ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 140 อยากได้มือก็มาตัดเอาเองสิวะ
เย่เชียนจ้องมองจางเจี้ยนอย่างเฉยเมย เขายิ้มมุมปาก จากนั้นก็ถามอย่างกวนประสาทว่า “แล้วคุณว่า… ผมควรจะเลือกให้เงินคุณหนึ่งล้านหยวนหรือว่ามือข้างหนึ่งของผมดีล่ะ ?”
จางเจี้ยนขมวดคิ้วและจ้องมองเย่เชียนอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ไอ้เด็กน้อย… นี่นายคิดว่าฉันแค่พูดล้อเล่นเหรอวะ ? ออกไปถามใครดูก็ได้ว่าแถวนี้น่ะมีใครไม่รู้จักจางเก่อคนนี้บ้าง… ถิ่นนี้น่ะเป็นถิ่นของฉัน ฉันต้องแบกรับความรับผิดชอบอย่างมหาศาล และตอนนี้พี่ใหญ่คนนี้ก็กำลังโกรธมาก รู้มั้ยว่าผลที่ตามมาเวลาคนอย่างฉันโกรธน่ะ มันจะรุนแรงมากขนาดไหนไอ้น้องชาย!”
เย่เชียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี เขาไม่รู้ว่าทำไมไอ้คนขี้อวดจอมปลิ้นปล้อนคนนี้ถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ออกมา
“ผมเข้าใจ… ว่านี่มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับจีเมิงฉิง ผมเองก็ไม่อยากจะเข้ามาแทรกแซงเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก แต่ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนของจีเมิงฉิง… ผมก็มีความรับผิดชอบมากพอที่จะไม่ปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยให้คนอย่างคุณกลับเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของเธอ… คุณคิดว่าคุณเลิศเลอเพอร์เฟคมากขนาดนั้นเลยเหรอ ? ขอบอกเลยว่า… ผมน่ะเคยเห็นนักเลงกระจอก ๆ แบบคุณมานักต่อนักแล้ว คุณคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำแบบนั้น มันจะทำให้ผมกลัวเหรอ ? อ่ะ… เอาสิ… มือของผมอยู่นี่แล้ว ถ้าคุณอยากได้มัน คุณก็มาตัดเอาเองเลย!” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชาและอำมหิต
ตอนแรกที่เย่เชียนได้ยินว่าจางเจี้ยนนั้นเป็นอดีตสามีของจีเมิงฉิง เขาไม่ได้คิดที่จะพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องและแทรกแซงกับเรื่องนี้เลย แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะหย่ากันแล้วก็ตาม แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังมีลูกสาวด้วยกันอยู่ดี เย่เชียนเชื่อว่าทุกคนยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ทว่าเมื่อเย่เชียนได้เห็นพฤติกรรมอันเลวทรามของจางเจี้ยนแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่สามารถปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เข้ามารบกวนชีวิตที่มั่นคงและสุขสบายของจีเมิงฉิงได้
ถึงแม้ว่าจางเจี้ยนจะขลุกอยู่กับอาชญากรรมและพวกอาชญากรต่าง ๆ มานาน แต่ความจริงแล้วนั้นเขาก็ยังเป็นเพียงแค่ลูกเจี๊ยบตัวเล็ก ๆ น่าแปลกที่เขากลับมองว่าเหนือฟ้าใต้พิภพนี้ ตัวเขาเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเย่เชียน จางเจี้ยนก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ไอ้เด็กเวรนี่… แกคิดว่าฉันไม่กล้ารึไงวะ!”
พูดจบเขาก็พุ่งตัวไปหาเย่เชียนทันที!
“จางเจี้ยน! อย่ามาสร้างปัญหาอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกแล้วไงว่าที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!” จีเมิงฉิงรีบออกมาจากห้องครัวและตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เธอคิดว่าคนอย่างเธอจะสั่งฉันได้งั้นเหรอ ? ฉันขอบอกเธอเอาไว้เลยว่า ถ้าวันนี้ฉันไม่กระทืบไอ้เด็กเวรนี่ให้จมดินล่ะก็… อย่ามาเรียนฉันว่าจางเจี้ยนเลย!” จางเจี้ยนพูดอย่างเดือดดาล
เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและหันไปพูดกับจีเมิงฉิงว่า “ไม่เป็นไร… คุณเข้าไปข้างในก่อนเถอะ พาเบ็งเบ็งเข้าไปด้วยนะ”
“เย่เชียน… คุณอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขามันเป็นคนบ้า” จีเมิงฉิงพูดต่อ “จางเจี้ยน! ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะโทรเรียกตำรวจ!”
