ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่229 อยู่บ้านเดียวกัน
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่229 อยู่บ้านเดียวกัน
ช่วงนี้ นางสังเกตมาสักพักแล้ว ถึงแม้กู้โม่หานจะด่าท่านแม่ แต่ความจริงแล้วไม่เคยทำร้ายท่านแม่มาก่อน และยังดีกับพวกนางมากด้วย……
ไม่ว่ายังไง นางก็จะฟังท่านแม่ ทุกอย่างเอาที่ท่านแม่ว่าเป็นหลัก
และหนานหว่านเยียนที่อยู่ในห้อง ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย นางถอดเสื้อออก มองดูแผลที่ปริออกตอนที่ทะเลาะกับกู้โม่หาน นางขมวดคิ้วเป็นปม
หนานหว่านเยียนยื่นมือไปเอายาในช่องว่าง กลับเห็นว่าที่วางแอลกอฮอล์ว่างเปล่า
นางตกตะลึง รีบเดินเข้าไปในช่องว่าง นางตกใจกับภาพตรงหน้ามาก
ช่องว่างใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว และตำแหน่งของที่วางอยู่ก็แตกต่างกันไปหมด
อุปกรณ์ทุกอย่างเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และเครื่องสแกนที่จะผ่าตัดให้โม่หวิ่นหมิงก็เปลี่ยนใหม่ด้วย มีครบหมดทุกอย่าง
และที่น่าประหลาดไปกว่านั้นคือ ตู้ที่ใส่ ‘ยาลูกกลอนพูดความจริง’ ในตอนนั้น มียารูปร่างแปลกๆปรากฏขึ้น
ช่องว่างยกระดับอีกแล้ว!
หนานหว่านเยียนตกตะลึง วิ่งไปดูยาตัวใหม่อย่างตื่นเต้น
นางหยิบขวดขึ้นมา พูดพึมพำ “ยาเพิ่มกำลัง กินแล้วจะมีแรงมหาศาล ยาหัวเราะจนคลั่ง กินแล้วจะบ้าคลั่งจนเสียสติ”
นางเลิกคิ้วขึ้น แววตาเป็นประกาย แล้วเหลือบไปเห็นยาที่อยู่ตรงมุม “ยาเสริม……สมรรถภาพชาย!”
หนานหว่านเยียนดีใจมากกว่าเดิม มีของดีเพิ่มมาเยอะเลย ดีจังเลย
แต่ว่า ทำไมช่องว่างถึงยกระดับกะทันหันล่ะ?
หนานหว่านเยียนคิดไม่ออก สุดท้ายก็ต้องอธิบายเป็น ยกระดับล่าช้า
นางทำแผลให้ตัวเองเสร็จ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไป ก็เห็นเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อย ซบอยู่ในอ้อมกอดโม่หวิ่นหมิงแล้วฟังเขาอ่านหนังสือ
โม่หวิ่นหมิงก้มหน้าลง ดวงตาสีเหลืองอำพันของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความอดทนต่อเด็กน้อยทั้งสอง
เด็กน้อยสองคนนอนหลับไปแล้ว โม่หวิ่นหมิงตบหลังพวกนางเบาๆ ด้วยใบหน้าเอ็นดู
นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนของเขาตบหลังของสองพี่น้องเป็นจังหวะเบาๆ ปากก็ฮัมเพลงกล่อมเด็ก
พอเห็นหนานหว่านเยียนออกมา เขาก็เงยหน้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “หว่านหว่าน เจ้ามาแล้วเหรอ”
วินาทีนั้น แสงเทียนส่องสว่างและแม้แต่สายลมก็อ่อนโยน
หนานหว่านเยียนมั่นใจว่า ถ้าตัวเองอยากหาสามี จะต้องหาแบบโม่หวิ่นหมิง ที่รักและปกป้องนาง และดูแลเด็กน้อยสองคนได้
“อืม” หนานหว่านเยียนพยักหน้า เข้าไปอุ้มสองพี่น้องไปขึ้นเตียงแล้วห่มผ้าให้พวกนาง ลูบสันจมูกของสองสาวอย่างเอ็นดู
ต่อมานางก็กลับหลังหัน พูดเสียงเบาว่า: “ท่านน้า ตอนนี้ข้าต้องตรวจสอบให้ท่าน ตรวจสอบเสร็จแล้ว ข้าจะต้องดูสถานการณ์ของร่างกายท่าน จากนั้นก็กำหนดเวลาผ่าตัด”
“แต่ว่า……ท่านน้าจะต้องใส่อันนี้”
นางยื่นผ้าแพรสีดำให้โม่หวิ่นหมิง ให้เขาปิดตาไว้
ตอนนี้ช่องว่างยกระดับ ก็เหมือนได้ความช่วยเหลือในยามลำบาก รักษาให้โม่หวิ่นหมิงได้เร็ว นางจะได้ออกจากบ้านบ้าๆนี่ได้สักที
แต่ว่า นางจะให้โม่หวิ่นหมิงรู้เรื่องช่องว่างไม่ได้ ดังนั้นก็เลยต้องปิดตาเขาเอาไว้
โม่หวิ่นหมิงรับมาโดยไม่คิดเลยด้วยซ้ำ และไม่ถามอะไรมาก เอาผ้ามาปิดตาตัวเองทันที แล้วพูดด้วยรอยยิ้มกับหนานหว่านเยียนว่า “ใช่แล้ว หว่านหว่านของข้าเป็นเทพหมอนี่”
หนานหว่านเยียนยิ้มแล้วเข็นโม่หวิ่นหมิงเข้าไปในช่องว่าง
