ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 179 เมาแล้วพาล
“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างนายจะเป็นห่วงเรื่องที่บริษัทด้วย ?” ซ่งหลันถามพร้อมกับรอยยิ้ม
เย่เชียนมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าหมองและพูดว่า “โธ่พี่! ผมถามจริงจังนะ”
“ฉันแค่แซวเล่นนิดเดียวเองหน่า ฮิ ๆ ๆ ” ซ่งหลันยังคงยิ้มอย่างซุกซน
“ช่างเถอะ… คิดซะว่าผมไม่ได้ถามอะไรเลยละกัน” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่
ซ่งหลันยิ้มหวานแล้วมองหน้าเย่เชียน “ทำไมนายไม่สนใจฉันมั่งเลยล่ะ ? ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังพยายามแจกขนมจีบให้นายอยู่เนี่ย”
“โธ่! พี่หลันหลัน พี่จะมาแจกขนมจีบอะไรกับผมละคร้าบ เดี๋ยวพี่ก็มาเหวี่ยงใส่ผมอีกเวลาผมไม่ว่างจนไม่ได้มาสนใจพี่น่ะ” เย่เชียนพูด
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันทนไม่ไหวหรอก” ซ่งหลันยิ้มอย่างขมขื่นและพูดเปลี่ยนประเด็นว่า “ฉันเช่าตึกสำนักงานอยู่ตอนนี้น่ะและกำลังปรับปรุงโครงสร้างอยู่ คาดว่าอีกไม่นานก็คงย้ายมาประจำการได้แล้วล่ะมั้ง แต่เราก็ยังต้องหาบุคลากรประจำสาขาอีกอยู่ดี แล้วที่นี่มันก็ไม่เหมือนกับที่อเมริกา ฉันเลยไม่ค่อยมีตัวเลือกกับเขาสักเท่าไหร่”
“อืม…” เย่เชียนตอบเรียบ ๆ
เย่เชียนนั้นไม่เข้าใจกับเรื่องของการดูแลจัดการบริษัทเลยจริง ๆ เขาจึงเพิกเฉยต่อการจัดการบริษัทไปโดยชิ้นเชิง ทำให้เย่เชียนจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่น่านฟ้ากรุ๊ปกำลังทำอยู่มากนัก อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลอะไร เพราะซ่งหลันนั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้บริหารโดยแท้ นอกจากความสามารถในการเป็นนักฆ่าแล้ว ความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก เธอบริหารธุรกิจของน่านฟ้ากรุ๊ปหลายประเภทอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทก็เฟื่องฟูและเติบโตขึ้นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ว่าตอนนี้ทรัพย์สินของน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ แต่เขาก็เชื่อว่ามันไม่ใช่น้อย ๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีรายได้ของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าอีกทางหนึ่ง เย่เชียนจึงไม่ได้สนใจเลยว่าน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นจะทำเงินได้เท่าไหร่ แต่เขากังวลในด้านของผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือแม้แต่ทั่วโลกมากกว่า
“แล้วการจัดการแร่ทับทิมและแร่หยกในประเทศเมียนมาร์เป็นไงบ้าง ?” เย่เชียนถาม
“ฉันส่งคงไปที่นั่นเพื่อเตรียมสร้างโรงงานแปรรูปแล้วล่ะ เดี๋ยวพอโรงงานสร้างเสร็จแล้วเราก็จะขายผลิตภัณฑ์และส่งออกผ่านเครือข่ายการตลาดของน่านฟ้ากรุ๊ป” ซ่งหลันตอบ
“เยี่ยมไปเลย!” เย่เชียนตอบและพูดว่า “พี่หลันหลัน ขอบคุณมากนะ!”
เย่เชียนตอบอย่างจริงใจมาก แต่ซ่งหลันกลับผงะไปชั่วครู่ “เอ๊ะ! วันนี้นายกินยาลืมเขย่าขวดหรือไง ? ทำไมนายถึงพูดดีผิดปกติเนี่ย ? ฮิ ๆ ๆ ” ซ่งหลันพูดหยอกล้อ
เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่จ้องมองเธออย่างโง่เขลา
……
หลังจากกินอาหารที่สั่งมาจนหมดแล้ว เย่เชียนก็ดื่มเบียร์สดไปทั้งหมดสี่แก้ว ขณะเดียวกันเขาก็พยายามควบคุมเจตจำนงที่ชั่วร้ายของเขาเอาไว้
ตรงหน้าของเย่เชียนนั้นมีของบางอย่างลักษณะดูแล้วคล้ายคลึงกับลูกชิ้นทอดวางอยู่ในถ้วย แต่เขากลับไม่กล้าที่จะกินมันเข้าไป ดูท่าเย่เชียนจะรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจกับของสิ่งนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันคือยาโด๊ป! เมื่อนานมาแล้วเย่เชียนเคยลองกินมันเข้าไปครั้งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้น้องชายของเขาแข็งปึ๋งปั๋งตลอดทั้งคืน มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามันแข็งจนเขาสามารถใช้น้องชายของเขาเจาะทะลุกำแพงห้องได้ยังไงยังงั้น มันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก!
