ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 15 ท้าทาย
ตอนที่ 15 ท้าทาย
หลังจากที่เจิ้งต้าฟูได้ยินหลี่ฮ่าวบอกว่าเย่เชียนเป็นพี่ชายของตน เจิ้งต้าฟูก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด เขาเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลี่ฮ่าวที่มาเยี่ยมเขาในวันนี้แล้ว หลี่ฮ่าวขอให้เขายกฟ้องอย่างสุภาพเพียงเพราะเขาไม่ต้องการทําอะไรให้มันโจ่งแจ้ง เขาเป็นเหมือนดั่งมังกรแข็งแกร่งที่ไม่มีทางลดตัวลงไปสู้กับงู
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เจิ้งต้าฟูก็รับรู้ได้ว่าโชคดีของเขาได้หมดลงไปเสียแล้ว
อันที่จริง เมื่อหลี่ฮ่าวเห็นเจิ้งต้าฟูเป็นครั้งแรก เขาก็ไม่พอใจอย่างมาก เพราะชายคนนี้เป็นคนทําให้พ่อของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่หากเขาต้องการที่จะปล่อยเย่เชียนออกมาให้เป็นอิสระได้นั้น เขาจึงจําเป็นต้องระงับโทสะเอาไว้
“ดะ… ได้… ผมจะยอมความครับ” เจิ้งต้าฟูตอบรับแต่โดยดี
เขารู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นอยู่ในจุดไหน หลังจากที่หลี่ฮ่าวพูดประโยคเหล่านั้นออกมาจนจบ เขาจึงตอบกลับอย่างไร้ซึ่งความลังเลเมื่อคิดได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีแค่ไหนแล้วที่หลี่ฮ่าวยังคงพูดจาสุภาพกับตนอยู่ ขนาดว่าตนเองนั้นได้ไปทำร้ายพ่อของพวกเขา
พอได้ยินคําตอบรับจากเจิ้งต้าฟูแล้ว หลี่ฮ่าวก็ยิ้มเจื่อน ๆ อย่างสุภาพและพูดกลับไปอีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ออกจากโรงพยาบาลและขับรถตรงไปยังสถานกักกันที่เย่เชียนถูกฝากขังเอาไว้
……
เช้าวันนี้ หวังยู่ได้เข้ามาที่สถานีตำรวจตามปกติ เมื่อเธอเปิดประตูเข้ามา เธอก็ถามอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“ไอ้สารเลวนั่น! ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ?”
เมื่อวานนี้เย่เชียนทำให้เธอโกรธมากจากการล่วงละเมิดร่างกายของเธอ เธอรู้สึกทั้งเจ็บใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน แต่หลังจากที่เธอกลับไปทำใจที่บ้านเมื่อคืน เธอก็รู้สึกดีขึ้น และในวันนี้เอง เธอตั้งใจจะมาล้างแค้นเอาคืนเป็นสองเท่าของความทุกข์ที่เธอได้รับจากเย่เชียน
“อยู่ในศูนย์กักกันส่วนกลางครับ…”
เจ้าหน้าที่ที่ประจําการอยู่พูดออกมา หลังจากเห็นหวังยู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาก็รู้สึกประหม่าและระวังตัวเพื่อไม่ให้พบกับภัยพิบัติที่จะลามมาถึงตนเอง ไม่มีทางที่ใครหน้าไหนที่จะกล้ายั่วโทสะของเธอในตอนนี้
ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรายงานสถานการณ์อยู่นั้น หยางเหว่ยเหลือบมาเห็นหวังยู่ยืนอยู่ เขาจึงถือโอกาสเข้ามาถามไถ่
“เสี่ยวยู่ เธอไม่เป็นไรนะ ? ฉันช่วยเธอสั่งสอนบทเรียนให้กับไอ้สารเลวนั่นแล้ว เมื่อวานฉันสั่งคนให้จับมันไปขังรวมกับนักโทษคดีฉกรรจ์ มันคงออกมาไม่ครบ 32 แน่ ๆ”
“อะไร ?! ใครขอให้นายช่วย ? เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ นายไม่ต้องมายุ่ง!”