“ไม่เป็นไร ๆ บางครั้งเรื่องบางอย่างมันก็ต้องได้รับการแก้ไขในทันที ในเมื่อเราพบกันแล้วในวันนี้ก็มาสะสางให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่า… เขาจะได้ไม่กลับมาวุ่นวายและสร้างปัญหาให้คุณอีกในอนาคตไง” เย่เชียนพูดต่อ “คุณพาเบ็งเบ็งเข้าไปข้างในก่อน… ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวลนะ”
จีเมิงฉิงมั่นใจในตัวเย่เชียนมาก ไม่ว่าจะเรื่องทักษะหรืออะไรทั้งหมด เพราะเขาเคยช่วยชีวิตเธอจากพวกกองกำลังติดอาวุธมาแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าจางเจี้ยนนั้นเป็นคนเลือดร้อนและบ้าบิ่นขนาดไหน เธอจึงไม่ต้องการให้เย่เชียนต้องมาลำบากและขุ่นเคืองกับจางเจี้ยนเพราะเธอ
ในที่สุดหลังจากที่จีเมิงฉิงเงียบไปสักพัก เธอก็ตัดสินใจอุ้มเบ็งเบ็งเข้าไปในห้องนอนและปิดประตู เธอเข้าใจดีว่าบางสิ่งบางอย่างมันก็ต้องได้รับการแก้ไขอย่างละเอียดและให้จบสิ้นกันไป เพราะถึงแม้ว่าเธอและจางเจี้ยนจะหย่าร้างกันไปแล้ว แต่จางเจี้ยนก็ยังคงเป็นเหมือนแมลงวันที่ตามมาตอมตามมารบกวนชีวิตของเธออยู่เสมอเรื่อยมา และถ้าหากว่าเธอยังปล่อยเขาเอาไว้แบบนี้ล่ะก็ ชีวิตของเธอก็จะไม่มีความสงบสุขไปทั้งชีวิต
เมื่อเย่เชียนเห็นจีเมิงฉิงเข้าไปข้างในห้องแล้ว เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมากระดิกนิ้วไปมาและทำท่าทางเรียกให้จางเจี้ยนเข้ามาหาเขา
จางเจี้ยนกำหมัดและง้างแขนพุ่งไปที่เย่เชียนทันที แต่มันก็เป็นเพียงหมัดธรรมดา ๆ ของนักเลงทั่วไปที่ไม่มีเทคนิคอะไรเลย ทว่าเย่เชียนกลับไม่ได้แสดงความเมตตาต่อเขาแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเย่เชียนก็สวนหมัดของเขากระแทกเข้าไปที่จมูกของจางเจี้ยนอย่างรุนแรง เป็นผลให้เลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมาจากรูจมูกของจางเจี้ยน
นอกจากเลือดสดที่ไหลออกมาจากจมูกของเขาแล้ว ยังมีน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของจางเจี้ยนเช่นกัน ตอนนี้ทั้งน้ำตาแล้วเลือดไหลมารวมกันบนใบหน้าของจางเจี้ยนทำให้มันดูเหมือนลูกแตงโมเน่า ๆ ลูกหนึ่ง
จางเจี้ยนเอามือปิดจมูกเอาไว้และชี้ไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ไอ้เวรเอ้ย…! แกกล้าต่อยฉันเหรอวะ! ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าแกในวันนี้ ฉันจะเลิกใช้แซ่นี้ซะ!”
เย่เชียนยังไม่วายพูดจายั่วโทสะจางเจี้ยนไปอีกทีหนึ่ง “ผมไม่เห็นว่าคุณจะเป็นลูกผู้ชายอะไรเลย!”