นางใช้อุปกรณ์ทำการตรวจร่างกายก่อนการผ่าตัดให้โม่หวิ่นหมิง และสแกนขาของเขาไปด้วย
ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็ส่งโม่หวิ่นหมิงออกจากช่องว่าง ให้เขารอข้างนอกก่อน
ทันใดนั้นโม่หวิ่นหมิงก็จับมือของนางไว้ แล้วพูดอย่างกังวลว่า “ขาของข้าพิการมาสิบปี ข้าไม่สนใจว่าจะหายดีหรือไม่ แต่วันนี้ข้าได้เจอเจ้า รู้สึกว่าเจ้าผอมลงไปมาก ช่วงนี้เจ้าเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า? พักผ่อนก่อนไหม”
หนานหว่านเยียนอึ้งก่อน หัวใจสั่นเทา ต่อมาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ข้าจะเหนื่อยได้ยังไง ท่านน้าอย่าเป็นห่วงข้าเลย ท่านอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าขอดูผลก่อนนะ”
ว่าแล้ว นางก็เดินเข้าไปในห้อง ในตอนที่เดินเข้าช่องว่าง แววตาก็อดไม่ได้เป็นประกาย
ที่จริงก็เหนื่อยมาก เจ้าของร่างเดิมไม่เป็นที่รักของผู้อื่นเลย นางเหนื่อยกับการต่อสู้กับทุกคน ยังต้องตอบโต้เลศนัยของราชวงศ์ การทะเลาะกับกู้โม่หาน และยังต้องปกปิดตัวตนของเด็กสองคน
โม่หวิ่นหมิงให้ความอบอุ่นและเชื่อใจกับนาง เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยได้รับจากครอบครัวในปัจจุบันของนางเลย
แต่ก็นะ เจ้าของร่างเดิมได้รับความรักจากน้าชายมาตั้งแต่เด็ก ขาของเขาก็บาดเจ็บเพราะเจ้าของร่างเดิม
แต่น่าเสียดายที่เจ้าของร่างเดิมไม่รักษาไว้ ตอนนี้ นางก็เข้ามาแทนที่ ในขณะที่รับความรักจากเขา ก็ตอบแทนเขาด้วยการรักษาเขาแทน
หนานหว่านเยียนเฝ้าอยู่ข้างเครื่องถ่าย
ในตอนที่นางได้รับรายงาน ก็โล่งอก
นางตื่นเต้นวิ่งออกจากช่องว่าง เปิดประตูวิ่งไปที่หน้าโม่หวิ่นหมิง
“ท่านน้า! อีกสามวันข้าก็ช่วยท่านผ่าตัดได้แล้ว!”
“ช่วงนี้ท่านฟื้นฟูได้ดีมาก ดังนั้นค่าสถิติทุกอย่างก็เป็นปกติ”
โม่หวิ่นหมิงเห็นนางยิ้ม ก็ยิ้มตามไปด้วย
“หว่านหว่านคงลำบากแย่ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ ข้าเป็นผู้ชายอยู่ที่นี่กับเจ้าคงจะไม่สะดวกเท่าไหร่ เจ้ามีเรือนอื่นหรือไม่ ข้าไปอยู่ที่นั่นดีกว่านะ”
ขอแค่เขาหายดี ต่อจากนี้ไม่ว่าใครที่รังแกหนานหว่านเยียน เขาจะปกป้องนางเอง
เขาจะปกป้องหนานหว่านเยียนไปตลอดชีวิต!
หนานหว่านเยียนปัดมืออย่างไม่สนใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจัดการไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเซียงเหลียนจะพาท่านไปที่ห้องแขก อาจี้รอท่านอยู่ที่นั่นแล้ว”
ว่าแล้ว นางก็เรียกเซียงเหลียนมา ให้นางพาโม่หวิ่นหมิงกลับไป
ในตอนที่หนานหว่านเยียนปิดประตู น้ำตาก็ทะลักออกมา
ที่จริงพรุ่งนี้โม่หวิ่นหมิงก็ผ่าตัดได้แล้ว แต่ก่อนจะผ่า นางต้องจัดการหยุนอี่ร์โหรวก่อน……
ลมพัดในยามดึก
กู้โม่หานนั่งอยู่ในศาลา สีหน้าสับสน
หลังจากที่ทะเลาะกับหนานหว่านเยียนในวันนี้ เขาก็ถึงรู้ตัวว่า ผู้หญิงคนนั้นกระทบจิตใจและสติของเขามากแค่ไหน
เขาเอาแต่จะอธิบายให้นางฟัง จนลืมถามเรื่องตัวตนของลูกๆ
แต่ก่อนหน้านั้นเขาไม่เห็นถึงความสำคัญของนางเลย จนกระทั่งวันนี้ที่รู้สึกปวดหัวใจ เขาก็ถึงรู้ตัว
แต่ว่า นั่นไม่ใช่ความรักแน่ เขาไม่มีทางรักหนานหว่านเยียนแน่นอน น่าจะเป็นความหวงก้างของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง
ตอนนี้เอง เซียงเหลียนก็เดินเข้ามา
“ท่านอ๋อง”
กู้โม่หานเงยหน้ามองนาง ใบหน้าหล่อเหลานั้นไร้อารมณ์ “พูดมา”
เซียงเหลียนพยักหน้า ใบหน้าไม่มีสีหน้าใดๆ แต่กลับแฝงไปด้วยความกังวล “ตอนดึก พระชายากับโม่เซียนเซิงอยู่ห้องเดียวกัน เหมือนจะเล่นกับคุณหนูสองท่านด้วย”
อยู่ห้องเดียวกัน?
เล่นสนุก?!
กู้โม่หานสีหน้าเย็นยะเยือก……