หวังยู่ตะคอกใส่และเหลือบมองหยางเหว่ยอย่างเย็นชาขณะที่เดินไปที่ห้องขัง
ความหวังดีของเขากลับกลายเป็นเรื่องงี่เง่า เขาสาปแช่งฟ้าดินอยู่ในใจ แล้วมองตามแผ่นหลังของหวังยู่ไปพร้อมทั้งพึมพำกับตัวเองอย่างดุเดือด
“ยัยผู้หญิงอวดดี! มันจะอะไรกันนักกันหนา ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอเป็นถึงรองเลขานุการกรรมการเทศบาลก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะอ้าปากคุยด้วยให้เสียเวลา!” พูดจบ เขาก็เดินตามหลังเธอไปยังห้องขัง
เมื่อมาถึงห้องขัง หยางเหว่ยก็ต้องตกตะลึง เขาเชื่อมาตลอดว่าเย่เชียนจะต้องเจ็บตัวจนปางตาย แต่ผลลัพธ์มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ไม่เพียงแค่เขาได้นอนสบาย ๆ บนเตียง แต่แม้กระทั่งเหล่านักโทษที่โหดเหี้ยมก็ยังกลับกลายเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังเย่เชียน ทั้งนวดไหล่ทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับเขามาเพื่อเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเย่เชียนเห็นหวังยู่และหยางเหว่ยเดินเข้ามา เขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า
“สุดสวย… เธอคงคิดถึงฉันมากเลยสินะ ถึงกลับมาหาถึงที่ เมื่อคืนนี้คงจะนอนไม่หลับเพราะคิดถึงฉันใช่ไหมล่ะ ? หืม ?”
“นอนไม่หลับบ้านนายสิ! ฉันมาที่นี่เพื่อดูว่านายน่ะตายไปแล้วหรือยังต่างหากล่ะ!” หวังยู่สบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“โอ้ที่รัก… อย่าพูดจาใจร้ายใส่กันนักสิครับ แหม… จิตใจสตรีนั้นยากแท้ที่จะหยั่งถึงอย่างที่คนเค้าว่ากันจริง ๆ แต่ถึงยังไงร่างกายของเราสองคนก็เคยสัมผัสกันและกันอย่างใกล้ชิดมาแล้วนะ เธอลืมมันไปหมดแล้วเหรอ ?” เย่เชียนแสร้งพูดออกมาด้วยท่าทางที่เจ็บปวดรวดร้าว
สิ้นเสียงพูดของเย่เชียน ทั้งหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ รวมไปถึงนักโทษทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หันไปมองหวังยู่พร้อมกันทันที
หยางเหว่ยคิดในใจว่า ‘ไอ้สารเลวนี่พูดอย่างกับว่ามันได้เสียกันกับยัยผู้หญิงอวดดีคนนี้ไปแล้วงั้นแหละ!’
“มองหาอะไรกันยะ!!! อยากถูกควักลูกตาออกมากันหรือไง ห๊ะ ?!” หวังยู่ตะโกนใส่ทุกคนพร้อมกัดริมฝีปากตัวเองและมองไปยังเย่เชียน
“ถ้านายคิดว่าตัวเองแน่นัก งั้นก็ออกมาประลองกับฉันซะเดี๋ยวนี้! ตอนนี้เลย! มา!”
“ประลอง ? อุ๊บ…! หึ ๆ ๆ” เย่เชียนหลุดขําโดยไม่ตั้งใจก่อนจะพูดออกไป
“คนสวย… เธอบ้าไปแล้วเหรอ ? นี่มันยุคยุโรปตอนกลางหรืออย่างไรกัน ? แล้วอีกอย่าง ทําไมฉันจะต้องไปประลองกับเธอด้วย ?”
“ก็ทำไมล่ะ ? นายกลัวอะไรงั้นเหรอ ? ทำตัวแบบนี้แล้วยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอีกนะ” หวังยู่เย้ยหยันเขา
“เหอะ… ฉันจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่นั้น เธอก็คงไม่สนใจหรอก เอาเป็นว่าเธออย่ามาทำอะไรแบบนี้เลย มันไม่ใช่สิ่งที่ดี เป็นผู้หญิงก็ควรจะกลับบ้านไปนั่งเล่นเปียโนเสียดีกว่า มาท้าผู้ชายต่อสู้ด้วยแบบนี้ เดี๋ยวจะหาคู่แต่งงานด้วยยากเอานา” เย่เชียนพูดพร้อมยิ้มเล็กยิ้มน้อย
อันที่จริงเย่เชียนเองก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทําเธอร้องไห้ เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ใสซื่อเช่นนี้มาก่อน แต่พอมาเจอเธออีกในวันนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชวนทะเลาะ
“ฉันจะได้แต่งงานไหมมันก็ไม่ใช่เรื่องของนาย แต่ที่แน่ ๆ ฉันจะไม่แต่งกับคนอย่างนายแน่นอน!”