เย่เชียนพูดจบ เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบไปที่หน้าอกของจางเจี้ยน ตอนนี้จางเจี้ยนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายและเขาก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น เย่เชียนยังไม่ยอมหยุด เขาตามไปกระชากผมของจางเจี้ยนขึ้นมา แล้วแทงเข่าของเขาฟาดเข้าไปที่หัวของจางเจี้ยนอย่างรุนแรงทำให้จางเจี้ยนกระเด็นออกไป
ไม่เพียงเท่านั้น เย่เชียนยังคงเดินตามไปหาเขาแล้วนั่งทับลงไปที่ท้อง จากนั้นเย่เชียนก็ต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของจางเจี้ยนอีกหลายทีและต่อยย้ำเข้าไปที่เบ้าตาของจางเจี้ยนอีกทีหนึ่งเป็นการส่งท้าย มันทำให้ตาของเขาเริ่มบวมเป่งขึ้นมาอย่างน่ากลัว ทั้งนี้ทั้งนั้นการโจมตีของเขาไม่ได้รุนแรงอะไรมากเลย เย่เชียนไม่ได้ต้องการที่จะเอาให้ถึงตาย ขาเพียงแค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนดี ๆ สักหนึ่งบทให้แก่จางเจี้ยนก็เท่านั้น
“โอ๊ย… พอแล้ว พอเถอะ… ได้โปรด!” จางเจี้ยนคร่ำครวญอย่างน่าสมเพช
เย่เชียนเช็ดเลือดออกจากมือของเขาด้วยเสื้อผ้าของจางเจี้ยนแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณยังหยิ่งผยองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ? ไหนบอกว่าต้องการมือของผมไง ? เป็นไงล่ะ… ตอนนี้คุณเข้าใจถึงความหวาดกลัวที่แท้จริงแล้วรึยัง ?”
“ฉะ… ฉัน… ฉันมันตาบอดที่ไม่รู้ว่านายเป็นใคร… ได้โปรดเถิด ถ้านายยังงต่อยฉันต่อล่ะก็ ฉันจะต้องตายอย่างแน่นอน” จางเจี้ยนวิงวอน
เย่เชียนค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่สนใจหรอกนะว่าคุณจะไปทำอะไรที่มันผิดกฎหมายบนเส้นทางของคุณ… แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณมารบกวนและยุ่งวุ่นวายกับจีเมิงฉิงอีกครั้ง… คุณรู้ใช่มั้ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ?”
“ขะ… เข้าใจ… ฉันเข้าใจ! ฉันสาบานว่าฉันจะไม่มารบกวนเธออีก… ฉันขออวยพรให้คุณทั้งคู่รักกันและอยู่คู่กันไปนาน ๆ จนแก่จนเฒ่าเลย” จางเจี้ยนพยายามคุกเข่าขณะที่เขาพูดแบบนี้
เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ทำไมเขาต้องอยู่คู่กับจีเมิงฉิงไปจนแก่จนเฒ่ากันล่ะ ? เขากับจีเมิงฉิงไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“ดี!” เย่เชียนเตะจางเจี้ยนไปอีกทีขณะที่เขาพูด
“ฉะ… ฉันจะออกไป… ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” จางเจี้ยนวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซและตื่นตระหนก เมื่อเขาไปไกลระยะหนึ่ง เขาก็หันกลับไปมองเย่เชียนและพึมพำเบา ๆ อย่างโกรธแค้นว่า “ไอ้เวรเอ้ย… ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”
“เขาออกไปแล้ว… ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณออกมาเถอะ” เย่เชียนูดพลางนั่งลงบนโซฟา
จีเมิงฉิงได้ยินดังนั้นก็ค่อย ๆ แง้มประตูดูด้านนอก ก่อนที่จะพาเบ็งเบ็งออกมากับเธอด้วย จากนั้นเธอก็มองไปที่เย่เชียนและถามด้วยความกังวลว่า “คุณเป็นอะไรมั้ยคะ ? คุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า ?”
เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ผมไม่เป็นอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ… เขาจะไม่กลับมายุ่งวุ่นวายและสร้างปัญหาให้คุณอีกต่อไปแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ!” จีเมิงฉิงพูดเบา ๆ จากนั้นเธอก็พูดต่อ “ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันเป็นคนขอให้คุณมางานวันเกิดของเบ็งเบ็งแท้ ๆ แต่กลับมีเรื่องไม่ดีแบบนี้เกิดขึ้น ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจู่ ๆ เขาจะโผล่มาแบบนี้”
“อาหารเสร็จหรือยังครับ ? ผมหิวมากเลย!” เย่เชียนยิ้มกว้างและเปลี่ยนประเด็นคุย
จีเมิงฉิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็รีบตอบว่า “เสร็จแล้วค่ะ… คุณนั่งรอที่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะนำอาหารออกมาให้” หลังจากพูดแบบนี้แล้วเธอก็รีบเข้าไปในครัว
เย่เชียนกวักมือเรียกให้เบ็งเบ็งมาหา จากนั้นเขาก็หยิบตุ๊กตาที่เขาซื้อมาออกมาและพูดว่า “มานี่มา… หนูไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้จากพี่ชายเหรอ ?”
“หนูชอบแพะน้อยอ่า… นี่มันไม่ใช่แพะน้อยจอมซนอ่าพี่ชาย” เบ็งเบ็งพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เธอบุ้ยปากอย่างน่ารักและซุกซน