เมื่อซ่งหลันเห็นเย่เชียนที่หน้าแดงก่ำและกระวนกระวายวิ่งไปที่ห้องน้ำ เธอก็หัวเราะอย่างซุกซนจนหน้าอกอันอวบอั๋นของเธอสั่นกระเพื่อมขึ้นลงไปตามจังหวะการหัวเราะ มันสั่นถึงขนาดที่จะทำให้สรวงสวรรค์สั่นคลอนได้เลยทีเดียว
“นี่… ถ้านายไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่มแล้ว ฉันนั่งดูนายวิ่งเข้าห้องน้ำไปมาทั้งคืนเนี่ย มันน่าอายนะ ไตนายพังไปแล้วมั้งป่านนี้” ซ่งหลันพูด
“พี่อย่าดื่มมันนะ ไม่งั้นพี่อาจจะต้องทำบางอย่างที่เลวร้ายเยี่ยงสัตว์ร้ายแน่นอน!” เย่เชียนส่ายหัวอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่านางฟ้าตรงหน้าเขานี่ช่างยั่วยวนเสียจริง ทันใดนั้นก็มีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา ‘หรือว่าพี่หลันหลันคนนี้จะจงใจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความลุ่มหลงและต้องการมอบร่างกายให้กับเขา’
“นายไม่อยากกินเหรอ ?” ซ่งหลันพูดอย่างคลุมเครือและจ้องมองเย่เชียนอย่างเย้ายวน ไม่เพียงแค่เธอนั้นจะไม่ได้มีความกลัวใด ๆ เลยแม้แต่น้อยเท่านั้น แต่เธอยังขยับตัวของเธอเข้ามาแนบชิดกับเย่เชียนอีกด้วย
เย่เชียนส่ายหัวและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาอันน่าลุ่มหลงของซ่งหลันและคิดในใจว่า ‘นี่พี่ไม่ได้คิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับผมจริง ๆ ใช่มั้ย ? ชื่อเสียงอันก้องโลกของผมจะต้องจบลงเพียงเท่านี้ในวันนี้แล้วใช่มั้ย ?’
“นี่พี่ไม่กลัวผมจะทำอะไรไม่ดีกับพี่เลยหรือไงถึงได้มาแกล้งยั่วผมเล่นแบบนี้น่ะ ? พี่หลันหลันไม่กลัวผมจะพาพี่ไปที่ตรอกเล็ก ๆ และทำไม่ดีไม่ร้ายกับพี่เลยเหรอ ?” เย่เชียนจ้องมองใบหน้าที่มีเสน่ห์ของซ่งหลันและพูดมันออกมา
ยาดองเหล่านั้นมันคือสิ่งที่ผิด และเย่เชียนเองก็ไม่ใช่นักบวชหรือนักถือศีลอะไร เขามิอาจห้ามความต้องการเอาไว้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เย่เชียนไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เขาจ้องมองซ่งหลันด้วยสายตาที่เร่าร้อนราวกับหมาป่าเสมือนเธอเป็นลูกแกะที่ถูกปรนนิบัติอย่างดีเพื่อรอเขาเข้าไปขย้ำ
“นายกล้าทำจริง ๆ หรือไง ?” ทุกครั้งที่ซ่งหลันเผชิญหน้ากับเย่เชียนที่อยู่ในอารมณ์ร้อนแรงเช่นนี้ เธอมักจะแพ้เขาอยู่เสมอแต่เธอกลับไม่มีความกลัวใด ๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเย้ายวนและหยอกล้อ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า “เราไปตรงสี่แยกข้างหน้ากัน… มันไม่มีใครอยู่หรอกตรงนั้นน่ะ!”