“นี่! ถ้าเธออยากแต่งงานกับฉันน่ะนะ ฉันจะยอมแต่งด้วยก็ได้ แต่เธอช่วยลดความรุนแรงลงซักหน่อยเถอะ ไม่งั้นจะหาคู่แต่งงานด้วยยากจริง ๆ นา ขอย้ำ…”
หยางเหว่ยที่ยืนมองทั้งคู่เถียงกันไปมาตั้งแต่ต้นรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอย่างมาก นี่มันคือการพูดคุยของตํารวจกับนักโทษแน่แล้วหรือ ? เพราะดูยังไงมันก็เหมือนกับการทะเลาะกันของคู่รักชัด ๆ
“ไอ้เลว! ไอ้อันธพาล! ไอ้บ้าาาา!” หวังยู่โกรธมาก เธอพยายามนึกคำด่ามากที่สุดเท่าที่จะนึกได้เพื่อที่จะเอามาด่าว่าไอ้บ้าคนนี้
ทันใดนั้น เย่เชียนที่ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยก็พูดขึ้นมาว่า
“ใช่! ฉันมันเลวจริงอย่างที่เธอว่านั่นแหละ แต่แล้วยังไงล่ะ… เธอจะทำยังไงกับฉันล่ะ ?”
เมื่อเห็นหวังยู่โกรธจนแทบจะระเบิดออกมา หยางเหว่ยจึงรีบหลบออกไปทางด้านข้าง ขณะที่ปากก็พูดว่า
“พอ! ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว อะไรของคนพวกนี้ก็ไม่รู้!”
หยางเหว่ยสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกจึงจำต้องรีบหลบออกไปด้านข้างและเดินออกไป เขาเปิดประตูทิ้งไว้อย่างไม่แยแสพร้อมทั้งสาปแช่งหวังยู่ในใจ ‘เหอะ! ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะต้องตกเป็นของฉัน แล้วฉันจะกดและขย้ำเธออย่างไม่ปรานีเลยคอยดู!’
ในขณะที่ประตูห้องขังถูกเปิดออก หวังยู่ก็รีบเข้าไปข้างในและกวาดสายตาไปยังเหล่านักโทษ
“ออกไป!” เธอตะเบ็งสุดเสียง
“โอ้คนสวย! เธอจะทําอะไรน่ะ! รู้มั้ยว่าฉันสามารถฟ้องเธอข้อหากระทําชําเราได้เลยนะ” ไม่พูดเปล่า ครั้งนี้เย่เชียนเอามือปิดช่วงบนและล่างลำตัวของเขา พลางทําท่าราวกับว่าเขาเป็นผู้หญิงที่กำลังจะโดนทำอนาจาร
หวังยู่ไม่สนใจในท่าทางน่าหมั่นไส้ของเย่เชียน เธอเดินตรงไปหาเขาอย่างรวดเร็วแล้วคว้าแขนของเขามากัดลงไปอย่างเต็มปากเต็มคำ ‘หึ! สาแก่ใจนัก’
“โอ้ยยยยยยยยยยยย!” เย่เชียนถึงกับร้องออกมา
“บัดซบจริง ๆ เลย… นี่เธอเป็นหมาหรือไงถึงได้มากัดกันแบบนี้” เย่เชียนยิ้มเจื่อน ๆ เพราะความเจ็บแต่ก็ยังไม่วายที่จะกวนประสาทเธอต่อ
“ฉันกัดนายแล้วจะทําไมล่ะ ?” หวังยู่ท้าทาย
“เธอลืมมันไปเถอะ… ผู้ชายเขาไม่สู้กับผู้หญิงหรอก” เย่เชียนหันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจเธอ
หวังยู่ยังไม่ถอดใจ เธอคว้าแขนเขามาอีกครั้งแล้วทำท่าจะกัด ทว่าเย่เชียนพูดขัดขึ้นทันทีว่า
“แน่จริงก็ลองกัดอีกครั้งสิ แล้วเธอจะได้รู้ซึ้ง…”
“เออ เอาเซ่! นายจะทําอะไรได้!” หวังยู่จับแขนของเย่เชียนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อืม ๆ ๆ ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมเลิกราถ้าฉันไม่สอนบทเรียนให้เธอสินะ…” พูดจบ เย่เชียนก็จับหวังยู่ไว้ในอ้อมแขนแล้วกดเธอลงกับเตียง