสองคน เขาก็ฉีกยิ้มอ่อนโยน
พวกหมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างๆก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
คุณชายท่านนี้เป็นใครกัน?
หน้าตาเทียบได้กับท่านอ๋องของพวกเขาเลย?!
เกี๊ยวน้อยรู้สึกได้ถึงความเอ็นดูของโม่หวิ่นหมิง จิตใจหวั่นไหว
นางก้าวขาวิ่งไปหาโม่หวิ่นหมิง นัยน์ตากลมโตนั้นเปล่งประกาย ฉีกยิ้มให้เห็นฟันเขี้ยวหมาสองซี่
“คุณชายมาหาท่านแม่ของข้าเหรอ? แต่แม่ของข้าออกไปพอดี”
โม่หวิ่นหมิงมองดูใบหน้าไร้เดียงสาของเกี๊ยวน้อย ก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า: “อืม ข้ารู้แล้ว”
ว้าว เสียงไพเราะจังเลย
เกี๊ยวน้อยพึงพอใจกับตัวเขามาก กะพริบตาพูดไปตรงๆว่า “ขอถามคุณชายหน่อยสิ ท่านกลัวอ๋องอี้ไหม? กล้าสู้กับอ๋องอี้ตัวต่อตัวไหม?”
“กล้าแย่งพระชายาของอ๋องอี้ มาเป็นเมียหรือไม่?”