ความหมายของซ่งหลันนั้นชัดเจนอย่างมาก แต่เย่เชียนก็ไม่อยากที่จะเป็นสัตว์เดรัจฉานที่จะทำอะไรอย่างว่าในที่แบบนั้น
“ให้ตายเถอะ! ผมจะไม่ไปทำอะไรกับพี่ในที่แบบนั้นเด็ดขาด มันจะเสียหน้าผมในฐานะบอสเปล่า ๆ ” เย่เชียนพูดแย้ง แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่ดูถูกเล็กน้อยของซ่งหลัน เย่เชียนก็โอบเอวเธอมาแนบชิดและพูดเบา ๆ ว่า “สวนสาธารณะมันน่าเบื่อนะ เรากลับไปทำที่บ้านกันเถอะ”
“ไม่เอาหรอก… ที่บ้านมันน่าเบื่อจะตายไป ฉันไม่มีอารมณ์หรอก ดูสิขนาดวันนั้นฉันอาบน้ำนอนรอนายบนเตียงแล้ว แต่นายก็ยังไม่กล้าทำอะไรฉันเลย” ซ่งหลันพูด
“แต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วนะ” ขณะนี้เย่เชียนกำลังตกอยู่ในความลุ่มหลงและความใคร่อย่างสมบูรณ์ ไฟในใจของเขาลุกโชนอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ระบายมันออกมาหรือทำอะไรสักอย่างในวันนี้ล่ะก็ เขาอาจจะเจ็บปวดและทุกทรมานใจอย่างมาก
ทันใดนั้นเองที่มุมปากของเย่เชียนนั้นมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างชั่วร้าย!
ซ่งหลันหัวเราะออกมาอย่างซุกซนและหลีกเลี่ยงจูบของเย่เชียน ถึงแม้ว่าเธอจะชอบการแสดงออกอันเร่าร้อนของเขาในตอนนี้ก็ตาม ทั้งคำพูดและการกระทำของเย่เชียนในค่ำคืนนี้นั้นมันทำให้เธอมีความสุขมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วซ่งหลันไม่ต้องการที่จะมอบเรือนร่างของเธอให้กับเขาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพราะเธอเองก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงทุกคน ที่ใฝ่ฝันที่จะมีครั้งแรกอันสวยงาม และมอบครั้งแรกให้กับผู้ชายที่เธอรักภายใต้บรรยากาศอันแสนหอมหวาน
“เฮ้อ! ฮ่า ๆ ๆ ” เย่เชียนถอนหายใจและหัวเราะกลบเกลื่อน จากนั้นเขาก็เอามือกุมปากของเขาและรีบวิ่งไปที่ริมถนนพร้อมกับอาเจียนออกมา มันเป็นภาพที่น่าอับอายจริง ๆ เย่เชียนไม่เคยเมาจนต้องอับอายมากเหมือนอย่างในวันนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว อันที่จริงแล้วคืนนี้เย่เชียนนั้นไม่ได้ดื่มมากจนเกินไปเลย เพราะถ้าเขาดื่มประมาณนี้ ปกติแล้วเขาจะเมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และถ้าหากแอลกอฮอล์ในปริมาณนี้ทำให้เขาเมาได้ขนาดนี้ล่ะก็ ทุกคนบนโลกก็คงเมากันหมดแล้ว
“นายไหวมั้ยเนี่ย ?” ซ่งหลันยังคงแสดงท่าทางที่หยอกล้อและเดินไปหาเย่เชียนด้วยสีหน้าที่ห่วงใยพร้อมกับลูบหลังของเย่เชียนเบา ๆ “ดีขึ้นมั้ย ?” ซ่งหลันพูดขณะที่เธอหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วยื่นให้เย่เชียน
เย่เชียนหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากของเขา จากนั้นก็พูดอย่างร้อนรนว่า “ว่าไงพี่สาว! ยังกล้าจูบกับน้องชายคนนี้อยู่มั้ย ?”
ซ่งหลันจ้องมองอย่างซุกซนและพูดว่า “ฉันจะตบนายเข้าให้น่ะสิ มันเหม็นนะ”
เย่เชียนใช้กลอุบายของเขาและมันก็ยากมากที่จะประสบความสำเร็จกับเธอ เขายิ้มอย่างขมขื่นพร้องทั้งเริ่มเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และเซไปเซมาเล็กน้อย ซ่งหลันเห็นดังนั้นก็รีบไปประคองเขาและยื่นมือของเธอออกไปเพื่อโบกรถแท็กซี่ “นายเมามากแล้ว… เรากลับบ้านกันเถอะ”